งูพิษกับวัดป่าเป็นของคู่กัน มักเจอกันบ่อย ที่ผ่านมา หากปรากฏตัวในเขตวัดมักจะถูกจับและเนรเทศไปอยู่ที่อื่น ที่ไกลผู้คน หรือ ปล่อยเข้าป่าใหญ่ เหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นที่วัดป่าไชยชุมพล อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ คณะได้เดินทางไปหัดปฏิบัติธรรม บรรยากาศทั่วไปของวัด ยังมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่ และป่าเบญจพรรณ กุฎิที่พักก็กระจายเป็นหลัง ๆ ในสวนลำไย ป่าขนุน และมีลำธารไหลผ่าน ต้นน้ำบนเขาเป็นตาน้ำ มีน้ำผุดตลอด ช่วยให้วัดและชาวบ้านได้ใช้สอยอย่างเพียงพอ หากมองจากมุมไกลมาที่วัด จะเห็นความแตกต่างของพื้นที่ ที่เขียวชอุ่มตัดกับที่ดินของชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัด เข้าที่พักแล้ว แต่ละคนก็ว่ากันตามอัธยาศัย เลือกทำเลเหมาะ หาความสงบตามใจชอบ หากชอบป่า ก็ไปทำเลเชิงเขาแถวกุฏิเก่า ตาม"ขยัน หมั่น เพียร" ช่วงบ่ายเกือบเย็น เดินชมไม้ผลของวัด ทั้งอโวคาโด แมคคาดิเมีย เดินซักพักก็ได้เสียงแปลก "ฟ่อ..ฟ่อ....แกร๊กๆ....ฟ่อ...ฟ่อ....แกร๊กๆ เดินตามหาที่มาของเสียง ฟังดูแปลกหู อ้อมไปที่โรงต้มน้ำ แล้วต้องตะลึง ภาพงูเห่าตัวเขื่องส่งเสียงขู่ แผ่พังพาน กำลังต่อสู้อยู่กับกระแตที่ร้องแกร๊กๆ ไม่ใช่พังพอน เอ๊ะใจ ! ผิดปกติที่กระแต กล้าเข้าสู้กับงูเห่าพิษร้ายกาจขนาดนี้ เหมือนพังพอนสู้กับงูเห่า ยังไง ยังงั้น วิเคราะห์ไม่ออก เพราะอะไร ? เจ้ากระแตน้อยถึงได้กล้าดีเดือดขนาดนี้ แล้วเรื่องกระแตสู้กับงูเห่าก็กระจายไปทั่ววัด ทั้งพระและฆราวาส ต่างมามุงดูกันมากขึ้น เมื่อคนมาก เจ้ากระแตน้อยก็อาศัยจังหวะหลบเข้าพงป่า เป้าหมายเปลี่ยนไป เจ้างูเห่า เริ่มไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ รีบพยายามเลื้อยหนี พระท่านก็พยายามจะจับให้ได้ ล้อมหน้า ล้อมหลัง เจ้างูก็อาศัยความไวหลบเข้าไปที่กองฟืนอย่างรวดเร็ว เสร็จแน่ เพราะกองฟืนไม่ใหญ่ กว้างประมาณ 50 ซม. วางติดกำแพงห้องยาวประมาณ 3 เมตร การล้อมจับก็เริ่มอีกครั้ง เอาไม้แหย่ ให้ออกมายอมจำนนให้ได้ เพื่อนอีกคนเข้าไปดักหน้า อีกคนดักด้านข้าง ตะโกนถามกันเสียงขรม " ออกมาหรือยัง..." " ยัง " " ออกมาหรือยัง.." " ยัง " " นี่ โผล่มาทางนี้แล้ว " " หลบเข้าไปแล้ว " " ระวัง ๆ " งูใจเด็ด คงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว พุ่งตัวพรวดออกมาด้านหน้า อย่างฉับพลัน ทันด่วน... สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นฉับพลันเช่นกัน เป็นวินาทีของการแลกอิสรภาพกันแล้ว ........ ผล.......วงแตกครับ เพื่อนที่อยู่หน้า ใช้สปริงขา แผ่วเดียวกระโดดลอยตัว ขึ้นไปอยู่บนโต๊ะใหญ่ เหมือนมีวิชาตัวเบา ส่วนผมไม่ต้องห่วง สตาร์ดตั้งแต่กรรมการยังไม่ได้ยิงปืนปล่อยตัววิ่ง ไปตั้งหลักอย่างน้อย 5 เมตร จากที่เกิดเหตุ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เผ่นหายวับสลายตัวอย่างไร้ร่องรอย มันเลย กลายเป็นเรื่องขำขันของผู้กล้าที่ผ่านวัดป่ากันมาแบบสุขาปฏิปทา... อ้อ....เจ้างูเห่า พระท่านก็ไม่ได้คิดเบียดเบียน เมตตาให้อาศัยใต้บริเวณพื้นโรงต้มน้ำร้อนมาอีกหลายปี จนไม่มีใครสนใจ เพราะต่างก็อยู่ร่วมกันได้ตามสภาวะที่เป็นอยู่ เรื่องนี้ก็จบด้วย "ความเมตตา" เก็บมาเล่า อุบล |