luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)  (Read: 21718 times - Reply: 15 comments)   
ronram

Posts: 6 topics
Joined: 18/8/2554

หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
« Thread Started on 3/9/2554 14:06:00 IP : 124.121.34.118 »
 
ออกจากวัดพระธาตุพนม ผมเลยไปกราบหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดพระธาตุมหาชัย พบท่านนั่งสนทนาธรรมกับโยม  2คน บริเวณที่ท่านรับแขกหน้าห้องท่าน ก็ได้ฟังท่านพูดเกี่ยวกับเรื่องพญานาคว่า คนเฒ่าคนแก่จะพูดกันมาว่าเวลามีงานบุญใหญ่ พวกพญานาคเขาจะแปลงร่างเป็นมนุษย์มาร่วมบุญด้วย ให้สังเกตจะใส่รองเท้าคีบปลายงอน ที่สำคัญจะใส่แหวนทองเหลืองไว้ที่นิ้วหัวแม่โป้งเท้าข้างขวา
แล้วท่านก็เล่าต่อไปว่าเมื่อพรรษาที่ผ่านมา ท่านนั่งปฎิบัติบริเวณลานทรายในวัดตลอด วันสุดท้ายเมื่อท่านยกเสื่อที่ใช้นั่งปฏิบัติปรากฏว่ามีงูสีขาวทั้งตัว มีหงอนที่หัวสีแดงและนัยน์ตาก็สีแดง ขนาดไม่ใหญ่นัก นอนขดตัวอยู่โดยทำทรายให้เป็นแอ่งพอขนาดตัวของเขา แล้วหลวงปู่ก็บอกว่าเขามาอยู่ปฏิบัติธรรมด้วยตลอดพรรษานั่นแหละ (ผมได้คิดว่า พญานาคตนนั้นแม้มีวรรณะเป็นสัตว์เดรัจฉาน ยังไข่วคว้าหาโอกาส แม้อยากบวชเป็นพระก็บวชไม่ได้ ตามที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ แล้วมนุษย์อย่างเราล่ะทำอะไรอยู่....)
จากนั้นโยม 2 คนนั้นได้ลากลับไป (เสียดายที่ผมไม่ทันสังเกตว่า 2 คนนั้นใส่แหวนกับรองเท้าตามที่หลวงปู่บอกรึป่าว) หลวงปู่ให้ผมตามเข้าไปในห้องท่าน (ทราบภายหลังว่าปกติท่านจะไม่ใคร่ให้ใครเข้าไป และนั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมได้เข้าไป)
เมื่อท่านนั่งลงบนอาสนะที่ปูอยู่ที่พื้นห้อง ผมก็นั่งใกล้ท่าน ห่างเล็กน้อย ท่านหยิบหมากปูนและที่ตำหมาก ผมไม่รอช้าขอโอกาสตำหมากถวายท่านทันที ท่านก็เมตตาอนุญาต หลังจากท่านได้เคี้ยวหมากสักครู่ ท่านก็ให้คำหมากนั้นกับผม แล้วท่านก็พูดกับผมว่า การลงโทษลูกน้องที่ทำผิดกฏระเบียบนั้น ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเป็นบาปกรรม เพราะเขาทำของเขาเอง เขาก็ต้องรับโทษตามที่เขาทำผิด หากจะมีผลบ้างก็เบาบางมากเพราะเรามีหน้าที่ตรงนั้น (นั่นแน่...ท่านรู้ใจผมได้ด้วย)
แล้วท่านก็บอกต่อว่าที่ประพฤติปฏิบัติตนมาก็ดีแล้ว ขอให้หมั่นทำและหมั่นสร้างความดีต่อไปเรื่อยๆ ท่านบอกเวลาเราขับรถไปตามที่ต่างๆ ลองสังเกตดูตามภูเขาข้างๆทางซิ เราจะเห็นต้นไม้ต้นที่มันโตสูงใหญ่กว่าต้นอื่นๆก่อนใช่ไหมล่ะ ซึ่งต้นที่เล็กกว่า บางทีก็เกาะกันเป็นกลุ่มมองไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าต้นไหนเป็นต้นไหน  ซึ่งต้นที่สูงใหญ่นั้น ก็ยังเป็นร่มเงาเป็นที่พักอาศัยให้กับบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ได้อีกด้วย  
ท่านบอกว่าเปรียบดั่งให้เราหมั่นทำความดีสร้างสมบุญบารมีไว้เสมอๆ ทำไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะค่อยๆ สูงเด่นเอง  ใครมองก็จะเห็นเรา เห็นความดีของเราได้แต่ไกล โดยที่เราไม่ต้องพยายามอยากเด่นอยากดีให้ใครรู้ใครเห็น เป็นประโยชน์ทั้งคนใกล้คนไกล  ทำดีไป.....ทำดึไปก็จะได้สมดังใจที่เราปรารถนา
....สาธุ........ก่อนที่ผมจะกราบลาท่าน ท่านหยิบเหล็กจาร ผมรู้ทันที ผมไม่ได้ขอแต่ครูบาอาจารย์เมตตาให้มีหรือจะปฏิเสธ (ทราบภายหลังอีกเหมือนกันว่าท่านไม่ได้ลงให้ใครง่ายๆ) ผมยื่นศรีษะให้ท่านทันที ไม่แค่นั้นพอท่านจารที่หัวผมเสร็จ ท่านบอกให้ผมแลบลี้น...แล้วเหล้กจารในมือท่านก็มาวาดลวดลายอักขระอยู่บนลิ้นของผม...สาธุ....
       กราบบูชาธรรมของพระพุทธเจ้า       กราบระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่คำพันธืที่เมตตาต่อผม  
       กราบบูชาธรรมและความดีที่อยู่ในตัวผม  
       ไม่ได้ต้องการอวดอ้างอะไรแต่อย่างใด เพียงอยากแชร์ประสบการณ์ธรรม ที่เคยสัมผัสตรงด้วยตนเอง เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง สาํุธุ  สาธุ  สาธุ 
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
จำนวนข้อความทั้งหมด:  7
1
แสดงความคิดเห็น
เพียงดิน

Posts: 156 topics
Joined: 13/9/2553

ความคิดเห็นที่ 1  « on 6/9/2554 6:59:00 IP : 158.34.240.22 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 

ขอบคุณ คุณronram ที่เล่าเรื่องสู่กันฟังนะคะ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ronram

Posts: 6 topics
Joined: 18/8/2554

ความคิดเห็นที่ 2  « on 6/9/2554 8:15:00 IP : 124.121.183.238 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 
เพียงดิน Talk:

ขอบคุณ คุณronram ที่เล่าเรื่องสู่กันฟังนะคะ



ยินดีครับ และขอบพระคุณเช่นกันครับที่คุณเพียงดินนำพระธรรมคำสั่งสอนที่มีคูณค่ามาให้ได้เรียนรู้และนำไปปฏิบัติ แค่ชื่อ " เพียงดิน " ที่คุณใช้ ก็บ่งบอกถึงความนอบน้อมในใจคุณที่มีต่อคุณพระรัตนตรัยและสรรพสิ่ง ได้เป็นอย่างดีแล้วครับ เช่นเดียวกับคุณ "ธุลีดิน " อนุโมทนาสาธุ ขอรับกระผม
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 3  « on 6/9/2554 15:48:00 IP : 110.77.138.63 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 

ถูกครับ และขออนุโมทนาด้วยที่คุณ ronram
ได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ที่ดี

ทั้งนี้ แนวปฏิบัติที่ web นี้พยายามรักษาไว้
คือการเผยแผ่พระศาสนาที่ไม่เน้นเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์
แต่จะเน้นที่ "อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์"
คือให้ผู้ฟังได้เข้าถึงธรรมได้เป็นอัศจรรย์
อิทธิปาฏิหาริย์ก็มีได้ แต่ท้ายที่สุดก็จะ
พยายามนำมาสู่หลักคำสอนที่เป็นหัวใจ
ของพุทธศาสนาในเรื่องของมรรควิถีเป็นสำคัญ


 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
nidapan

Posts: 6 topics
Joined: 12/8/2554

ความคิดเห็นที่ 4  « on 6/9/2554 21:48:00 IP : 101.108.73.162 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 

เนื้อความส่วนหนึ่งจาก เกวัฏฏสูตร

 

ที่มา

- พระสูตรความย่อ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เกวัฏฏสูตร เรื่องนายเกวัฏฏ (ชาวประมง) จาก พระไตรปีฎกภาษาไทย ฉบับหลวง พ.ศ. ๒๕๒๕ เล่ม ๙ ข้อ ๓๓๘ - ๓๔๘  หน้า ๓๐๖ ๓๒๙

 

เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตร ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งประะทับอยู่ ณ สวนมะม่วงของปาวาริกเศรษฐี เขตเมืองนาลันทา และได้กราบทูลว่า เมืองนาลันทานี้ เป็นเมืองมั่งคั่งสมบูรณ์ มีผู้คนมาก ล้วนแต่เลื่อมใสในพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดให้ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เพื่อที่ชาวเมืองจักเลื่อมใสยิ่งขึ้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรามิได้สอนภิกษุ ให้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่ชาวบ้าน

เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตร ได้กราบทูลขอเป็นครั้งที่สอง พระองค์ก็ปฎิเสธอีก แต่เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรก็ยังกราบทูลขออีกเป็นครั้งที่สาม พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ปาฏิหาริย์มี ๓ อย่าง คือ อิทธิปาฏิหาริย์, อาเทสนาปาฏิหาริย์, และอนุสาสนีปาฏิหาริย์

อิทธิปาฏิหาริย์       ได้แก่การแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ ทำให้คนเดียวเป็นหลายคน หรือหลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฎ หรือหายไปก็ได้ ทะลุกำแพงหรือภูเขาไปก็ได้ ดำดิน เดินบนน้ำ หรือเหาะไปก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ก็ได้ ไปตลอดพรหมโลกก็ได้ ผู้ที่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ เมื่อเห็นภิกษุแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง ก็จะบอกแก่ผู้ไม่เชื่อว่า ภิกษุนั้นมีคุณวิเศษน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ฝ่ายผู้ไม่เชื่อ ก็บอกว่า มีวิชาแสดงฤทธิ์ ที่ชื่อว่า คันธารี ที่ภิกษุนั้นแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง ก็เพราะใช้วิชา คันธารี นั่นเอง

                พ. ท่านเกวัฏฏ์ ท่านเห็นว่า ผู้ไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ จะบอกอย่างนั้นกับผู้ที่เชื่อบ้างไหม

ก. คงบอกพระเจ้าข้า

พ. เราเห็นโทษของอิทธิปาฏิหาริย์เช่นนี้ จึงเกลียดอิทธิปาฏิหาริย์

พ. อาเทสนาปาฏิหาริย์ได้แก่การที่ภิกษุสามารถทายใจบุคคลอื่นได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ โดยอาการนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เชื่อในอาเทสนาปาฏิหาริย์ เมื่อเห็นภิกษุแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ ก็จะบอกแก่ผู้ไม่เชื่อว่า ภิกษุนั้นทายใจบุคคลอื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ฝ่ายผู้ไม่เชื่อ ก็บอกว่า มีวิชาทายใจบุคคลอื่น ชื่อว่ามาณิกา ที่ภิกษุนั้นทายใจบุคคลอื่นได้ ก็เพราะใช้วิชา มาณิกา นั่นเอง

พ. ท่านเกวัฏฏ์ ท่านเห็นว่า ผู้ไม่เชื่อในอาเทสนาปาฏิหาริย์ จะบอกอย่างนั้นกับผู้ที่เชื่อบ้างไหม

ก. คงบอกพระเจ้าข้า

พ. เราเล็งเห็นโทษของอาเทสนาปาฏิหาริย์.เช่นนี้ จึง เกลียดอาเทสนาปาฏิหาริย์.

พ. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ได้แก่การที่ภิกษุย่อมพร่ำ สอนอย่างนี้ว่า ท่านจงตรึกอย่างนี้ อย่าตรึกอย่างนั้น จงทำในใจอย่างนี้ อย่าทำในใจอย่างนั้น จงละสิ่งนี้ จงเข้าถึงสิ่งนี้อยู่เถิด

      ท่านเกวัฏฏ์ อีกข้อหนึ่ง พระตถาคตเสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ บริบูรณ์ด้วยพระพุทธคุณอันประเสริฐ บุคคลที่ฟังธรรมแล้ว เกิดศรัทธาออกบวชเป็นภิกษุ ปฏิบัติธรรม ถึงพร้อมด้วยศีล อินทรีย์สังวร สติสัมปชัญญะ และสันโดษ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 5  « on 7/9/2554 7:11:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 

ไม่มีเรื่องที่ต้องขออภัยหรอกครับ มีแต่เรื่องที่ต้องช่วยกันพิจารณาให้รอบคอบยิ่งขึ้น ๆ

ครอบครัวนี้จะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน อนุโมทนาในความดีซึ่งกันและกัน  และชี้ข้อที่ควรปรับปรุง (พระพุทธเจ้าเรียกว่าชี้ขุมทรัพย์) เพื่อก้าวข้ามกับดักในระหว่างทาง (ของการพัฒนาตน) เท่าที่อยู่ในกำลังสติปัญญาและฐานะที่พอช่วยกันได้

เวลาคุณ ronram เล่าถึงความเมตตาของหลวงปู่คำพันธ์ ก็ทำให้ผมคิดถึงท่านมาก ท่านเป็นพระที่หาได้ยาก มีบุคลิกภาพคล้ายหลวงปู่ดูลย์ คือดูสงบ สง่างาม ไม่ค่อยหัวเราะให้เห็น มีแต่ยิ้มน้อย ๆ พูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ พูดอะไรก็เป็นธรรมไปหมด ผมเคยมีโอกาสไปพักค้างที่วัดท่าน ท่านให้เณรจัดที่พักให้ กลางคืนก็มาสนทนากับท่าน 

คติธรรมอันหนึ่งที่ให้หลวงปู่คำพันธ์ท่านมอบให้ และผมได้บันทึกไว้ คือ

"ขอให้ตั้งสติไว้เสมอ อย่าเผลอ อย่าประมาท วันคืนที่ผ่านไปในแต่ละวัน ขอให้เราสำรวจตรวจดูเอาเองว่าเราทำอะไรให้เกิดสาระประโยชน์แก่ชีวิตหรือไม่

...คิด พูด ทำ อะไร ก็ให้คิดแต่ดี ๆ พูดแต่ดี ๆ ทำแต่ดี ๆ" 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
nidapan

Posts: 6 topics
Joined: 12/8/2554

ความคิดเห็นที่ 6  « on 7/9/2554 10:29:00 IP : 125.24.55.41 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 

_/|\_ ขออนุโมทนาบุญแด่พี่พรสิทธิ์และคุณ ronram ที่มีโอกาสพบและสนทนาธรรมกับหลวงปู่คำพันธ์ค่ะ นิดาไม่เคยได้พบหลวงปู่คำพันธ์ แต่ได้ทราบประวัติและปฏิปทาของท่านอยู่บ้างเมื่อได้มีโอกาสเดินทางไปนครพนม

 

เพื่อเป็นการบูชาธรรม _/|\_ และเผยแพร่ธรรม นิดาขออนุญาตเจ้าของกระทู้เพื่อลงข้อมูลสังเขปเกี่ยวกับประวัติและข้อธรรมที่หลวงปู่กล่าวไว้เป็นหลัก ดังนี้นะคะ

 

(ที่มา - หนังสือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พระมหาเถระวิปัสสนาจารย์ใหญ่ลุ่มแม่น้ำโขง โดย ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์นครพนม (พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน ปี พ.ศ.๒๕๕๑)

 

เนื้อความคัดจากประวัติของหลวงปู่ (หน้า ๑) ...หลวงปู่มีชื่อสกุลว่า คำพันธ์ ศรีสุวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๘ ที่บ้านหนองหอย ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม โยมบิดาชื่อ นายเคน โยมมารดาชื่อ นางหล่อม หลวงปู่อุปสมบทครั้งแรกเมื่ออายุระหว่าง ๒๐-๒๔ ปี โดยมีท่านพระครูสัจจาภิราม วัดธาตุศรีคุณ อำเภอนาแก เป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๘ อายุได้ ๓๐ ปี โดยมีท่านพระครูนาครธรรมนิเทศ วัดโพธิ์ชัย อำเภอนาแก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ได้เรียนกรรมฐานจากหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ช่วงเดินธุดงค์ผ่านมาที่บ้านหนองหอย บางครั้งติดขัดในข้อกรรมฐานจะไปปรึกษาหลวงปู่กินรี จันทิโย ที่บ้านฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม และศึกษากับผ้าขาวครุฑ (ที่จ.เลย เป็นลูกศิษย์ของญาถ่านสำเร็จลุน ท่านเป็นคนจากบ้านหนองหอย เป็นญาติหลวงปู่) การสอนกรรมฐานทั้งสามท่านมีการสอนเหมือนกัน คือใช้คำภาวนาพุทโธ สอนสติปัฏฐาน ๔ ...

 

เนื้อความคัดจาก หลวงปู่อธิษฐานธรรมะ (หน้า ๖๒) - ... หลวงปู่ได้สอนธรรมะว่า คนเราอย่าฝืนธรรมชาติ เจ็บก็เจ็บ หิวก็หิว ปฏิบัติธรรมอย่าฝืนธรรมชาติ แต่ให้รู้เท่าทัน คนเราติดมากเบญจขันธ์ มีกลองอยู่ทั้งใบให้ตีให้แตก ตีให้แตกมันก็ไม่ดัง ถ้าตีดังมันก็ไม่แตก ... เรื่องอิทธิฤทธิ์นั้น ... คาถาอาคมเป็นโลกียะมันเสื่อมได้ เวลาหลวงปู่อธิษฐานจิตนั้นท่านจะอธิษฐานเป็นธรรมะ ซึ่งเป็อมตะตลอดไป

 

เนื้อความคัดจาก พระสัทธรรม (หน้า ๖๕) ... ด้วยความยึดมั่นในพระสัทธรรมและพระรัตนตรัยอันเป็นสรณะอันสูงสุด ย่อมปกป้องรักษาเราให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ... กล่าวถึงคนที่เกิดความกลัว ยึดเอาสิ่งต่างๆ เป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ เช่น ต้นไม้ จอมปลวกและภูเขา โดยกราบไหว้และขอให้ช่วยเหลือ ที่พึ่งเหล่านั้นไม่เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ เป็นที่พึ่งทางใจชั่วคราว ไม่นานก็เกิดความทุกข์ แต่ผู้ที่ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ถึงซึ่งที่พึ่งอันเกษม ทำให้นำไปสู่การประพฤติปฏิบัติธรรม แนวทางที่ถูกต้องของพระพุทธศาสนา ผู้ใดระลึกถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมเป็นเหตุนำไปสู่สุคติ คือ มนุษย์ สวรรค์ พรหมโลก และถึงจุดสูงสุด คือ พระนิพพาน

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
nidapan

Posts: 6 topics
Joined: 12/8/2554

ความคิดเห็นที่ 7  « on 8/9/2554 8:15:00 IP : 125.24.22.227 »   
Re: หลวงปู่คำพันธ์(ต่อ)
 

_/|\_ (^_^)

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 3 Visits: 16,685,700 Today: 507 PageView/Month: 67,218