"เมือเสียเด้อ...หมดทอนี้ล่ะเน้อ... เอาน้ำไปรดไม้แก่นล่อน ให้มันปงเป็นใบ บ่มีดอกเด้อ... ให้พากันเฮ็ด พากันทำตามที่อาตมาเคยพาเฮ็ดพาทำเด้อ อย่าลืมเด้อ...ให้พากันรักษาศีลห้า ถ้าผู้ใดรักษาศีลห้า ได้ตลอดชีวิต ผู้นั้นเลิศที่สุด หมดทอนี้ละ" โอวาทธรรม ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร ที่ให้ครั้งสุดท้ายกับชาวบ้านหนองผือ (ให้พวกโยมชาวบ้านหนองผือพากันกลับซะ ชีวิตของท่านก็คงจะหมดเท่านี้แหละ จะรักษาเยียวยาอย่างไรก็คงไม่หาย เปรียบเสมือนกับเอาน้ำไปรดต้นไม้ที่ตายผุกร่อน เหลือแต่แก่นให้มันกลับงอกกิ่งใบได้อีก คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนั้นท่านให้พากันประพฤติปฏิบัติตามแนวทาง ที่ท่านเคยสั่งสอนและปฏิบัติมาแล้วนั้น ท่านว่า ไม่ให้ลืมโดยเฉพาะศีลห้าซึ่งเหมาะสำหรับฆราวาสที่สุด ถ้าผู้ใดรักษาศีลห้าได้ตลอดชีวิตแล้วท่านว่า คนนั้นเป็นคนที่เลิศที่สุดในชีวิตของเพศฆราวาส) พอหลวงปู่มั่นจากไป ท่านเหล่านี้ก็อย่างว่า เหมือนพ่อแม่ล้มหายตายจากไป ร้องห่มร้องไห้ ตลอดถึงเด็กเห็นพ่อแม่ร้องไห้ก็ร้องตาม นี่เพราะความเทิดทูนบุญคุณ เพราะความอาลัย เพราะความรัก ความเคารพเลื่อมใส แสดงกันทั่วหน้าในหนองผือ เวลาหามหลวงปู่มั่นผ่านไปในหมู่บ้าน ยืนกันเป็นแถวทั้งหมู่บ้านเลย บ้านหนองผือเรายืนกันเป็นแถวทั้งหมู่บ้านเลย ร้องห่มร้องไห้เป็นแถวไปเลย เราก็เดินไปอยู่ เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา เราก็สุดสลดสังเวช...น้ำตาเราก็ซึมภายในเหมือนกัน เพราะสงสารพี่น้องชาวหนองผือเรา ที่ได้อุปถัมถ์อุปัฏฐากด้วยศรัทธา ทุ่มกำลังทุกสิ่งทุกอย่างลงแล้วคราวนี้ ร่มโพธิ์ร่มไทรจะไปตายจากแล้ว... พระธรรมเทศนาของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "ความกตัญญูของชาวหนองผือ" ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ (ที่มา...จากหนังสือ"บูรพาจารย์" จัดพิมพ์โดย มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) |