เช้านี้ขณะนั่งรับประทานอาหาร เห็นข่าวทีวีมีภาพกองทัพนักข่าวไปรอสัมภาษณ์และถ่ายภาพดาราดังที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศหลังจากเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์มาหลายวัน
ทำให้นึกถึงคำว่า "ความไม่พอดี" ในยามที่กำลังไต่เต้าขึ้นเป็นดาวเด่น ทุกคนล้วนอยากให้นักข่าวติดตามและทำข่าว แต่เมื่อโด่งดังขึ้นมาแล้ว แม้ไม่ต้องการนักข่าว ก็มิอาจปฏิเสธได้ ความเป็นส่วนตัวช่างหาได้ยากเสียเหลือเกิน
มนุษย์เรานั้น มีหลากหลายแตกต่างกันไปตามสิ่งที่สั่งสมมาซึ่งหล่อหลอมจนกลายเป็นบุคลิกภาพ เป็นความชอบ-ไม่ชอบ เป็นการกระทำหรือการพูดจาด้วยแรงขับเคลื่อนหรือแรงบันดาลใจต่าง ๆ กัน
ความไม่พอดี หรือโลกย่อมพร่องอยู่เป็นนิจ คือสิ่งที่ต้องยอมรับ การไม่ยอมรับความจริงคือที่มาของคำว่า "ทุกข์"
คนบางพวกเป็น perfectionist ทุกอย่างต้องเนี้ยบ ถ้าไม่เนี้ยบแล้วโกรธเอาง่าย ๆ ทำอย่างไรจะยอมรับความเป็นธรรมดาของ "ความไม่สมบูรณ์แบบ"
คนบางพวกฝากความสุขไว้กับคำชื่นชมและเห็นคุณค่าของบรรดาผู้ที่เขาเข้าไปช่วยเหลือ ทำอย่างไรจะเห็นความเป็นธรรมดาของ "การไม่มีสำนึกรู้บุญคุณ" หรือ "ทำดีย่อมได้ความดี แต่ไม่จำเป็นต้องได้ของดีหรือคำชื่นชม"
คนบางพวกมักคิดไปในแง่ภัยอันตรายรอบตัวจนเกิดเป็นความวิตกไว้เกินเหตุ ทำอย่างไรจะเห็นความเป็นธรรมดาของ "ภัย" ที่อาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ ตามแต่เหตุปัจจัยและเวรกรรม
คนบางพวกมักคิดในทางรื่นเริงสนุกสนาน เพื่อหนีทุกข์ หนีการเผชิญหน้ากับปัญหา ทำอย่างไรจะเห็นความเป็นธรรมดาของ "ชีวิต" ที่ต้องมีทั้งทุกข์และสุข ควรลองคิดลบเสริมเข้ามาบ้าง เพื่อจะได้ "คิดตามความเป็นจริง"
คนบางพวกเหมือนเกิดมาเป็นผู้นำและนักปกครอง เห็นอะไรก็อยากเข้าไปชี้นำและจัดการ พยายามแสดงความแข็งแก่งให้ใคร ๆ เห็น มักพูดตรงชนิดขวานผ่าซาก ยิ่งพูด เสียงยิ่งดัง ทำใจไม่ได้กับความอยุติธรรม ทำอย่างไรจะเห็นความเป็นธรรมดาของ "ความอ่อนแอ" ของคนที่ไม่เข้มแข็งเหมือนกับเรา
ฯลฯ
ทุกจริตนิสัย ล้วนมีกิเลสตัวที่โดดเด่นต่างกัน แต่ว่าโดยรวมแล้วก็ไม่พ้น "โกรธ โลภ หลง"
จากเรื่องดารา เลยเถิดไปถึงเรื่องจริตนิสัยของคนเรา มาจบที่การสร้างปัญญาบรรเทาความหลงด้วยการเห็นความเป็นธรรมดาของสิ่งที่จริตนิสัยของเรา ยากจะยอมรับ "ความเป็นธรรมดา" ของมัน |