จากกระทู้ "ปัญญาเป็นเครื่องชี้นำ" ได้หยิบยกเรื่องราวทั้งทางโลกและทางธรรมที่แสดงให้เห็นในเรื่องของปัญญาโลกและปัญญาธรรม มาเป็นตัวอย่างแล้ว

ใครๆ หลายคนเคยเรียน เคยอ่าน เคยจำ เคยได้ยินได้ฟังมาว่าน้ำปลามีรสเค็ม เกลือมีรสเค็ม แต่เมื่อไม่ได้ชิมรสน้ำปลาชิมรสเกลือด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่เกิดความรู้ขึ้นในตนเองด้วยตนเองว่า รสเค็มของน้ำปลาและรสเค็มของเกลือแตกต่างกันอย่างไร จะรู้รสได้จริงก็ต่อเมื่อได้ชิมเอง เมื่อชิมเองแล้วก็รู้เอง ก็ได้รับผลเอง

ปัญญาในธรรมมีนัยที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อน ความรู้ความเห็นในข้อธรรมต่างๆ ในชั้นสัญญารู้จำ แตกต่างกับความรู้ความเห็นในธรรมในชั้นปัญญา ดังอรรถาธิบายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตรเถระ และครูบาอาจารย์ท่านต่างๆ ในไฟล์ที่แนบมาค่ะ

นัตถิ ปัญญา สมา อาภา
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญานั้นไม่มี

ขออนุโมทนาด้วยครับ

_/|\_ พุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชาค่ะ

แต่ละบุคคลต้องปฏิบัติฝึกฝนอบรมตนเองให้เกิดแสงสว่างขึ้นในตนเอง ... บนเส้นทางสายธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อผ่านกาลเวลา ระยะทาง ปัจจัยที่เอื้อต่อธรรม บุคคลย่อมพบความสว่างที่มากขึ้นเรื่อยๆ ... บนเส้นทางการเดินทางของนิดา ณ จุดหนึ่งนั้น ก็ได้รับธรรมทานด้วยความเอื้ออารีในธรรมจากคุณเมธาและกลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ เพราะอาศัยได้กัลยาณมิตรเผยแพร่ธรรมหลวงปู่ดู่มาสู่ผู้ซึ่งไม่มีโอกาสได้พบหลวงปู่ นิดาจึงได้มีโอกาส "ฟัง (อ่าน) ธรรมตามกาล" ... ดั่งพระพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า ต้องอาศัยมิตตสัมปทา การถึงพร้อมด้วยมิตรที่ดีงามนั่นเอง _/|\_

_/|\_ ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลทั้งปวงที่คุณเมธาและกลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำได้ประกอบแล้วด้วยดีค่ะ

_/|\_ กับคุณนิดาและหมู่คณะทุกท่านเช่นกัน
ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งเห็นความสำคัญของปัญญา
หลวงปู่ดู่เคยสอนผมว่า...
"ปัญญาหรือตัวรู้ ก็เหมือนแกอยู่ในห้องที่มืด
(ที่เราไม่คุ้นเคย ไม่เคยอยู่มาก่อน)
ตอนที่มืด ก็ไม่รู้ว่าในห้องนี้มีอะไร จะไปทางไหน
พอเปิดไฟสว่าง ก็เห็นทุกอย่าง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ประตูอยู่ที่ไหน จะไปยังไง..."

_/|\_ พุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชาค่ะ

_/|\_ ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาแด่ผู้ใฝ่ใจในธรรมทุกท่านค่ะ