วันเสาร์ที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา เวลาบ่าย ๆ ผมและหมู่คณะรวม ๓๙ ชีวิตมุ่งตรงสู่วัดถ้ำสหาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เพื่อกราบสักการะ ฟังธรรม และถวายไทยธรรมแด่พระที่เชื่อว่า "ที่สุด" อย่าง ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร

เมื่อได้กราบและสนทนากันแล้วพอสมควร ผมได้กราบเรียนถามปัญหาที่ค้างใจ เรื่องหนึ่งคือ ภิกษุที่เพชรบูรณ์ผู้โพสท์กิริยาประหลาดลงในยูทูป ผมนั้นมีความเห็นว่าต้องอาบัติทุกกฎตามพระวินัย เพราะกิริยาขัดต่อเสขิยวัตร จึงได้กราบเรียนถามท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนว่า

ผม : ขอโอกาสครับ หลวงพ่อได้ยินข่าวของพระเกษม วัดสามแยก บ้างไหมครับ ?

พระอาจารย์ : ทำไม ?

ผม : ที่ท่านเอาภาพลงในคอมพิวเตอร์....

พระอาจารย์ : นั่นแหละมันผิดขนาดไหน มันค้านธรรม ค้านคณะสงฆ์แค่ไหน เข้าใจไหม ?

ผม : แต่ท่านก็ยืนยันว่าการที่พระสงฆ์รับเงินรับทองมันผิดพระวินัยนี่ครับ

พระอาจารย์ : อ้าว องค์ที่รับอย่างถูกต้องคือท่านรับเพื่อสงเคราะห์คนอื่นนี่ ไม่ได้รับเพื่อตัวเองเข้าใจไหม ?

ผม : ท่านยังบอกเลยว่า เมื่อก่อนก็นับถือหลวงตาอยู่หรอก แต่พอหลวงตามาทำโครงการช่วยชาติแล้วหมดความนับถือเลย พระอะไรต้องมาเรี่ยไรบอกบุญ มันไม่ใช่หน้าที่สงฆ์ แล้วยังรับเงินรับทองอีก

พระอาจารย์ : อ้าว (เสียงดังมาก) หลวงตาท่านรับท่านก็รับเพื่อสงเคราะห์โลก ไม่ได้รับเพื่อตัวเอง ท่านทำเพื่อประโยชน์โลก มันพูดน่ะมีธรรมอะไรมาพูด ที่มันทำอยู่นี่คือปาราชิก เข้าใจไหม ?

ผม : .... (เงียบ เพราะกำลังงงอยู่ว่า แค่พูดหยาบ ทำกิริยาหยาบโพสท์ลงยูทูปทำไมต้องปรับถึงปาราชิก แต่สมองยังไม่ได้สั่งการให้ถามออกไป ท่านก็พูดต่อทันทีว่า...)

พระอาจารย์ : มันปาราชิก ก็มันทำสงฆ์แตกแยกกันนี่ เห็นไหม พวกหนึ่งก็มาอยู่ทางหนึ่งว่ารับได้เพื่อประโยชน์โลก พวกหนึ่งก็ไปอยู่ทางมันแล้วก็ขัดแย้งกันอยู่นั่น นี่ปาราชิกเพราะทำสังฆเภท ยุสงฆ์ให้แตกแยกกัน (หัวเราะคงเพราะเห็นผมหน้าเหรอหรามาก)

ผม : เรื่องการกราบพระพุทธรูปท่านก็ไม่ให้กราบ

พระอาจารย์ : โฮ้ เขากราบกันมาตั้งเป็นพันปีแล้ว (หัวเราะ) ไม่ใช่จะเพิ่งมากราบ เขากราบกันมาแต่พ่อแต่แม่ตั้งแต่มันยังไม่เกิด มันจะมาล้มอะไร มีปากมันก็พูดไป หมามันจะเห่าน่ะมันก็เห่าไปเรื่อย เข้าใจไหม มันมีปากเห่า (หัวเราะ)

ผม : (เมื่อเข้าใจและเห็นท่านหัวเราะใหญ่ก็เปลี่ยนเรื่อง) หลวงพ่อครับ การดูจิตนี่ผิดไหมครับ ?

พระอาจารย์ : มันไม่ผิดถ้าคนดูทำได้จริง อย่างพระอรหันต์ท่านทำเพราะท่านทำมาพอแล้ว เข้าใจไหม ท่านดูของท่านไปอย่างนั้น แล้วอย่างไอ้ที่มันสอนให้ดูจิต-ดูจิตกันอยู่นี่มันดูอะไร นั่งไปเดี๋ยวก็ไปดูโน่นดูนี่แล้วมันไม่ได้ดูจิตเจ้าของ ถ้ามันดูจิตได้จริงมันเห็นอาหารที่มันอยากกินมันดูทันไม๊ หรือมันดูแต่ที่จะกิน มันดูได้ให้มันมานั่งด้วยกันนี่ นั่งสัก ๒๐ ชั่วโมงดูซิมันจะดูได้ไม๊ (หัวเราะ)

ผม : แต่ที่เขาสอนคนไปหลายคนเขาก็ว่ามีผลนี่ครับ เห็นท่านบอกว่าคนนั้นได้ฌานสอง คนนี้ได้ฌานสอง คนนั้นได้สมาธิขั้นนั้น คุณธรรมขั้นนั้น

พระอาจารย์ : นั่นมันเป็นวิธีหลอก เข้าใจไหม ? มันหาเงินหาลาภสักการะเข้าตัวมัน อย่าไปยุ่งกับพวกอย่างนี้นะ เข้าใจไหม ? อย่าไปยุ่ง อย่าไปข้องเกี่ยวนะ นั่นมันหาหลอก มันเป็นคนวิปลาส

**************************************

นี่คือปุจฉาวิสัชนาธรรมที่ผมได้คุยกับท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร ยอดพระแห่งถ้ำสหาย ที่จริงมีรายละเอียดและเรื่องเบ็ดเตล็ดที่คุยอีกมาก แต่เห็นสาระประโยชน์เฉพาะจุดนี้จึงขออนุญาตนำมาลงเพียงเท่านี้ หากเป็นการไม่เหมาะสมด้วยประการได้ รบกวนพี่สิทธิ์ พี่หลิม พี่ก่อนโท ลบได้ทันทีครับผม

อนุโมทนาสาธุกับคุณรณธรรมด้วยค่ะ ที่มีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมกับพระสุปฏิปัณโนและนำข้อชวนคิดมาแบ่งปัน/เล่าสู่กันฟัง..

สาธุ...

การฟังทำให้เกิดการคิด การคิดทำให้เกิดปัญญา
ขอบคุณอาจารย์ต่อที่นำธรรมะมาเล่าสู่กันฟังครับ

อนุโมทนากับน้องรณธรรมด้วยครับ

นอกจากจะไม่ลบแล้ว ยังอยากจะบอกว่า ส่วนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ลง ก็กรุณานำมาลงด้วย กำลังรอติดตามอ่านอยู่ครับ เพราะคำจากพระแท้ ๆ อย่างท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนนั้นหาฟังยากครับ

ทราบว่ายังมีเรื่องราวระหว่างหลวงปู่เจี๊ยะกับท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน ซึ่งน้องรณธรรมได้ยินได้ฟังมาจากหลวงปู่เจี๊ยะโดยตรง ก็น่าจะนำมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ

อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

มีอีกกรณีหนึ่งที่คล้ายๆ อย่างนี้ ค้างคาใจมานานอยากเรียนถามค่ะ เพราะเคยได้รับหนังสือธรรมะของพระรูปหนึ่งที่บริษัทนิมนต์มาเทศน์บรรยายธรรม พร้อมมีเหน็บแผ่นพับกระดาษแข็งอาบมันอย่างดีซึ่งเขียนไว้ที่หน้าปกว่า "รักษาศาสนาพุทธ ด้วยการช่วยกันศึกษา ปฏิบัติ และเผยแผ่แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า" ซึ่งมีคำนำว่า

"ผ่านมา 2,500 กว่าปี  ก็เกิดมีหลายสำนัก หลายครูบาอาจารย์ ทำให้มาตรฐานเริ่มมากในสังคม เริ่มหามาตรฐานกลางไม่ได้ ต่างคนต่างใช้ความเห็นของหมู่คณะ หรือความเห็นของผู้นำหมู่คณะของตน  เราต้องกลับมาถามว่าหมู่คณะนั้นใช้คำของพระตถาคตเป็นมาตรฐานรึเปล่า  พระพุทธเจ้าท่านทรงเห็นถึงปัญหานี้และท่านได้ตรัสกำชับในหลายๆ ครั้ง ซึ่งรวบรวมข้อความสำคัญได้ถึง 10 พระสูตร - 10 พระสูตรของความสำคัญที่ชาวพุทธต้องศึกษาแต่คำสอนจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

ในแผ่นพับนั้นมีแจกแจงรายละเอียดของ 10 พระสูตรที่ว่านั้น  อ่านแล้วก็คลางแคลงใจอย่างยิ่ง ว่าไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูกต้อง   ซึ่งพอได้ลอง search จาก internet ดูก็พบว่า เรื่องที่มาที่ไป (หมายถึง ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระรูปนี้) และคำสอนของพระรูปนี้ก็เป็นประเด็นพูดคุยกันใน pantip และ web อื่นๆ มีตั้งเป็นกระทู้อยู่หลายอันทีเดียว  และแต่ละกระทู้ก็ยาวมากอ่านไม่หวาดไม่ไหว   รวมถึงมีท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เขียนหนังสือออกมาเพื่อชี้แจงไม่ให้คนมีความเข้าใจผิดเนื่องจากคำพูดคำสอนของพระรูปนี้ด้วย  (หนังสือชื่อ "พระไทย ใช่เขาใช่เรา? นิพพาน - อนัตตา: ฉบับเพียงเพื่อไม่ประมาท" และ "พระไตรปิฎกอยู่นี่: อยู่ที่ชวนกันไม่ประมาทในการศึกษา")

แปลกใจและเป็นห่วง ทีทำไมเรื่องนี้ยังไม่เห็นเป็นข่าวดังอะไร  ที่ผ่านมาเห็นยังมีคนนิมนต์ท่านไปเทศน์บรรยายตามบริษัทใหญ่ๆ และมีสัมภาษณ์ออกทีวีด้วย   แต่ใน internet กลับมีความแตกแยกของผู้เห็นด้วยและผู้ไม่เห็นด้วยในคำสอนของพระรูปนี้มากมาย   อย่างนี้เข้าข่ายว่า "ทำสงฆ์แตกแยก" ด้วยแน่นอน ใช่มั้ยคะ 

ที่เขียนมานี้ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดนอกจากอยากให้ธรรมะที่แท้จริงยังคงอยู่คู่พระพุทธศาสนาไปตราบนานเท่านานค่ะ

(ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า การโพสต์นี้ไม่เหมาะสม รบกวนลบได้ทันทีค่ะ)

เรื่องที่คุณณัฐฐ์ยกมานั้น เป็นเรื่องสำคัญซึ่งจะฟ้องถึงความได้หลักได้เกณฑ์ของชาวพุทธประการหนึ่งทีเดียวว่าจะวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร

ผมเคยให้ความเห็นในบางกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วว่ามีสุดโต่งสองด้าน คือ ๑. สุดโต่งในทางยึดคำสอนของครูบาอาจารย์ผู้สอนโดยมิได้อิงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า และ ๒. สุดโต่งในทางยึดพุทธวจนะ แล้วปฏิเสธหรือพากันมองข้ามคำสอนครูบาอาจารย์

แท้จริงแล้ว คำสอนของพระแท้ เช่น หลวงพ่อชา ท่านก็เพียงเอาหลักธรรมคำบาลีมาเป็นภาษาที่ชาวบ้านจะสามารถเข้าใจได้โดยง่ายเท่านั้น 

สมัยนี้มีคนอกหักผิดหวังจากการปฏิบัติตามคำสอนครูบาอาจารย์ (ซึ่งอาจมีสาเหตุจากตัวผู้ปฏิบัตินั้นปฏิบัติไม่ถูกหรือไม่ถึงที่ หรืออาจมีสาเหตุจากตัวครูบาจารย์องค์นั้นมิใช่พระแท้) ก็เลยพากันหาทางเลือกใหม่ คือ พุทธวจนะล้วน ๆ

อันที่จริง หากมีจุดยืนที่พุทธวจนะดั้งเดิมจริง ๆ ก็ควรอ้างอิงฉบับบาลี เพราะเมื่อตัวรังเกียจคำครูบาอาจารย์หรืออรรถกถาจารย์ ก็ไม่ควรยึดพระไตรปิฎกฉบับแปล (ซึ่งเป็นผลงานของอรรถกถาจาย์) แต่นี่กลับยึดเอาพระไตรปิฎกแปล แถมไปยึดเอาฉบับที่มีปัญหา เพราะเป็นฉบับรีบเร่งแข่งกับโอกาสฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ

อันที่จริง ยังไม่ต้องมองให้ซับซ้อนในเรื่องพระไตรปิฎกก็ได้ เพียงมองในเรื่อง "ความกตัญญู" ก็มีข้อน่าตำหนิแล้ว

การสอนแนวพุทธวจนะ ได้อาศัยผลงานของท่านพุทธทาสภิกขุ คือ ชุดธรรมะจากพระโอษฐ์ แต่ตัวกลับเอามาพิมพ์ใหม่ ใส่ชื่อสำนักของตน คำปรารภของตน ใครไม่รู้ก็นึกว่าเป็นผลงานของสำนักนั้น ที่สำคัญ ยังบอกว่าท่านพุทธทาสแปลผิดไว้ก็มี จริง ๆ แล้ว ถ้าแตกฉานในพระไตรปิฎกจริงก็น่าจะทำเอาเอง จะได้ไม่สุ่มเสี่ยงต่อคำครหาว่าขโมยผลงานของท่านพุทธทาสภิกขุ

ความกตัญญูประการที่สองที่ขาดหายไปก็คือ ไม่พบว่ามีการประกาศหรือเผยแผ่คุณธรรมความดีและธรรมคำสอนของผู้เป็นอุปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อชา รวมทั้งการไม่เอื้อเฟื้อต่อคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงที่หลวงพ่อชาได้วางรากฐานไว้

เมื่อความกตัญญูซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นเครื่องหมายของคนดีนั้นบกพร่อง จึงไม่ต้องกล่าวถึงคุณธรรมเบื้องสูง

นี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อยากให้ผู้ใหม่ตามกระแสไปโดยขาดวิจารณญาณครับ

ธรรมแท้..ช่างเป็นเรื่องยากหนอ...

สาธุ..สาธุ..สาธุ..

แม้ยังไม่ประสบผล ปัจจุบันเพียงแค่ได้เจอะเจอแนวทางอันถูกต้อง ก็กลายเป็นเรื่องยากซะแล้ว

ผู้ได้พบแล้ว จึงถือเป็นบุญที่สั่งสมมา

กลัวจะผิดเพี้ยนไปอีกในชาติหน้า ชาตินี้จึงต้องรีบเร่งปฏิบัติ

สงสารก็แต่คนที่ยัง "หลงทาง" อีกมากมาย

บุญใครบุญมัน กรรมใครกรรมมันจริงๆ..

ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คงไว้ซึ่งแบบฉบับพระป่า ตามแนวทางท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นไม่ผิดเพี้ยน

แม้ขึ้นชื่อว่าวัดป่าเอง ปัจจุบันก็เหลืออีกไม่กี่ที่แล้วหนอ...

เล็บมือ เส้นเกศาของท่านพระอาจารย์ กลายเป็นพระธาตุนานแล้วนับสิบปี

ได้กราบซึ่งพระอรหันต์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหนอ..

มนัสการท่านพระอาจารย์ด้วยจิตเคารพสักการะสูงสุด 

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณธุลีดินด้วย
การเห็นสมณะเป็นมงคลสูงสุดข้อหนึ่ง
นอกจากเห็นแล้วยังมีความเคารพเลื่อมใส
น้อมนำมาไว้ที่ใจเราบ่อยๆ ทำให้นึกถึงที่
หลวงปู่ดู่ท่านบอกว่า
"ถ้าเชื่อพระ ก็ไม่ใช่คน"
หลวงปู่นิ่งไปอึดใจหนึ่งแล้วเฉลยว่า
"เชื่อพระ ก็เป็นพระน่ะสิ"

สาธุ และขอบพระคุณค่ะ