luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........  (Read: 199493 times - Reply: 203 comments)   
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
« Thread Started on 12/8/2555 0:21:00 IP : 180.183.226.116 »
 

คำถาม-คำตอบ (๑)  ปัญหาธรรม โดยหลวงตาพระมหาบัว 

สวัสดีค่ะทุกท่าน พอดีคนแอบอ่าน ไปพบหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ ถาม-ตอบ เป็นหนังสือที่องค์หลวงตาพระมหาบัว

ตอบคำถามที่มีผู้ถามปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 คนแอบอ่านตั้งใจว่า หากมีเวลาว่างจะนำมาพิมพ์ให้อ่าน

เป็นระยะๆ ต่อเนื่องกันไป

 

และเนื่องจากวันนี้เป็น "วันแม่" จึงขอนำเรื่องนี้มาลงในวันแม่ เป็นเรื่องแรกค่ะ

 

ถาม

 
หนูมีปัญหาที่ต้องการกราบรบกวนหลวงตา หนูคิดอยู่นานเหมือนกัน ไม่ค่อยอยากรบกวนหลวงตา

เพราะได้ทราบว่าสุขภาพหลวงตาไม่ค่อยดี แต่สถานการณ์มันเลวลงทุกวัน จึงทำให้หนูตัดสินใจ

เขียนมารบกวน


หนูและพี่สาวดูแลคุณแม่อายุ 84กว่าแล้ว ท่านเป็นโรคอัมพฤกษ์ (ร่างกายซีกขวาไม่ทำงาน)มา2ปีแล้ว

และเราก็ตั้งใจจะดูแลท่านจนกว่าชีวิตท่านจะถึงที่สุด แต่แม่เรียกร้องมากโดยเฉพาะเรื่องกิน คุณแม่

ทานตลอดเวลา เรียกให้ป้อนอาหารแทบทุกครึ่งชั่วโมง และทานครั้งละคำสองคำก็บอกพอ ท่าน

เลือกสรรอาหารจนแทบจะหมดปัญญาสรรมาให้ บ่อยครั้งที่ให้อาหารเคยชอบกลับไม่ทาน จะทานอีกอย่าง

ซึ่งไม่ใช่ว่าจะหาได้ทุกครั้งไปเป็นอย่างนี้มาตลอด 2ปี จนลูกเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อมากเข้าก็กลายเป็นโทสะ

ระยะหลังนี้หนูและพี่สาวดุคุณแม่บ่อยซึ่งทุกครั้งที่ดุ หนูก็ไม่สบายใจ เสียใจตนเองทุกครั้ง ตั้งใจว่าจะทำดีๆ

กับท่าน แต่พอเข้าไปหาท่านได้เห็นพฤติกรรมของท่านก็อดโกรธไม่ได้

 

หลวงตาคะ ทำอย่างไรแม่ถึงจะกวนน้อยลง หรือตอนเด็กๆหนูจะตื๊อท่านมาก แต่ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า

หนูเลี้ยงง่ายที่สุดในบรรดาลูกทั้งหมด หรือชาติก่อนๆหนูเคยกวนท่านมาก หนูไม่อยากดุ ไม่อยากโกรธ

แม่เลย หนูกลัวตกนรก และจริงๆหนูก็รู้ว่าแม่มีความทุกข์ และหนูก็พยายามช่วยท่าน แต่ท่านไม่ยอม

รับรู้อะไรเลย นอกจากท่านจะทำตามต้องการของท่านเท่านั้น ท่านไม่ยอมรอคอยอะไรด้วย ถ้าจะทานอะไร

จะต้องนำมาให้ท่านเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ได้ท่านจะโวยวายอยู่นั่นจนกว่าจะได้ตามต้องการ พอได้ทานแต่2คำ

แล้วสั่งให้เอาไปเก็บ อีก10-15นาทีก็จะเรียกทานของอย่างอื่นต่อไป กลางคืนก็ทาน แต่ก่อนเกรงใจ

ไม่เรียกไม่ปลุกเดี๋ยวนี้ท่านเรียกทุกเวลา

 

หลวงตาได้โปรดชี้แนะหนูด้วย หนูยอมรับว่าหนูเป็นลูกที่ไม่ดี ดูพ่อดุแม่(ทั้งๆที่ไม่อยากดุ)หลวงตา

จะดุด่าหนูก็ได้ค่ะขอแต่เพียงช่วยให้แม่กวนน้อยลง เลี้ยงให้ง่ายๆหน่อย หรือให้หนูมีใจเยือกเย็น

อดทนต่อพฤติกรรมของแม่ได้ หนูกราบขอบารมีหลวงตาด้วย สมาธิหนูตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ความเท่าไหร่

หนูพยายามนำเรื่องแม่มาพิจารณาเหมือนกันก็ยังไม่ได้ผล หนูไม่อยากทำเวรทำกรรมกับพระอรหันต์ของหนู

และหนูก็ตั้งใจที่จะตอบแทนพระคุณท่านจนถึงที่สุด

 

ตอบ


แม่เป็นคนป่วย เราเป็นคนดีปกติ ไม่ควรแสดงกิริยาผิดปกติต่อคนไข้ซึ่งไม่ปกติในธาตุขันธ์และจิตใจ

การขอรับประทานบ่อยและการเอาตามใจตัวเอง นั่นเป็นอาการระบายความทุกข์ทรมานของคนป่วย

แต่ละครั้งแต่ละอาการต่อลูกๆ ผู้เป็นคนดีปกติทางธาตุขันธ์ จึงควรเห็นใจให้ความอบอุ่นแก่ท่าน

ท่านหวังพึ่งลูกๆทุกอย่างทั้งเป็นทั้งทุกข์ทั้งตาย ไม่มีที่พึ่งไม่มีที่เรียกร้องนอกจากลูกๆของตนเท่านั้น

  

คนอื่นก็เป็นคนอื่นแม่ก็ทราบว่าเป็นคนอื่น จึงไม่รบกวนใครๆนอกจากลูกๆของตนเท่านั้น พระคุณของแม่

ล้นฟ้าล้นแผ่นดินที่ควรเทิดทูนสุดหัวใจ แต่คุณของความโมโหโทโสความดุด่านั้นไม่มี นอกจากมี

แต่โทษล้วนๆของมันเท่านั้น จึงไม่ควรเอาความดุมาแข่งพระคุณของแม่ต่อไปอีก ที่เป็นมาแล้วก็ควร

ยอมรับว่าผิดต่อแม่ ความโมโหความดุจะหมอบหัวลง ไม่โผล่หัวขึ้น แผ่พังพานต่อสู้กับผู้มีพระคุณล้นฟ้า

อีกต่อไป อาหารที่หามาให้ท่านไม่ทันหรือหามาไม่ได้ ก็บอกท่านโดยดีว่าไม่ทันไม่ได้ พร้อมกับ

การแสดงกิริยานุ่มนวลต่อท่านสมกับเราเป็นลูกผู้ดีของท่านที่ไว้ใจ ลงใจในเราจนฝังใจชนิดถอนไม่ขึ้น

  

จงเมตตาท่านสุดหัวใจตลอดไป อย่านำยาพิษคือกิริยาไม่ดีและดุด่ามาเป็นคู่แข่งพระคุณท่าน

และเผาลนท่านให้แสลงตาแสลงใจได้ทุกข์เพราะเราอีกต่อไป

 

เรากวนท่านตอนอยู่ในห้อง ตกคลอกออกมา เวลายังเด็กยังเล็กจนรู้เดียงสาและบัดนี้ กวนมาก ยุ่งมาก

วุ่นวายท่านมาก ไม่มีใครยุ่งวุ่นวายเกินลูกๆ ยุ่งวุ่นวายพ่อ – แม่ กรุณาทบทวนให้ละเอียดระหว่างเรา

กับแม่กวนกัน วุ่นวายกันเรื่อยมา ความดุความต่ำที่เคยมีในตัวเรากับแม่จะไม่เป็นคู่แข่งกันอีกต่อไป

จะมีแต่ความเมตตากรุณาอันเป็นธรรมความชุ่มเย็นล้วนๆ ต่อกันจนอวสาน


                                    *******

    

    "สุขสันต์วันแม่ทุกท่าน" ค่ะ 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
จำนวนข้อความทั้งหมด:  88
<
1
2
3
4
5
6
7
>
 Last page 
แสดงความคิดเห็น
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 11  « on 21/9/2555 16:02:00 IP : 124.120.56.238 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 

มาแอบอ่านธรรมและอนุโมทนาสาธุคุณคนแอบอ่านค่ะ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
yingka

Posts: 50 topics
Joined: 9/11/2552

ความคิดเห็นที่ 12  « on 21/9/2555 19:08:00 IP : 124.122.86.246 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 

อนุโมทนาสาธุกับคุณคนแอบอ่านด้วยค่ะ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
DRAGON

Posts: 3 topics
Joined: 20/5/2554

ความคิดเห็นที่ 13  « on 21/9/2555 23:05:00 IP : 115.87.95.77 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 
อนุโมทนาสาธุ ครับ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 14  « on 22/9/2555 16:36:00 IP : 180.183.17.216 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 


คำถาม-คำตอบ (๑๔)  ปัญหาธรรม โดยหลวงตาพระมหาบัว 

ถาม

หลายครั้งที่เคยคิดว่าตัวเองจะไม่มีบุญวาสนาได้รับจดหมายตอบจาก
พระคุณท่านเสียแล้วกระมัง แต่แล้วใจหนึ่งก็คิดว่าต้องได้รับแน่ๆ อย่าใจร้อน
โทมนัสใจไปเลย ครั้นต่อมาเมื่อประมาณวัน....ดิฉันก็ได้รับจดหมายตอบจากท่าน
จริงๆ สมดังปรารถนา ดีใจมากค่ะท่าน ทั้งดีใจทั้งชุ่มชื่นใจ ชื่นชุ่มใจที่ถึงแม้ว่า
อยู่ห่างไกลเหลือประมาณ พระคุณท่านก็ยังมีน้ำใจเมตตาเผื่อแผ่ระลึกถึง
ขอถือโอกาสนี้กราบนมันการมาแทบเท้าด้วยความเคารพคารวะเป็นที่ยิ่ง
ทั้งกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะท่าน

พระคุณท่านเขียนหนังสือรวมแล้วถึง 9 เล่ม เชียวหรือคะท่าน ประเสริฐแท้
ทำให้เกิดกิเลสตัณหาความอยากอย่างไรคะท่าน ทราบแล้วก็ปรารถนาที่จะได้อ่าน
ได้ศึกษา ทั้ง 9 เล่ม ที่ท่านพระอาจารย์ได้เขียนไว้ทีเดียว แต่ความอยากชนิดนี้คง
ไม่เป็นอันตรายแก่สังคมและแก่ตัวเองหรอกนะคะพระคุณท่าน ที่มีได้รับอยู่แล้ว
เวลานี้มีเพียง 3 เล่ม เท่านั้น คือ 1...2...3...

ดิฉันปรารถนาจะได้อ่านได้ศึกษาโดยเฉพาะเรื่องราวประวัติพระคุณท่าน
เป็นที่ยิ่งแล้ว ท่านถอดหัวใจของท่านเขียนบรรยายประวัติท่านพ่อมั่นใช่ไหมคะ
ดิฉันนั้นอัศจรรย์ใจมานานนักหนาแล้ว ถึงความสามารถของพระคุณท่าน ว่าสามารถ
เขียนบรรยายหนังสือเล่มนั้นได้อย่างไร

โดยสรุปแล้ว ดิฉันขอกราบนมัสการกราบเรียนท่านว่า ขณะนี้ดิฉันมีจิตที่
เกิดความโลภเป็นกำลัง อยากได้ค่ะท่าน อยาหได้หนังสือของพระคุณท่านทั้ง 6 เล่ม
ที่ดิฉันยังไม่มีนั้น ขอได้โปรดเมตตาโปรดประทานให้ดังใจหวังด้วยเถิด ดิฉันจะ
ตั้งใจคอยค่ะ

ต่อไปนี้เป็นปัญหาที่ปรารถนาจะกราบเรียนถามท่านเพื่อความรู้แจ้ง ขอได้
โปรดเมตตาอธิบายให้ทราบด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง
1. การพิจารณากายโดยทางไตรลักษณ์นั้น ดิฉันพอจะพิจารณาได้พอควรค่ะ
พระคุณท่าน แต่การพิจารณา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยทางไตรลักษณ์
นั้น ดิฉันไม่เข้าใจแนวทางในการพิจารณา ขอพระคุณท่านได้โปรดอธิบายชี้แนว
ทางการพิจารณาด้วยเถิด
2. เวลาฝึกจิตสมาธิภาวนานั้น ให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความอาภัพอัปภาคย์
ความบุญน้อยวาสนาน้อยของตัวเองอยู่มากค่ะ ที่ไม่สามารถจะฝืนความปวดเมื่อยแข้งขา
อันแสนสาหัสนั้นได้เลย แต่ก็พยายามใช้ความอดทนพยายามฝืนอยู่ค่ะ ปรารถนาจะได้ฝึก
อยู่นานๆ จะได้สบายใจค่ะ ในเรื่องนี้พระคุณท่านมีข้อคิดที่จะประทานคำแนะนำแก่ดิฉัน
บ้างไหมคะ เพื่อที่จะชนะความปวดเมื่อยของร่างกายนั้น สามารถที่จะฝึกสมาธิภาวนา
แต่ละครั้งได้เป็นเวลานานๆ ค่ะ
หากพระคุณท่านพอจะมีเวลาบ้าง ขอได้โปรดประทานเมตตาให้คำสอน
คำแนะนำเกี่ยวกับธรรมทั้งหลายทั้งปวง แก่ดิฉันผู้อยู่ห่างไกลโพ้นด้วยเถิดค่ะ โปรด
ได้รับดิฉันไว้เป็นสานุศิษย์ผู้มั่นคงเคารพคารวะต่อพระคุณท่านโดยจริงใจตลอดชีวิตนี้ค่ะ



ตอบ

ความอยากได้หนังสือธรรมะหรือความอยากในทางเป็นธรรมคือเป็นบุญกุศล
ไม่เรียกว่าความอยากที่เป็นกิเลส ทางธรรมเรียกว่า เป็นมรรค ทางดำเนินเพื่อความ
พ้นทุกข์ ความอยากในธรรมมีมากน้อยเพียงไร ยิ่งทำให้มีความขยันหมั่นเพียร
ในทางดีมากขึ้นเพียงนั้น เช่น อยากพ้นทุกข์ อยากมากเท่าไหร่ ความเพียรยิ่งเข้มแข็ง
ตรงข้าม ถ้าความอยากทางกุศลไม่มี แต่ความอยากทางอกุศลยิ่งมากขึ้นย่อมทำคน
ให้เสียได้โดยไม่สงสัย แต่ความอยากในธรรมกลับทำคนให้ดี จนถึงขั้นดีเยี่ยมไม่มีเสียหาย

การเขียนประวัติท่านอาจารย์มั่นนั้น อาจารย์มิได้ถอดหัวใจของอาจารย์ออกเขียน
แต่อาจารย์ตะเกียกตะกายเขียนไปแบบลุ้มลุกคลุกคลานตามประสาต่างหาก และ
ทุกๆ เล่มที่เทศน์ในเทป และเขียน ก็แบบตะเกียกตะกายทำนองเดียวกันกับเขียน
ประวัติฯ มิได้มีความดีพิเศษอะไรมาเขียนหรอก กรุณาหายสงสัยเสีย ภูมิของ
อาจารย์คือ ภูมิตะเกียกตะกายร่ายมนต์บ่นเพ้อไปอย่างนั้นเอง

การพิจารณาทุกขเวทนาจำต้องใช้ปัญญาพิจารณามากเอาการ เพราะทุกข์เป็น
สิ่งบีบคั้น สติปัญญาต้องตามแก้กันให้ทันกับเหตุการณ์อย่างเข้มแข็ง จะอ่อนแอไม่ได้
เพราะนั่นคือการเข้าตาจน เข้าตะลุมบอนกัน จะเผลอตัวมัวงุ่มง่ามอยู่ไม่ได้ สติปัญญา
มีเท่าไรต้องทุ่มกันลงจนหมดพุง

ผู้ทำสมาธิภาวนามิใช่ผู้มีวาสนาน้อย คนมีบุญวาสนามากต่างหากจึงรักบุญกุศล
ส่วนละเอียดที่เกิดจากสมาธิภาวนา ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลาจะทำสมาธิภาวนา
เป็นกลมายาของกิเลสหลอกคนให้หลงไปตามมันแล้วหยุดภาวนาเสียต่างหาก กรุณา
ทราบกลของกิเลสไว้จะได้ทำภาวนาสะดวกใจ ทนได้เท่าไรก็ทนไป เมื่อทนไม่ไหว
ก็พักไปเหมือนคนทำงานอื่นๆ นั่นแลจะเป็นไรไป ยังได้บุญทุกๆ ครั้งที่ทำภาวนา ส่วน
กิเลสมันไม่เห็นเอาบุญมาให้เรา เราจะเชื่อกลมันอะไรหนักหนา ถ้าเชื่อมันมากก็ล่มจมได้
กรุณาทำไปตามกำลังความสามารถของเรานั่นแล กิเลสคือความขี้เกียจ คือความว่า
บุญน้อย วาสนาน้อย หรือความหยุดเสียไม่ทำ นั้นมันไม่ได้มาให้ความดิบความดี
อะไรแก่เราแม้นิดเดียว นอกจากมันมาคอยกระซิบกระซาบด้วยอุบายหลอกลวง
ให้เราหลงไปตามมันเท่านั้น เวลาเราหลงไปตามกลมายาของมัน มันยังไม่เห็นว่า
ให้เราบ้างว่า แกโง่ แกบุญวาสนาน้อย แกอาภัพ แกจึงมาหลงกลหรอกของเรา
เหล่านี้กิเลสไม่เห็นว่าไม่เห็นเตือนเราพอให้รู้ตัว แล้วปลีกตัวออกห่างจากมันบ้าง
กลมายาของกิเลสมันแหลมคมอย่างนี้เอง กรุณาทราบไว้เผื่อเวลามันมาหลอก
จะรู้ตัวไว้บ้างไม่จมไปกับมันหมดทั้งตัว


 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 15  « on 22/9/2555 17:26:00 IP : 171.7.195.150 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 

คำเตือนของหลวงตามีค่ายิ่งครับ!!!

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 16  « on 23/9/2555 0:20:00 IP : 124.122.89.37 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 
โมทนาสาธุค่ะ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 17  « on 27/9/2555 0:17:00 IP : 171.5.65.233 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 


สาธุ ค่ะ คุณรพินทร์ 

        ช่วงนี้ยุ่งๆ กับงานเลยไม่ได้มาลงคำถาม-คำตอบ ต่อเลยค่ะ เดี๋ยวไม่ทันใจน้องพุทธธิดากับคุณเหลิม อิอิ งั้นขอลงเรื่องจากหนังสือ "เรื่องที่คุยกันกับลูกศิษย์" ขั้นรายการไปก่อนแล้วกันนะคะ หนังสือเล่มนี้ เป็น "เรื่องที่คุยกัน" ระหว่าง หลวงตาพระมหาบัว กับลูกศิษย์ เขียนและเรียบเรียงโดย คุณเพ็ญแข กัปปิยบุตร น่าจะประมาณปี ๒๕๒๙ ค่ะ เรื่องที่จะนำมาลงเป็นบทสนทนาบางช่วงบางตอนค่ะ แต่เรื่องนี้เมื่อคนแอบอ่านได้อ่าน ทำให้มีเรื่องเตือนใจในการ พูดถึงคนอื่น เวลาจะว่าใคร ทำให้คิดถึงคำสอนหลวงตาที่ว่า "อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ" คำพูดนี้โดนใจมากๆ เลยค่ะ

       พวกเราทั้งหลายเข้าไปกราบท่านอาจารย์ด้วยอาการของผู้มีกิเลสหรือความทุขก์อยู่เต็มหัวใจ  ทุกข์เรื่องการงาน เรื่องของผู้คนที่นินทาว่าร้ายใส่ร้ายป้ายสีกัน เรื่องกลั่นแกล้งกันต่างๆ นานาในหน้าที่การงาน เราพากันไปบ่นให้ท่านฟังท่านอาจารย์จะถามพวกเราว่า

      "ไอ้ที่มานั่งว่าคนอื่นเขาอยู่นี่น่ะ ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ?" ลูกศิษย์เจ้าปัญหานิ่งอึ้งท่านถามย้ำสอนว่า

      "อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ? ไหนตอบมาซิ" คำสอนประโยคนี้ผู้เขียนจำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม รู้สึกในทันทีว่าเราเห็นแต่ความผิดผู้อื่น แต่ไม่เคยย้อนมองเข้ามาดูตัวเองเลย ว่าเราผิดหรือไม่ ถึงกระนั้นความดื้อดึงสอนให้ตอบท่านไปว่า

      "ก็คิดว่าตัวเราทำดีแล้ว แต่คนอื่นไม่เห็นดีกับเราทำไมเขาไม่รู้ไม่เข้าใจกันบ้าง?"

      "ถ้าตัวเราดีแล้ว ไปยุ่งกับคนอื่นเขาทำไม หา?" ท่านดุขึ้นมาบ้าง

      "ก็คนอยู่ด้วยกันนี่คะ ท่านอาจารย์ เราดีกับเขา ไม่เห็นเขาดีกับเราเลยหน้าอย่างหลังอย่าง"

      "ถ้าเป็นคนดีพร้อมแล้วนะ นั่นแหละคือความดีของเราเองเป็นบุญ เป็นกุศล เป็นความสุขความเจริญ คนอื่นเขาไม่ดีก็ช่างเขาปะไร เราจะไปเดือดร้อนทำไมกับความไม่ดีของคนอื่น ใครเขาจะมาว่าอะไรตัว คำพูดนั้นออกจากปากใครก็เขาหูคนพูดก่อนเราจะไปรับทำไม ถ้าเราเป็นคนดีแล้ว เราไม่ต้องไปรับรู้เจ็บร้อนอะไรใช่ไหมล่ะ รักษาความดีของเราให้สงบแน่วแน่มั่นคง น่านแหละเรียกว่าเราดี แน่จริงละ ใช่ไหม หือ?" จริงของท่านอาจารย์ทุกคำพูดดีเดียว ใครได้ฟังคำสอนเช่นนี้  จะลดความรู้สึกโกรธแค้น หยิ่งทรนง ลดในการยึดถือเรื่องอัตตาตัวเราของเราลงได้ในทันที  เพราะท่านสอนให้ดูตัวเองก่อนอื่น ให้แยกออกมาให้ได้ว่าอะไรผิด อะไรถูก แล้วเลือกปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามเท่านั้น

     "อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ" ให้หมั่นถามตัวเองไว้เช่นนี้ตลอดเวลาแล้วจะไม่มีความเดือดร้อนใจไม่ต้อง 'ลับเขี้ยวไว้กัดกัน' ท่านสอนพวกเราอย่างนี้ ลูกศิษย์หน้าเป็นหัวเราะร่วนถูกใจที่ท่านดุแรงๆ ท่านอาจารย์บอกว่าท่านหวดด้วยไม้เรียวนี่แหละ(ท่านชี้ที่ปากท่าน) หวดแรงๆ ให้มันเจ็บ ให้สิ่งที่เรียกว่าตัวเราได้รู้สึกสำนึกตัว "รู้สึกตัวแล้วไม่เห็นมันหนีไปซักทียังวิ่งเข้ามาหาให้โดนหวดอยู่ร่ำไป" ลูกศิษย์ท่านอาจารย์พระมหาบัวนั้นไม่มีใครวิ่งหนีไม้เรียวจากฝีปากท่านเลย  มีแต่วิ่งเข้าไปหาให้ท่านเฆี่ยนอยู่เสมอ ไม่มีใครเข็ด เข้าไปทีไรก็โดนทีนั้น โดนทีไรความโง่เขลาเบาปัญญาก็หลุดจากใจทีนั้น ความรอบรู้ ความฉลาดผ่องแผ้วเข้ามาแทนที่ เพราะฉะนั้นใครๆ ก็อยากโดนท่านหวด ใครๆ ก็อยากจะหายโง่ ใครๆ ก็อยากเห็นตัวเอให้ชัดแจ๋วขึ้น ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโนจึงเป็นเสมือนกระจก ส่องเงาผู้คนทั้งหลายผู้ยังวนว่ายอยู่ในวัฏสงสารนี้ ใครได้เห็นเงาของตัวเองว่าผิดพลาดอย่างไรแล้วก็รีบแก้ไข ก็จะแหวกว่ายไปถึงฝั่นได้โดยปลอดภัย ใครที่ยังไม่เข้าใจ ก็จะต้องดำผุดดำโผล่สำลักกิเลสกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด กระเสือกกระสนดิ้นรนกันไปตามเพลงกรรม  คำสั่งสอนของท่านอาจารย์จะเป็นไปเพื่อถ่ายถอนกิเลสในหัวใจคนโดยเฉพาะ และเนื่องจากกิเลสนั้นมีหลายรูปแบบมีเขี้ยวเล็กแหลมคมรอบตัว จึงต้องใช้ธรรมะอันแหลมคมยิ่งกว่า ขัดเกลากระชากมันออกมาให้ได้ ผู้เขียนเคยกราบเรียนสารภาพต่อท่านว่า

        "มีความรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นหมาขี้เรื้อน คันตรงโน้น ตรงนี้ ไปทั่วตัว มากราบท่านอาจารย์ทีไร ท่านก็เอายาราดให้ทีนั้น แสบซิบๆ ไปทั้งตัวแต่ก็หายคันไปเป็นกอง" ท่านตอบว่า

        "เออ แล้วมาใหม่อีกนะ คันมาอีกก็จะเอายาราดให้อีก"

        "มาทีไร ก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ดักดานเลยค่ะ ท่านอาจารย์"

        "น่านแหละ ดีแล้วละ คนที่รู้ว่าตัวเองโง่ก็เรียกมันชักฉลาดขึ้นมาบ้างละ อย่างน้อยมันก็เริ่มไม่หลงตัวเองให้กิเลสมันหลอกเอาได้ แล้วมันจะเบาบางลง ไปถ่ายถอนไปได้เรื่อยๆ ละทีนี้"

          ทุก ๆ คนรู้สึกได้ในทันทีว่า เป็นบุญนักที่มีครูอาจารย์คอยชี้ให้เห็นความบอกพร่องของตัวเองทำให้เกิดปัญญาไตร่ตรองทุกสิ่งๆ อย่างรอบคอบปราศจากอคติ ความหลงมันพาผู้คนเข้ารกเข้าพงกันเสียนักต่อนักแล้ว แต่เรานั้นยังมีบุญที่มีครูอาจารย์คอยประคองซ้ายที ขวาที ลากเราออกมาจากรกจากพงเสมอ ให้เดินอยู่ในลู่ทางอันถูกต้องดีงามตลอดเวลาด้วยคำสอนอันรุนแรง เฉียบขาด แต่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตา ซึ่งท่านอาจารย์เคยอธิบายให้ฟังว่า

       "ธรรมะนั้นจะสอนกันพร่ำเพรื่อไม่ได้ จะต้องดูตามจริตนิสัยของแต่ละคนว่าควรสอนอย่างไร แค่ไหน บางคนพูดนิดเดียวก็เข้าใจรู้เรื่องทันที บางคนก็ไม่เข้าใจ ไม่มีประโยชน์เหนื่อยเปล่าเปลืองลม"

         

 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 18  « on 27/9/2555 9:08:00 IP : 119.160.210.74 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 
คนแอบอ่าน Talk:

... ว่าแล้วแมงโม้คนแอบอ่านก็มาจนได้ ...

 



เอ! ยังหาแมงโม้ไม่เจอเลย
มีแต่เรื่องน่าชื่นชม ที่สามารถนำคำสอนครูอาจารย์มาผสม
กลมกลืนกันได้อย่างลงตัว งดงามในธรรมจริงๆครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 19  « on 28/9/2555 22:01:00 IP : 110.169.167.1 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 
คนแอบอ่าน Talk:
สวัสดีค่ะคุณสิทธิ์

....

  คนแอบอ่านเพิ่งปฏิบัติภาวนามาได้ไม่นานค่ะ นึกถึงคำสอนหลวงปู่ที่บอกให้ลูกศิษย์ไปให้ถึงหัวสะพาน ซึ่งเราก็อยากไปให้ถึงตรงนั้น คนแอบอ่านก็เลยคิดว่าเข็มทิศในการเดินทางก็มีแล้ว รู้แล้วว่าหัวสะพานอยู่ตรงไหน หากเริ่มเดินไปแล้วหนึ่งก้าวแล้วไม่เดินต่อไปเรื่อยๆ เรื่องจะถึงหัวสะพานก็คงเป็นไปไม่ได้ ระหว่างทางเดินยังไม่รู้ว่าจะพบเจอกับกิเลสตัวไหนที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ ดังนั้น ณ ตอนนี้ สามารถปฏิบัติได้ก็ต้อง "หมั่นทำเข้าไว้"  ส่วนจะถึงหัวสะพานในชาตินี้ได้หรือไม่ก็คงอยู่ที่กำลังบุญกุศลที่ทำไว้



คุณคนแอบอ่านไปถึงหัวตะพานเมื่อไหร่ อย่าลืมมาโปรดน้อง ๆ แถวนี้ด้วยนะครับ

ปรารภความเพียรสม่ำเสมออย่างนี้ มีหวังแซงคนเก่า ๆ ชนิดไม่เห็นฝุ่นเป็นแน่ครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
เหลิม

Posts: 2 topics
Joined: 18/5/2555

ความคิดเห็นที่ 20  « on 11/10/2555 19:26:00 IP : 101.51.92.202 »   
Re: ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม โดย หลวงตามหาบัว.........
 

อนุโมทนา สาธุ ครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
<
1
2
3
4
5
6
7
>
 Last page 
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 4 Visits: 16,615,300 Today: 815 PageView/Month: 86,801