luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:    ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........  (Read: 96504 times - Reply: 91 comments)   
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
« Thread Started on 3/8/2555 14:24:00 IP : 180.183.18.84 »
 

ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง

 

หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร

ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า "ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ

ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ " หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอน

ลูกศิษย์ว่า

 

"เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น

คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ "

 

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา

 

"คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่ง

สวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน เช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา ถ้าถึงจุดหมาย

เราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่อง หล่อเลี้ยงหัวใจ "

 

" มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย

เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์

จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่ง

แปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้ "

 

"อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้น

ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่า

เขาเป็นฆาตกร "

 

"สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว

ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง ชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน คนที่เห็นนั้นมองคนอื่น

ด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่

ทั่วไปในสังคม เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำ

ในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีี

ของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล "

 

"แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ"  ลูกศิษย์หยุดร้องไห้

แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

 

"เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เรา

ไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเรา

สัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอก

ให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง

จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม"

 

"เข้าใจครับหลวงตา" เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง

 

สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย

ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/9976.html

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
จำนวนข้อความทั้งหมด:  29
<
1
2
3
>
แสดงความคิดเห็น
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 11  « on 14/9/2555 16:41:00 IP : 124.120.133.107 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 

โมทนาสาธุค่ะ

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 12  « on 2/10/2555 23:18:00 IP : 49.49.191.172 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 


๑๐๐ ปีชาติกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ .....หลวงปู่พาดำเนิน(๑)

สวัสดีทุกท่านค่ะ
คนแอบอ่านได้รับหนังสือ ๑๐๐ ปี ชาติกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
ช่วงท้ายเล่มจะเป็นช่วง หลวงปู่พาดำเนิน คนแอบอ่านเห็นว่าน่าจะ
เป็นประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อย จึงขอนำมาลงให้อ่านเป็น
ตอนๆ ไปค่ะ


ชีวิตในวัฏวน

นักบวชนี่ต้องเป็นคนใจดี ต้องอดทน ต้องอดทนต่อการกระทบกระทั่ง
ต่างๆ เช่นนั้น จึงเรียกว่า นักบวช ต้องเป็นคนใจหนักแน่นนะ ไม่ใช่เป็น
คนใจเบา เราฝึกฝนตนไปนี่ เป็นนักบวชนี่ หากว่าอยู่ไม่ได้สึกออกไป
อย่างนี้ มันก็ยังได้ใช้นิสัยอันนี้ มันก็ติดไป มันก็ยังได้เอาไปใช้ในสังคม
โลกเขา ก็ได้รับยกย่องจากเพื่อนฝูง

คนอดทนอดกลั้น เมื่อได้รับความกระทบกระทั่งและไม่โกรธ ไม่ฉุนเฉียว
อดได้ทนได้อย่างนี้นะ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย นี่ถ้าใครใจเหลาะแหละ
ได้รับความกระทบกระเทือนอะไรหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ย่อมไม่เป็น
ที่รักของคนทั้งหลายเลย ตลอดจนถึงเทวดาก็ไม่อนุโมทนานะ ถ้าใคร
อดได้ทนได้ เทวดาก็รักก็อนุโมทนา มันเป็นอย่างนั้นนะ ขอให้เข้าใจ เรา
เป็นนักบวช เราต้องรู้ธรรมของ
นักบวช นักบวชเป็นนักเสียสละนะ เสียสละ
ทุกสิ่งทุกอย่างนะ


 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 13  « on 2/10/2555 23:20:00 IP : 49.49.191.172 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 


๑๐๐ ปีชาติกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ .....หลวงปู่พาดำเนิน(๒)

เหตุปัจจัยในวัฏวน

ทุกคนนะจะต้องอยากให้ชีวิตมันเที่ยงมันยั่งยืน ไม่ต้องการให้มันวิบัติ
แต่แล้วมันก็วิบัติ มันห้ามไม่ได้ ไม่อยากให้มันแก่ มันก็แก่ทรุดโทรมไป
ไม่อยากให้มันเจ็บป่วยไข้ มันก็ไม่ฟัง ถึงเวลาเจ็บป่วย มันก็เจ็บป่วยลงไป
ถึงเวลาตายมันก็ตายไป แต่ใครๆ ก็ไม่ชอบเลยเรื่องหมู่นี้นะ แต่ก็ต้องได้รับ
นี่แหล่ะคำว่า “ทรมาน” นั่นน่ะ แต่คนเราก็ไม่รู้ตัวหรอก ส่วนมากนะไม่รู้ตัว
ว่าตนได้มาทนทุกข์ทรมานอยู่ในวัฏสงสารอันนี้

ที่ไม่รู้นั้นละ เพราะอะไรล่ะ ก็เพราะอวิชชา ตัณหา มันครอบงำความรู้สึก
อันนี้ไว้ มันปิดบังไว้เลย มันครอบงำไม่ให้จิตคิดถึงเรื่องชีวิต ดังกล่าวมานี้
เหตุนั้นมันจึงไม่เบื่อหน่าย ในความเป็นอยู่ในโลกอันนี้ เพราะตัณหามัน
ย้อมใจให้ชื่นชมยินดีกับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นที่น่ารักใคร่พอใจ

ตัณหามันย้อมใจให้มีความยินดีกับของไม่เที่ยง อวิชชา โมหะ มันย้อมใจ
ให้สำคัญผิดคิดว่าสวยว่างาม ว่าน่ารัก น่าใคร่ น่าเชยชม น่าสัมผัสถูกต้อง
นี่แหล่ะ อวิชชา ตัณหา โมหะ มันครอบงำจิตแล้วมันเกิดเข้าใจผิดไปจาก
ความเป็นจริง แต่ความเป็นจริงแล้ว รูป เป็นต้น ไม่มีอะไรสวยงาม ไม่มี
สิ่งใดที่น่าชมเชย มีกลิ่นก็เหม็น มีสีก็ไม่งาม มีทรวดทรงก็ไม่น่ารักใคร่
อะไร โดยอาศัยการประคบประหงม อาบน้ำชำระขัดไคลอยู่เสมอๆ มันจึง
พอเข้าใกล้กันได้บ้าง

นั่นล่ะเราจึงควรพิจารณาให้ถึงความจริง อย่าไปปิดบังความจริงไว้

เพราะคนส่วนมากมันปิดบังความจริงไว้ ไม่อยากจะรู้ความจริง
ของร่างกาย เพราะฉะนั้นมันจึงหลงอยู่ในสงสารอันนี้

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
yingka

Posts: 50 topics
Joined: 9/11/2552

ความคิดเห็นที่ 14  « on 3/10/2555 7:36:00 IP : 110.168.120.166 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 

สาธุค่ะ...

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
เหลิม

Posts: 2 topics
Joined: 18/5/2555

ความคิดเห็นที่ 15  « on 3/10/2555 8:47:00 IP : 134.204.208.36 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 

อนุโมทนา สาธุ ครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 16  « on 12/11/2555 23:36:00 IP : 124.121.194.248 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 


"คนแอบอ่าน" ถูก "คนแอบถ่าย" ขณะตั้งโรงทาน - น้ำปานะ ๖ รส ในนามโรงงานน้ำตาลกุมภวาปี

ใครไปวัดป่าบ้านตาดช่วงเสาร์-อาทิตย์ ก็อย่าลืมเข้าไปลองลิ้มชิมรสน้ำปานะของ "คนแอบอ่าน" ที่ทำน้ำปานะจาก "ใจ" กันนะครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 17  « on 12/11/2555 23:42:00 IP : 124.121.194.248 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 


ทีมงานทำน้ำปานะมาประจำจุดแจก ณ บริเวณหน้าวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันเสาร์-อาทิตย์

มีทั้งน้ำบลูฮาวายที่มีสีฟ้าถูกใจเด็ก ๆ และน้ำมะตูม น้ำชาเขียว น้ำชามะนาว แล้วอะไรอีกน้า ลุงสิทธิ์จำไม่ได้แล้ว ต้องให้คุณ "คนแอบอ่าน" มาเฉลยให้ครบครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 18  « on 13/11/2555 7:06:00 IP : 119.160.210.74 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 
สิทธิ์ Talk:

... น้ำปานะ ๖ รส ในนามโรงงานน้ำตาลกุมภวาปี ...



รอยยิ้มของผู้รับ เปี่ยมด้วยความสุขใจ
รอยยิ้มของผู้ให้ สุขใจยิ่งกว่า

ขออานิสงส์แห่งการให้ น้ำปานะทั้ง ๖
เมื่อหยิบยกเรื่อง อายตนะ ๖
มาพิจารณาคราใด
ขอให้ คนแอบอ่านและคนที่บ้าน
ได้เห็นสังขารธรรมทุกสิ่ง
ที่วิ่งผ่านไปมา
ทั้งครูตา ครูหู ครูจมูก
ทั้งครูลิ้น กาย ใจ
ขอให้ดื่มด่ำในธรรมที่หลวงตา
ท่านมอบให้ ตลอดไป ...

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 19  « on 20/11/2555 7:16:00 IP : 171.7.59.219 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 
คนแอบอ่าน Talk:

... ขณะปวดมากๆ ยังหาพุทโธ ไม่เจอเลยค่ะ
กว่าจะเจอพุทโธ ก็อยู่กับปวดไปนานเลยทีเดียว ...
ถึงอย่างไรก็สู้ไม่ถอยค่ะ



นึกถึงอุบายธรรมคำสอนหลวงปู่มั่นที่ท่านสอนชาวบ้าน
พุทโธหาย ท่านตามหาพุทโธ :) ...

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ผีเสื้อตัวน้อย

Posts: 1 topics
Joined: 18/3/2555

ความคิดเห็นที่ 20  « on 20/11/2555 10:07:00 IP : 58.9.172.208 »   
Re: ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง..........
 
ได้อ่านเรื่องราวการปฏิบัติธรรมของพี่คนแอบอ่านแล้ว ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีกมากเลยค่ะ. เห็นอัตตาตัวตนของเราชัดเจนว่ายังมีเยอะเลยเกิน หลงคิดว่าเราปฏิบัติดีแล้วมากแล้ว. จริงๆแล้วยังไม่ถึงเถ้าธุลีเลย.ช่างประมาทโดยแท้ อนุโมทนาบุญกับพี่คนแอบอ่านค่ะที่ถ่ายทอดเรื่องราวการปฏิบัติให้ทราบ. สาธุค่ะ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
<
1
2
3
>
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 5 Visits: 16,684,560 Today: 1,864 PageView/Month: 66,062