luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   รังเกียจข้าวก้นบาตร  (Read: 23271 times - Reply: 13 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

รังเกียจข้าวก้นบาตร
« Thread Started on 16/5/2554 10:04:00 IP : 124.121.134.232 »
 

มีเรื่องที่ชวนให้อมยิ้มที่เล่าต่อ ๆ กันมาในหมู่ลูกศิษย์หลวงปู่ถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ลูกศิษย์ใหม่ที่ไม่ค่อยจะกล้ารับประทานอาหารก้นบาตรพระ เพราะเหตุที่พระท่านฉันสำรวม คือ เอาอาหารคาวหวานมาคลุกเคล้ารวมกัน

ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีอันจะกิน และคุ้นเคยแต่อาหารที่ประณีตก็มักจะรังเกียจข้าวก้นบาตร เพราะดูไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย

เหตุการณ์ทำนองนี้ได้เกิดขึ้นที่กุฏิหลวงปู่ ซึ่งโดยปรกติเมื่อหลวงปู่ฉันเสร็จแล้ว ลูกศิษย์ที่นั้นก็จะเอากับข้าวทุกอย่างที่เหลือจากที่หลวงปู่ฉัน มาตั้งเป็นแนวยาวหน้ากุฏิหลวงปู่ แล้วก็พากันนั่งกันทั้ง ๒ ฝั่งของอาหาร เมื่อนั่งเรียบร้อยพร้อมรับประทานแล้ว หลวงปู่ก็จะให้ยกกาละมังข้าวของท่าน มาให้ตักแจกกัน เรียกว่า "ข้าวก้นบาตร"

ด้วยหลวงปู่ท่านคงสังเกตเห็นคนใหม่บางคนยังนึกรังเกียจ ไม่กล้ารับประทานข้าวก้นบาตร ประกอบกับศิษย์ใหม่คนนั้นพอมีนิสัยปัจจัยด้านการรู้การเห็นภายใน หลวงปู่ท่านจึงให้เขากำหนดจิตอธิษฐานดูข้าวข้นบาตร ปรากฏว่าเขาเห็นพระในทุก ๆ เม็ดข้าว แล้วหลวงปู่ก็กล่าวสำทับเพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้นว่า "ในข้าวก้นบาตรทุกเม็ด มีองค์พระทั้งนั้นนะ"

แน่นอนที่สุด แทนที่เธอจะส่งต่อข้าวก้นบาตรของหลวงปู่ไปให้คนอื่นเหมือนอย่างเคย เธอกลับตักแบ่งข้าวก้นบาตรหลวงปู่ไว้รับประทานเองอย่างไม่นึกรังเกียจอีกต่อไป

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: รังเกียจข้าวก้นบาตร
จำนวนข้อความทั้งหมด:  7
1
แสดงความคิดเห็น
สักกะ

Posts: 21 topics
Joined: 11/5/2553

ความคิดเห็นที่ 1  « on 16/5/2554 10:24:00 IP : 124.121.117.44 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

อึ้งกับทึ่งไปเลย สาธุ

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
yokey_up

Posts: 0 topics
Joined: 8/3/2554

ความคิดเห็นที่ 2  « on 16/5/2554 11:27:00 IP : 61.90.19.42 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

ศรัทธานัง

อนุโมทนา...สาธุ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 3  « on 16/5/2554 15:21:00 IP : 124.122.98.10 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

ไม่เคยทานข้าววัดเลย ไม่ทราบเหตุผลค่ะ แต่หลวงปู่คงเมตตาคือ

ไปวัดสะแกครั้งแรกวันพุทธที่ 16-2-2554 อยากไปวัดสะแกมาก โดยที่ไม่ทราบว่าวันนั้นมีการถวายกุฎิ ไปนั่งสวดมนต์ที่หอสวด มีการถวายเพล และไปกราบหลวงปู่ วันนั้นคนเยอะมาก เมื่อถึงเวลาทานอาหารไปนั่งเรียงแถวทานอัตโนมัติ ยังพูดว่าวิธีทานแบบนี้ดีจัง มีท่านเมตตาตอบว่าทานแบบสมัยหลวงปู่ อาหารเยอะมากแต่ก็ทานน้อยเรียนท่านว่าเป็นครั้งแรกที่ทานข้าวที่วัด ท่ามกลางคนไม่รู้จักแต่ไม่แปลกหน้า ทุกอย่างเรียบร้อย มีคนบอกว่าข้าวของหลวงปู่ท่าน นับเป็นบุญเหลือเกิน 

ไปนั่งสมาธิตรงซอกมุม

ไม่มีเหตุบังเอิญ ได้ทานอาหารร่วมกับลูกศิษย์ของท่าน ได้พระ เสียดายที่น่าจะรู้จักท่านก่อน 17-01

15-03 ไปฝึกกราบพระให้ถึงพระ ณวัดสะแก ไปนั่งพักจิต ท่ามกลางคนมากได้สบาย มีกลดติดรถมา  จึงถามคุณณีว่าจะถวายหลวงปูได้ไหม โชคดีมากที่วันนั้นมีพระของวัดสะแกต้องใช้กลดหลวงปู่จัดสรรโอกาสให้ได้ถวายและท่านให้พระของหลวงปู่ดู่(อีกแล้ว)

27-03 ไปวัดสะแก ไปพักจิต

ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ระลึกถึงคำสอนของหลวงปู่ ตื่นมา แทนที่จะทบทวนสิ่งที่ต้องทำวันนี้ เป็นตื่นมา ก็พุทธธัง สรณัง คัจฉามิ รากแก้วของปัญญา ระหว่างวันคำพูดของท่านจะผุดขึ้นมาสอน เมื่อมีอะไรมากระทบ ก่อนนอนได้ถามตัวเองว่าวันนี้ โลภ โกรธ หลง น้อยลงไหม ตามด้วยไตรสรณคม

เป็นชีวิตที่เบาสบายไม่เคยพบมาก่อน เมื่อก่อน เคยคิดว่า

ถ้าไม่ได้เกิด เสียดายแย่เพราะชีวิตสนุกวิทยาศาสตร์มีอะไรใหม่ท้าทาย  ต่อมายังบอกเพื่อนๆว่า อยากมีลูกไม่มีสามีก็ได้ เพราะอาชีพพ่อวิทยาศาสตร์ช่วยได้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่อยากมีลูก ไม่อยากให้มีการเกิด และตัวเองไม่อยากเกิด อยากมีภพชาติที่น้อยลง เพื่อนบอกห้ามบวชนะ 

ขอความกรุณา web master อย่าลงในลานสนทนานะคะ เขียนมาเล่าเพื่ออยากเรียนให้ทราบว่าคำสอนแนวหลวงปู่ได้เปลี่ยนขบวนการคิดที่เปลียนชีวิตได้เพียงใด สัญญาไม่ใช่ปัญญาเหมือน knowledge or the illusion of knowledge ไม่ใช่wisdom.

Never a day passes by I don't think of Luangpoodu's grace.

 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 4  « on 16/5/2554 15:47:00 IP : 124.122.19.117 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

เมื่ออะไร ๆ มันเริ่มพร้อม (ภาษาพระเรียกว่าอินทรีย์เริ่มแก่กล้า) ก็จะเป็นอย่างคุณน้อง กล่าวคือศรัทธาจะค่อย ๆ หยั่งรากลึก ในขณะเดียวกัน จะมีเหตุการณ์หรือผู้คนเข้ามาช่วยเสริม ช่วยต่อยอดให้เราเข้าอกเข้าใจมากขึ้น ๆ

อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง ว่าการจดจำธรรมะได้มาก ๆ ไม่ใช่เป้าหมายของการปฏิบัติธรรม หากแต่ความรู้สึกอันเกิดจากการน้อมธรรมเข้ามาสู่ตัวต่างหากคือเป้าหมายหรือตัวสำเร็จประโยชน์

ต่อไปเวลาเราเห็นคนป่วยไข้ คนตาย คนทุกข์ เราจะไม่บอกกับตัวเองว่านั่นเป็นความป่วยไข้ ความตาย ความทุกข์ของคนอื่น  ไม่เกี่ยวกับเรา หากแต่จะน้อมธรรมะความจริงในเรื่องทุกขสัจว่าเราก็จักไม่พ้นเช่นกัน สังสารวัฏคับแคบ บีบคั้น ครอบงำเราให้ต้องวนเวียนอยู่ในทะเลน้ำตานี้ไม่รู้อีกเท่าไหร่ มีสามีภรรยาก็ทุกข์เพราะสามีภรรยา มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก ความสุขที่ได้มันเทียบไม่ได้กับทุกข์ที่ตามมา 

หากไม่เห็นทุกข์ก็ไม่รู้จะปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร ปฏิบัติไปแบบแกน ๆ

ด้วยเหตุนี้หลวงปู่จึงให้ความหมายที่แท้จริงของคำว่าวิปัสสนา (หรือก็คือปัญญา) ว่าคือความรู้สึกของไก่ที่อยากหนีตายออกจากสุ่มที่รู้ชัดว่าจะมีคนมาเอามันไปเชือดในไม่ช้าอย่างแน่นอน

ถ้าใครบอกว่ามีปัญญาหรือได้วิปัสสนาญาณอะไร ๆ แต่ยังใช้ชีวิตอย่างเผลอเพลิน เป็นดุจไก่ที่เดินคุ้ยเขี่ยหากินในสุ่มอย่างสบายใจเฉิบ โดยไม่ตระหนักว่าจะมีคนมาเชือดในไม่ช้า อย่างนี้ก็ไม่ใช่วิปัสสนาในนิยามที่หลวงปู่ให้ไว้ รวมทั้งเชื่อเหลือเกินว่าจะไม่ใช่นิยามตามพระพุทธประสงค์ด้วย

รู้สึกอนุโมทนาสาธุกับคุณน้องด้วยความจริงใจ

เป็นความจริงว่าการเปลี่ยนที่สำคัญหรือจะเรียกว่ายิ่งใหญ่ก็ไม่ผิด นั่นก็คือการเปลี่ยนกระบวนการคิด (ศัพท์พระเรียกว่าทิฏฐิ) ให้เป็น "สัมมา" คือมีความเห็นชอบยิ่ง ๆ ขึ้นไป เห็นชอบในอะไร ก็เห็นว่านี้คือทุกข์ นี้คือเหตุให้เกิดทุกข์ นี้คือความดับทุกข์ นี้คือทางดับไม่เหลือแห่งทุกข์นั่นเอง

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
MEENOI

Posts: 4 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 5  « on 16/5/2554 21:22:00 IP : 125.26.22.76 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

 

โมทนาครับ

ขนาดเมล็ดข้าวท่านยังอธิฐานเป็นองค์พระ

หลวงปู่ท่านละเอียด ปราณีต งดงาม ครับ

ยิ่งฟังก็เจริญศรัทธา

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
gftor

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 6  « on 17/5/2554 12:49:00 IP : 118.174.22.82 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

ขออนุโมทนาครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 7  « on 18/5/2554 19:03:00 IP : 124.121.251.66 »   
Re: รังเกียจข้าวก้นบาตร
 

ขอบพระคุณค่ะ

The end will also justify the mean.

พระพุทธองค์ผู้พบ the end และ the meanด้วยพระองค์เอง ได้ส่งทูตสวรรค์ มาเมตตาสอนให้เราได้ประจักษ์ว่า สิ่งที่พระองค์พบ เป็นของจริง มีจริง ถ้าเชื่อจริง ทำจริง หมั่นทำ

ส่งเพื่อนธรรม เพื่อนทำ เป็นมงคลข้อแรก กัลยณมิตร มาโอบเอื้อ ให้กำลังใจ nurture ยามที่เราขึ้นชก ไปทำงาน the mean นี้สำคัญยิ่งนัก ไม่ว่าจะถึง the end หรือไม่ ไก่ในสุ่มนี้เชื่อว่าได้เข้าสู่เส้นทางแล้ว ไม่ใช่ต้องชนะที่เราขึ้นชก(หลวงปู่บอกว่าต้องชนะเมี่อขึ้นชกหรือเปล่าคะ) ชนะเป็นผลที่ได้ชก

ตอนนี้ไก่ขอพอใจที่ได้ขึ้นชก ไม่พอใจที่คุ้ยเขี่ยอยู่ในสุ่มนานไป เสียหายมาก ถึงธรรมจะไม่ได้ใช้หูฟังแต่ใช้บารมีฟัง ก็ยังเสียดายเวลา 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 5 Visits: 16,686,630 Today: 1,441 PageView/Month: 68,163