ปัจจุบันเห็นมีหลายแห่งที่พยายามใช้แสงออร่าเป็นเครื่องพิสูจน์คุณสมบัติหรือพลังในวัตถุมงคล ก็เลยชักสงสัยว่าถ้าถ่ายสิ่งเดียวกันซ้ำ ๆ หลายหน จะได้ค่าเหมือนเดิมไหม เครื่องมือนี้ให้ค่าที่เป็นมาตรฐานน่าเชื่อถือหรือไม่

ใครมีความรู้หรือประสบการณ์ ช่วยขยายความหน่อยครับ เพราะนึกสงสัยอยู่ว่าโลกมาถึงจุดที่จะเอาวัตถุไปวัดนามธรรมกันได้แล้วหรือ

ไม่ทราบว่าพี่น้องเป็นนักฟิสิกส์ด้วยหรือเปล่าครับ ถึงได้เข้าใจกระบวนการทำงานของมันได้อย่างละเอียด รวมทั้งรู้ถึงข้อจำกัด หรือเงื่อนไขการใช้งาน

ถ้าเป็นอย่างที่พี่น้องเล่ามาว่าในสุญญากาศ เราไม่อาจถ่าย aura ดังนั้น หากเราเอาวัตถุมงคลไปไว้ในห้องหรือกล่องสุญญากาศ ทำให้ถ่าย aura ไม่ได้ มิแปลว่า วัตถุมงคลนั้นไม่มีพลังงานหรือ

จริง ๆ ผมเชื่อว่าวิทยาศาตร์ที่แท้จริง เขามีความซื่อตรงต่อการทดสอบทดลอง และซื่อตรงต่อผล

แต่ผู้บริโภคอุปกรณ์วิทยาศาสตร์นี้สิ พยายามใช้มันอย่างไม่ซื่อตรง เช่น aura ไม่อาจวัดปริมาณพลังงาน ก็ยังจะไปสื่อเป็นนัย ๆ ถึงมิติปริมาณพลังงาน หรือสื่อถึงความบริสุทธิ์บ้าง พลังลึกลับหรือการสั่งสมบารมีบ้าง

ไม่รู้พี่น้องและเพื่อนสมาชิกจะทันตลกคณะซูโม่ (สถาปัตย์จุฬาฯ) กันบ้างหรือเปล่า มีตลกฉากหนึ่งที่เขาพยายามจะเอาวัตถุมาสื่อนามธรรม (เหมือนอย่างกรณี aura) นั่นก็คือ "เครื่องทดแทนบุญคุณ" โดยเขาจะเอาคนไปใส่ไว้ในกล่อง เจาะช่องให้เฉพาะมือโผล่ออกมาเป็นลักษณะพนมมือ  การใช้งานก็ง่ายมาก ใครคนไหนเป็นหนี้บุญคุณใครมาก็ตาม หากต้องการทดแทนบุญคุณ ก็เพียงเอาเงินมาหยอดลงในเครื่องนี้ เครื่องมันก็จะสั่งให้ยกมือพนมขึ้นมาทีหนึ่ง ก็ถือว่าทดแทนบุญคุณสำเร็จแล้ว

อ่านที่ผมเล่ามาเพียงนี้ อย่าเพิ่งนึกขันว่ามันไม่ make sense อย่างสิ้นเชิง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ตรรกะชนิดนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว แถมยังเกิดขึ้นที่วัดสะแกเสียด้วย

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อหลวงปู่ละสังขาร ผู้คนก็พากันมาหาเช่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ ใครมีรายได้มาก ก็เช่าชนิดยกปี๊บกลับบ้านกันไปเลย ตรงกันข้าม คนที่มีทรัพย์น้อยบางคน ก็อาศัยความสัมพันธ์กับทางวัด ขอเอาวัตถุมงคลไปก่อน แล้วจะหาเงินมาชำระแก่วัดในภายหลัง (= เป็นหนี้ค่าวัตถุมงคลกับทางวัดสะแกนั่นเอง)

พอหนี้สินมากเข้า แล้วไม่ใช่เกิดกับคน ๆ เดียว หากเกิดกับทั้งคณะกลุ่มก้อนนั้น ๆ ทีเดียว สุดท้าย ผู้เป็นผู้นำหมู่คณะนั้น ก็ให้คำแนะนำแก่สานุศิษย์ของเขาว่า ไม่ต้องชำระหนี้ให้วัดสะแกก็ได้ เพียงนำเงินจำนวนหนึ่งไปชำระหนี้สงฆ์ที่วัดใดวัดหนึ่งก็ใช้ได้แล้ว?? ทำเอาพระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ให้บูชาวัตถุมงคล พูดไม่ออกจริง ๆ

บางครั้งตรรกะที่คนปรกติทั่วไปเห็นว่าไม่ make sense แต่ก็อาจมีบางคนนำตรรกะชนิดนั้นไปใช้งานจริงก็ได้ (ถ้ามันสอดคล้องกับกิเลสของเขา)

แล้วตรรกะทำนองเดียวกันนี้ มันอาจจะมาเกิดกับกรณี aura นี้ก็ได้ ถ้าผู้ใช้ไม่ได้ใช้มันอย่างซื่อตรง หากแต่จะเอามันมาอธิบายเชื่อมโยงเพื่อประโยชน์ตนในทางที่มิชอบในที่สุด

ขอบคุณพี่น้องอีกครั้งนะครับสำหรับข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับ aura

แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าด้วยตัวมันเองเป็นก้อนพลังงาน สามารถเดินทางผ่านสูญญากาศได้ แต่การให้เกิด aura จะต้องมีอากาศ ถ้าถ่ายวัตถุมงคลในสูญญากาศ จะไม่ปรากฎ aura  

aura เป็น out of the ordinary  ไม่น่าทำให้พ้นทุกข์

อริยสัจ 4 เป็น ที่สุดของ ordinary เป็นทางพ้นทุกข์

...ไปให้ถึง