luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ได้เวลารักษาจิต  (Read: 38319 times - Reply: 34 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ได้เวลารักษาจิต
« Thread Started on 4/7/2554 22:02:00 IP : 124.122.18.215 »
 
Attached File...


เลือกตั้งครั้งสำคัญผ่านไป ผลออกมาอาจไม่ถูกใจหลาย ๆ คน ในขณะเดียวกันก็อาจถูกใจหลาย ๆ คน

เดี๋ยวนี้ความผิดความถูก ดูจะวินิจฉัยกันยาก สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งก็เพราะดุลยพินิจของคนเราเสียไป ที่ดุลยพินิจเสียไปส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองขาดความรู้ขาดการศึกษาที่ถูกต้องเพียงพอ ประกอบกับไปคบคนพาล ไม่คบบัณฑิต

ผู้เป็นพาลย่อมพูดโกหกได้เป็นปรกติ (อีกหน่อยคงสับสนตัวเองว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนเรื่องไม่จริง)

จริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครจะเป็นพาลไปเสีย ๑๐๐% เพราะหากไม่มีความดีติดตัวมาก็คงเกิดเป็นคนไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นคนที่ไม่พิกลพิการ เมื่อพิจารณาดังนี้ก็จะได้ไม่เกิดอคติมองแบบสุดขั้ว  คนเราบางทียังพอมีทางกลับตัวกลับใจ แต่หากกลับตัวกลับใจไม่ทัน ก็เป็นเรื่องน่าสงสารที่คนพาลจะต้องไปเสวยทุกข์ในอบายภูมิ

ทุกอย่างไม่แน่นอน คนชั่วบางคนอาจฉุกคิดแล้วกลับตัวเป็นคนดี ในขณะที่คนดีบางคนอาจตกเป็นทาสของลาภสักการะแล้วกลับกลายเป็นคนชั่วก็ได้

เมื่อตอนที่หลวงปู่ละสังขารได้ไม่นาน มีผู้จัดการเขตของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นคนที่ติดเหล้าติดบุหรี่มาก ภรรยาและลูก ๆ ขอร้องให้เลิกอย่างไรก็ไม่ฟัง เขาได้ยินกิตติศัพท์หลวงปู่ จึงได้เดินทางไปกราบสรีระสังขารของหลวงปู่ที่วัดสะแก

เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งที่เมื่อเขาก้มลงกราบศพรูปเหมือนหลวงปู่ พลันก็เกิดพลังใจนึกอยากเป็นคนดี โดยอธิษฐานขอเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ต่อหน้าหลวงปู่ชนิดขอเลิกเด็ดขาดนับแต่บัดนั้น แล้วเขาก็เลิกได้จริง ๆ เพราะหลายปีแล้วก็ไม่ได้ยินข่าวเขากลับไปดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่อีก แน่นอนว่าครอบครัวเขาย่อมเป็นสุขอย่างมาก

นี่ก็เพราะคนเราย่อมมีเชื้อดีติดตัวไม่มากก็น้อย รอเพียงกาลเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

คนชั่วบางคน อาจมีเหตุให้ต้องสะเทือนใจแล้วได้คิดก็มี

แต่ก็เชื่อว่าคนชั่วบางคน อาจกลับตัวกลับใจไม่ทันอายุขัย ต้องตายไปสู่อบายภูมิตามเหตุปัจจัยที่สร้างไว้

ที่เล่าเรื่องสัพเพเหระมาให้ฟัง ก็เพียงเพื่อจะบอกว่า หากเพื่อนสมาชิกท่านใดที่กำลังจิตตกเพราะผลการเลือกตั้ง ก็พึงตระหนักรู้ แล้วสอนจิตเพื่อรักษาใจให้ไม่เป็นทุกข์ รวมทั้งไม่ให้เผลอไปนึกเคืองแค้นหรืออาจเลยเถิดไปสู่การแช่งชักหักกระดูกบรรดาผู้ที่เราไม่ชอบใจ ซึ่งผลที่เกิดก่อนนั้นไม่ใช่ผู้ที่เราแช่ง หากแต่เกิดกับใจเราเองก่อน คือเกิดอกุศลและความเศร้าหมอง เพราะการเผาใจเจ้าของเอง

คนเราย่อมมีเวรกรรมเป็นของ ๆ ตน ประเทศชาติก็มีเวรกรรมของประเทศชาติ (เพราะการกระทำโดยรวมของคนในชาติ) แม้พระโพธิสัตว์อย่างในหลวงก็ต้องเผชิญวิบากกรรมของพระองค์ท่านเช่นกัน

ห้วงเวลาเช่นนี้ต้องหมั่นวางใจว่า "ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น" พร้อมกับระลึกโอวาทธรรมของหลวงปู่ที่ว่า

"หมั่นดูจิต รักษาจิต"

"หมั่นดูจิต รักษาจิต"

"หมั่นดูจิต รักษาจิต"   

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ได้เวลารักษาจิต
จำนวนข้อความทั้งหมด:  11
1
2
>
แสดงความคิดเห็น
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 1  « on 5/7/2554 7:06:00 IP : 110.77.138.63 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 
สิทธิ์ Talk:

"หมั่นดูจิต รักษาจิต" 

 



"หมั่นดูจิต รักษาจิต" = ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง

หลายคนคงต้องระลึกถึงคำสอนพระพุทธองค์ว่า

"บุคคลผู้ฆ่าความโกรธได้ ย่อมเป็นสุข"

ช่วงเวลานี้เป็นเวลาแห่งการฝึกตนอย่างดี

กิเลสในตัวเราแสดงท่าทีให้เห็นได้ชัดเจน

จะเป็นอย่างไร ให้หาอุบายแยบคาย

ฆ่าความโกรธให้หายเร็วไว ใจไม่เศร้าหมอง

วิธีลดอคติต่อผู้อื่น รักษาใจให้สดชื่นเสมอ

อุบายปัญญา นี้ ต้องหาเอาเอง...


 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 2  « on 5/7/2554 16:03:00 IP : 124.122.110.175 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 

แม่นายตอนไม่เป็นอัลไซเมอร์ชอบถามเด็กๆว่าฆ่าอะไรไม่บาป เพื่อให้พวกเราตอบว่า ฆ่ากิเลส แม่นายจะยิ้ม แม่นายเป็นอัลไซเมอร์หลายปีแล้ว แต่เมื่อได้ฟังธรรม เสียงอ่านธรรม หรือเสียงสวดมนต์ แม่นายจะยกมือขึ้นไหว้ ใครมาก้ไหว้และยิ้มอารมณ์ดี  เป็นข้อยกเว้นของคนเป็นอัลไซเมอร์ แม่นายไม่เคยโกรธ ใจดี ฆ่ากิเลสทุกวัน แม่นายคงรักษาจิตเป็นปรกติของแม่นายและมีความสุข ไม่เศร้าหมอง แม่นายยังอยู่ค่ะแต่ไม่ถามพวกเราแล้ว(ภาษาของแม่นายมียิ้ม กับไหว้) โดยเฉพาะป้าน้อง แม่นายบอกว่าคนนี้เจ็บไม่จำไม่พยาบาทใคร เริงร่าไปวันๆ (โง่=ประมาท) พวกเราไม่ห่วงจิตท้ายสุดของแม่นายเพราะอัลไซเมอร์ไม่สามารถทำลายจิตที่ฝึกมาทั้งชีวิต 

เศร้านิด หมองหน่อยไม่ได้หมายความว่ายังมีโกรธอยู่

คนทุกคนควรได้รับการให้อภัย แต่การให้อภัยไม่ได้หมายความว่าควรได้รับโอกาสให้ทำอะไรก้ได้ที่อาจไม่ดี

กลับไปฝึกฝน ฝึกฝน ฝึกฝน เส้นทางถึงความ(คาร์นีกี้ร์ฮอลล์ )ไม่เศร้าหมอง เศร้าเขามีไว้ให้ละไม่ใช่รักษา ของที่ต้องทำและรักษาคือจิตที่ผ่องแผ้ว 

ขอเป็นแรงหนุนใจให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลคนเป็นอัลไซเมอร์

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
rangsitn

Posts: 0 topics
Joined: 9/9/2553

ความคิดเห็นที่ 3  « on 5/7/2554 16:17:00 IP : 122.154.22.34 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 

ผมคงต้องตรอง "หมั่นดูจิต รักษาจิต"  ให้มากขึ้น  เพราะเผลอบ่อย ต้องมีสติให้มากขึ้น

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 4  « on 5/7/2554 21:15:00 IP : 124.122.110.175 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 

ขอบคุณคุณสุภาค่ะ กำลังกลับไปอ่าน วิธีดูจิตที่หลวงปู่สอน มีการรักษาจิต ดัดจิตด้วยต้องหมั่น อย่างที่หลวงปู่ว่าไม่ทำหนึ่งวันเสียหายมาก พี่แดงทำทุกขณะจิต นี่ขนาดคุณเมธาปูพื้นไว้แล้ว จิตยังกระเพื่อม ตามด้วยคุณสิทธิ์ คุณรณธรรม ถ้าเด็กข้างวัดมาขนาบอีกคนคงดี เหมือนฉีดวักซีนให้หมั่น ดูจิต รักษาจิต เพื่อมีภูมิคุ้มกันให้วิหารธรรม ท้ายสุดก็กลับมาแก้ที่ใจของเราเอง

สดชื่น เปี่ยมพลัง ทั้งกายใจทุกท่านค่ะ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 5  « on 7/7/2554 12:39:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 

MEENOI ครับ

การรักษาจิต แน่นอนว่ามันต้องยากต้องลำบาก เพราะในกระบวนการรักษาจิต มันต้องอบรมจิต สอนจิต มีแต่การฝึกการฝืน ไม่ตามอารมณ์ฝ่ายต่ำ (คือไม่ทำตามความอยากหรือตัณหา)

ถึงจะเป็นความทุกข์ยากลำบากกับการดัดจิตตนเอง แต่หากทำด้วยเห็นคุณค่า ก็จะไม่เครียด คนที่เครียดมักเป็นเพราะปฏิบัติด้วยตัณหาที่อยากให้ถึงเป้าหมายไว ๆ มากกว่าครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
weeravit

Posts: 0 topics
Joined: 11/11/2555

ความคิดเห็นที่ 6  « on 16/2/2557 19:05:00 IP : 124.122.231.249 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 
สิทธิ์ Talk:

เลือกตั้งครั้งสำคัญผ่านไป ผลออกมาอาจไม่ถูกใจหลาย ๆ คน ในขณะเดียวกันก็อาจถูกใจหลาย ๆ คน

เดี๋ยวนี้ความผิดความถูก ดูจะวินิจฉัยกันยาก สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งก็เพราะดุลยพินิจของคนเราเสียไป ที่ดุลยพินิจเสียไปส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองขาดความรู้ขาดการศึกษาที่ถูกต้องเพียงพอ ประกอบกับไปคบคนพาล ไม่คบบัณฑิต

ผู้เป็นพาลย่อมพูดโกหกได้เป็นปรกติ (อีกหน่อยคงสับสนตัวเองว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนเรื่องไม่จริง)

จริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครจะเป็นพาลไปเสีย ๑๐๐% เพราะหากไม่มีความดีติดตัวมาก็คงเกิดเป็นคนไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นคนที่ไม่พิกลพิการ เมื่อพิจารณาดังนี้ก็จะได้ไม่เกิดอคติมองแบบสุดขั้ว  คนเราบางทียังพอมีทางกลับตัวกลับใจ แต่หากกลับตัวกลับใจไม่ทัน ก็เป็นเรื่องน่าสงสารที่คนพาลจะต้องไปเสวยทุกข์ในอบายภูมิ

ทุกอย่างไม่แน่นอน คนชั่วบางคนอาจฉุกคิดแล้วกลับตัวเป็นคนดี ในขณะที่คนดีบางคนอาจตกเป็นทาสของลาภสักการะแล้วกลับกลายเป็นคนชั่วก็ได้

เมื่อตอนที่หลวงปู่ละสังขารได้ไม่นาน มีผู้จัดการเขตของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นคนที่ติดเหล้าติดบุหรี่มาก ภรรยาและลูก ๆ ขอร้องให้เลิกอย่างไรก็ไม่ฟัง เขาได้ยินกิตติศัพท์หลวงปู่ จึงได้เดินทางไปกราบสรีระสังขารของหลวงปู่ที่วัดสะแก

เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งที่เมื่อเขาก้มลงกราบศพรูปเหมือนหลวงปู่ พลันก็เกิดพลังใจนึกอยากเป็นคนดี โดยอธิษฐานขอเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ต่อหน้าหลวงปู่ชนิดขอเลิกเด็ดขาดนับแต่บัดนั้น แล้วเขาก็เลิกได้จริง ๆ เพราะหลายปีแล้วก็ไม่ได้ยินข่าวเขากลับไปดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่อีก แน่นอนว่าครอบครัวเขาย่อมเป็นสุขอย่างมาก

นี่ก็เพราะคนเราย่อมมีเชื้อดีติดตัวไม่มากก็น้อย รอเพียงกาลเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

คนชั่วบางคน อาจมีเหตุให้ต้องสะเทือนใจแล้วได้คิดก็มี

แต่ก็เชื่อว่าคนชั่วบางคน อาจกลับตัวกลับใจไม่ทันอายุขัย ต้องตายไปสู่อบายภูมิตามเหตุปัจจัยที่สร้างไว้

ที่เล่าเรื่องสัพเพเหระมาให้ฟัง ก็เพียงเพื่อจะบอกว่า หากเพื่อนสมาชิกท่านใดที่กำลังจิตตกเพราะผลการเลือกตั้ง ก็พึงตระหนักรู้ แล้วสอนจิตเพื่อรักษาใจให้ไม่เป็นทุกข์ รวมทั้งไม่ให้เผลอไปนึกเคืองแค้นหรืออาจเลยเถิดไปสู่การแช่งชักหักกระดูกบรรดาผู้ที่เราไม่ชอบใจ ซึ่งผลที่เกิดก่อนนั้นไม่ใช่ผู้ที่เราแช่ง หากแต่เกิดกับใจเราเองก่อน คือเกิดอกุศลและความเศร้าหมอง เพราะการเผาใจเจ้าของเอง

คนเราย่อมมีเวรกรรมเป็นของ ๆ ตน ประเทศชาติก็มีเวรกรรมของประเทศชาติ (เพราะการกระทำโดยรวมของคนในชาติ) แม้พระโพธิสัตว์อย่างในหลวงก็ต้องเผชิญวิบากกรรมของพระองค์ท่านเช่นกัน

ห้วงเวลาเช่นนี้ต้องหมั่นวางใจว่า "ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น" พร้อมกับระลึกโอวาทธรรมของหลวงปู่ที่ว่า

"หมั่นดูจิต รักษาจิต"

"หมั่นดูจิต รักษาจิต"

"หมั่นดูจิต รักษาจิต"   

 



 ช่วงเวลาหลายเดือน นี้ ข่าวการประท้วง และสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่า มะม่วงจะหลุดจากต้นเมื่อไร กระทู้นี้ เหมาะกับการหยิบขึ้นมาพิจารณา

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 7  « on 17/2/2557 7:37:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 

เรื่องของการดูจิต รักษาจิตนั้น บางคนบางท่านอาจรวบรัดปล่อยวางโดยมิได้ทำอะไรต่อส่วนรวม บ้างว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อน่ารำคาญ บ้างว่าฉันจะมุ่งปฏิบัติตัวเอง

วัดในเขตป่าที่มีไฟไหม้ป่าเป็นประจำ ครูบาอาจารย์จะตักเตือนว่า พวกท่านจะมัวมานั่งหลับตาให้ไฟลุกลามมาที่เสนาสนะจนเสียหายไม่ได้นะ ต้องช่วยกันดับไฟด้วย

บ้านกำลังไฟไหม้ จะบอกรำคาญอย่างนั้นหรือ หรือมองว่าเป็นบ้านของเพื่อนบ้าน ยังไม่ใช่บ้านเราหรือบ้านญาติเรา ในขณะที่เราสวดมนต์ว่า ทุกชีวิตคือเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย แต่บ่อยครั้งเราก็เผลอแบ่งเขาแบ่งเราจนสุดขั้ว

บางทีเห็นข่าวอุบัติเหตุร้ายแรงในย่านของคนที่มีคนรู้จัก พอทราบรายละเอียดว่าคนที่ตนรู้จักปลอดภัย เป็นแต่ผู้อื่นเสียชีวิต ก็ว่า "โล่งใจหน่อย ญาติเราปลอดภัย คนตายไม่ใช่ญาติเรา" อย่างนี้ก็น่าพิจารณาว่าเราวางใจสวนทางกลับที่เราสวดมนต์อยู่ทุกวันหรือไม่

การดูจิตรักษาจิตนั้นมาภายหลัง การทำข้อวัตรปฏิบัติตามควรแก่กำลัง ฐานะ และสถานการณ์ต้องมาก่อน ในขณะที่ทำย่อมมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ รวมทั้งย่อมมีสิ่งเข้ามากระทบชวนให้เกิดความโกรธ โลภ หลง ตรงนี้ต่างหาก ที่ต้องใช้ธรรมที่ว่า "ดูจิต รักษาจิต"  มิใช่ไม่ทำอะไรเลย แล้วจะว่าดูจิต รักษาจิต  

พระบวชใหม่ไฟแรงบางรูปไม่ยอมช่วยเหลือส่วนรวมในการปัดกวาดเสนาสนะอันเป็นข้อวัตรปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันของสังคมสงฆ์ เหตุผลที่กิเลสผลิตขึ้นมาให้ตนเองสบายใจที่จะไม่ปฏิบัติข้อวัตรก็คือ "เวลามีน้อย ต้องรีบปฏิบัติธรรม ทำภาวนา"

ซึ่งหากพิจารณาผิวเผิน ก็ดูจะมีเหตุผล แต่จริง ๆ แล้ว เข้าข่ายการปฏิบัติที่ขาดปัญญา และขาดความแยบคายในการพิจารณา

ศาสนาหรือหลักปฏิบัติสำหรับชีวิตนั้น ประกอบด้วยสองส่วน
ส่วนแรกคือ ข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสังคมภายนอก เป็นไปเพื่อความสงบเรียบร้อยและเกื้อกูลต่อกันและกันเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติข้อสองนั่นก็คือข้อปฏิบัติภายในเพื่อการพัฒนาจิตตัวเอง

ส่วนแรกเรียกว่า "วินัย" บ้าง "ศีล" บ้าง "สิกขาบท" บ้าง "ข้อวัตร" บ้าง

ส่วนที่สองเรียกว่า "ธรรรม"

พระพุทธองค์มีพระปัญญาธิคุณหาประมาณมิได้ พระองค์จึงได้บัญญัติว่าศาสนานี้ประกอบด้วยธรรมและวินัย (ดังที่ใช้คำแทนศาสนาว่า ธรรมแลวินัย) คือ ต้องพร้อมด้วยข้อปฏิบัติทั้งภายในและภายนอก มิเช่นนั้น จะไปไม่รอด ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม

หากพิจารณาให้ถี่ถ้วนเราก็จะยิ่งรักพระพุทธเจ้า รักพระธรรม รักพระอริยสงฆ์ รักศาสนาพุทธ เพราะมีความสมบูรณ์ มีคุณค่าสูงส่งเกินกว่าจะนับจะประมาณได้

น้อง weeravit หยิบยกประเด็นขึ้นมา ลุงสิทธิ์ก็พูดโม้เสียยืดยาว ก็เพื่อจะบอกว่า "การดูจิต รักษาจิต" เป็นส่วนของ "ธรรม" หรือ "ข้อปฏิบัติภายใน" แต่ส่วนของ "ข้อปฏิบัติภายนอก" ก็ต้องไม่ละเลย จึงจะถือว่าปฏิบัติ "ศาสนา" เต็มตัว อานิสงส์แห่งการปฏิบัติก็จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
weeravit

Posts: 0 topics
Joined: 11/11/2555

ความคิดเห็นที่ 8  « on 17/2/2557 12:47:00 IP : 119.46.117.230 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 

ขอบคุณ พี่พรสิทธิ์ สำหรับคำแนะนำการวางตัว วางใจ ครับ 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 9  « on 18/2/2557 7:14:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 


จะรู้ถึงระดับของศีลที่มีก็ตอนมีเรื่องชวนให้ผิดศีลเข้ามาในชีวิต

จะรู้ถึงระดับของสมาธิและการดูจิตก็ตอนมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาชวนให้สติแตก

จะรู้ถึงระดับความสามารถของการรักษาจิตก็ตอนมีเรื่องร้ายหรือดีที่เข้ามาชวนให้เศร้าหมองหรือหลงลำพอง

ปราศจากการเผชิญกับเรื่องชวนให้ผิดศีลแล้วจะบอกว่าตนมีศีลนั้นยังบอกไม่ได้

ปราศจากการเผชิญกับเรื่องวุ่นวายที่ชวนให้สติแตกแล้วจะบอกว่าตนมีสมาธิดีนั้นยังบอกไม่ได้

ปราศจากการเผชิญกับเรื่องร้ายหรือดีที่ชวนให้จิตกระเพื่อมแล้วจะบอกว่าตนสามารถรักษาจิตไว้ดีก็ยังบอกไม่ได้

การปฏิบัติคือการฝึกตน ฝึกกายวาจาให้สงบระงับไม่เบียดเบียนใคร ๆ รวมทั้งตนเอง (ศีล) ฝึกจิตให้สงบระงับและมีสัมมาทิฏฐิรู้เท่าทันสังขาร (สมาธิและปัญญา)

ขึ้นชื่อว่าฝึกตน ไม่ได้ทำหนเดียวแล้วจบ ทำไป ๆ จนกว่ากิเลสไม่อาจกลับมากำเริบได้อีก

หลวงปู่สอนว่า หมั่นทำเข้าไว้ ๆ ...ยังกินข้าวอยู่ ก็ยังต้องทำ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 10  « on 18/2/2557 14:46:00 IP : 171.98.177.107 »   
Re: ได้เวลารักษาจิต
 
กลับมาอ่าน มาบำรุงจิตให้ฮึกเหิม เพื่อจะได้ ดูจิต รักษาจิตในโมงยามที่เอื้อต่อการฝึกฝน
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
2
>
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 8 Visits: 16,614,470 Today: 6,046 PageView/Month: 85,925