luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ศิษย์ดื้อ   (Read: 15402 times - Reply: 14 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ศิษย์ดื้อ
« Thread Started on 29/8/2554 8:10:00 IP : 203.148.162.151 »
 

เรื่องความดื้อนี่ เข้าใจว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ คงต้องมีกันบ้างไม่มากก็น้อย

สมัยที่หลวงปู่ยังหนุ่ม หลวงปู่มีศิษย์ในความสงเคราะห์เลี้ยงดู (ชนิดอยู่ประจำที่วัด) ที่เด่นชัดก็เห็นจะเป็นลุงแกละ (ปัจจุบันเสียแล้ว) ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ลุงแกละจากไปตั้งแต่ลุงแกละยังเล็ก ๆ มีคนแนะนำให้มาอาศัยอยู่กับหลวงปู่

ลุงแกละเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ตอนหนุ่ม ๆ นี่ดุเอาการ ขนาดลุงแอบหนีไปเที่ยว กลับเข้าวัดกลางคืน หลวงปู่จับได้ โดนตีซะหลายที แต่ด้วยความดื้อ จึงไม่ค่อยจะหลาบจำ

สมัยนั้น หลวงปู่ท่านตั้งใจสอนหนังสือให้ด้วยตนเอง ทั้งลุงแกละและเด็กวัดคนอื่น ๆ ทั้งการเขียนหนังสือและการคิดเลข ฯลฯ ซึ่งก็เป็นแบบไทย ๆ ในยุคนั้น ที่วัดคือศูนย์กลางการศึกษา

พอมาในยุคที่มีผู้เริ่มรับธรรมได้ ศิษย์ดื้อก็ต้องปะปนอยู่เป็นธรรมดา ท่านสอนว่าอย่า ก็จะทำ ท่านสอนให้ทำก็ไม่ค่อยจะทำ

เป็นต้นว่า ท่านว่าห้ามไปสำนักทรง ศิษย์ดื้อก็แอบไปเพราะอยากรู้อยากเห็น จนบางทีถึงขนาดเสียท่าถูกของเข้าตัวผ่านอาหารและเครื่องดื่มที่นำมาเลี้ยงกัน 

หลวงปู่ห้ามไม่ให้คุยเสียงดังในวัดในวา ให้สงบสำรวม ศิษย์ดื้อก็ยังพากันสนทนาเสียงดังไม่ต่างจากที่บ้าน หลวงปู่ส่งสายตาทีก็เงียบที

หลวงปู่ห้ามเรี่ยไร ศิษย์ดื้อก็ไม่หยุด เพราะชอบ และคิดว่าจะเป็นบุญใหญ่หรือเป็นหนทางให้ได้บริวารมาก ๆ (ไม่ได้ทำบุญมุ่งจาคะละกิเลสตัวตระหนี่ถี่เหนี่ยว)

หลวงปู่ไม่ชอบให้จัดมหรสพในวัด เพราะเสียงดังรบกวนการปฏิบัติสมณธรรมของพระเณร ศิษย์ดื้อก็ยังคงจัดมหรสพ เพราะทำกันมาตั้งแต่ไหน ๆ เลิกได้อย่างไร ชาวบ้านเขาชอบกัน

ฯลฯ

ในทางกลับกัน หลวงปู่ให้พากันทำความเพียรให้สม่ำเสมอ ศิษย์ดื้อก็ทำ ๆ หยุด ๆ แต่เวลาถามปัญหาธรรมะ จะถามปัญหาธรรมชั้นสูง (เพราะอ่านและจำมาได้มาก) แล้วมักถามอะไรที่ไกลตัว ไม่ใช่ปัญหาการขูดกิเลสตัวเอง

หลวงปู่แนะนำให้ไปโรงเรียนธรรมะ คือ โรงพยาบาล เพื่อดูเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้มันถึงใจ ศิษย์ดื้อก็ชอบไปดูหนังดูละครมากกว่า

หลวงปู่บอกว่าให้ทำจริง ๆ (เพื่อจะได้เห็นผล เป็นกำลังใจแก่ตนเองในการปฏิบัติให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป) ศิษย์ดื้อก็ทำเล่น ๆ แต่อยากได้ผลจริง ๆ เมื่อไม่ทันใจก็มองหาทางลัดที่จะให้ผลมาแบบง่าย ๆ สบาย ๆ หรือไม่ก็เปลี่ยนแนวทาง เปลี่ยนครูบาอาจารย์ไปเรื่อย ๆ ปฏิบัตินิดหน่อยไม่เห็นผล ก็ว่าไม่ถูกจริต (ไม่เคยรู้ว่าครูบาอาจารย์ท่านต้องทดลองปฏิบัติจริง ๆ จัง ๆ กันเป็นหลาย ๆ เดือน หรือเป็นปี ก่อนจะบอกว่าไม่ถูกจริต)

หลวงปู่บอกว่าพระของข้า องค์เดียวก็พอ ศิษย์ดื้อก็ห้อยพระซะเต็มคอ บางคนห้อยตั้งสองสามเส้น แถมในมือยังใส่แหวนเต็มสองมือ แทบจะเป็นแคตาล็อกแหวนเคลื่อนที่

หลวงปู่บอกว่าให้ดูความก้าวหน้าในการปฏิบัติจากโกรธ โลภ หลงที่ลดลง พร้อม ๆ กับศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่มากขึ้น ศิษย์ดื้อก็จะมุ่งแต่เรื่องการเห็นนิมิต เรื่องลึกลับที่หาพยานไม่ได้ ส่วนความศรัทธาในพระ แทนที่จะศรัทธาในเรื่องหลัก ๆ เช่น ศรัทธาเชื่อมั่นในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า กลับไปศรัทธาแบบพระเป็นเหมือนเทพเจ้า คือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบรรดาลความสำเร็จให้ เมื่อทำพระให้เป็นเทพ ก็ไม่พ้นพิธีกรรมบวงสรวงเทพ ในที่สุดก็แยกพุทธ-พรหมณ์ไม่ออก ทิ้งหลักการพุทธที่ว่าเป็นหลักพึ่งตนเอง ไม่ใช่พึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอก

สุดท้ายหลวงปู่บอกว่าเวลาเหลืออีกไม่มาก ให้รีบพากันปฏิบัติ ศิษย์ดื้อก็ไม่เคยนึกว่าวันพรุ่งนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิต แม้ขณะกำลังจะตาย ก็ยังไม่คิดว่าจะต้องตายจริง ๆ

ผมขอสารภาพว่าผมก็เป็นหนึ่งในศิษย์ดื้อครับ จึงได้ไปไม่ถึงไหน  Smiley

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ศิษย์ดื้อ
จำนวนข้อความทั้งหมด:  2
1
แสดงความคิดเห็น
atthakavee

Posts: 1 topics
Joined: 17/11/2553

ความคิดเห็นที่ 1  « on 29/8/2554 9:50:00 IP : 119.46.176.222 »   
Re: ศิษย์ดื้อ
 

อย่างพี่พรสิทธิ์ไม่ได้เรียกว่าดื้อหรอกครับ ถ้าดื้อก็คงไม่เข้าใจหลักธรรมที่หลวงปู่สอน และยังถ่ายทอดธรรมะให้แก่เด็กรุ่นหลังที่ไม่ทันหลวงปู่ให้เข้าใจหลักธรรมมากขึ้นอีก

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 2  « on 2/9/2554 7:53:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: ศิษย์ดื้อ
 

ที่คุณเด็กข้างวัดกล่าวไว้นั้น สำคัญมาก ๆ ครับ และก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องตระหนัก ของใครก็ของคนนั้น เพราะกิเลสมันหลักแหลมพอจะทำให้เราหลง หรือไม่รู้เนื้อรู้ตัว

กรณีรู้ว่าไม่รู้ว่ารู้นั้น ไม่ค่อยเกิด แล้วก็สู้ไม่เป็นปัญหา (เพราะมันสำเร็จประโยชน์คือเข้าถึงตัวผลแล้ว) เคยมีตัวอย่างพระในประเทศพม่าเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว ท่านไม่ได้เรียนปริยัติ แต่ท่านเทศน์ในภาษาชาวบ้านได้ลึกซึ้ง จนเป็นที่กล่าวขานกันมาก จนรัฐบาล (ซึ่งกลัวเรื่องการรวมตัวหรือก่อม๊อบ) ได้ตั้งพระเถระจำนวนหนึ่งที่ล้วนเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก มาสอบพระรูปนั้น

ผลสรุปออกมาคือ คณะพระเถระยอมรับในภูมิธรรมของพระบ้านนอกรูปนั้น ว่าสิ่งที่เทศน์มานั้น เข้ากันได้กับพระไตรปิฎก จนคณะพระเถระก็เชื่อเหมือนชาวบ้านว่าพระบ้านนอกรูปนั้นเป็นพระที่สิ้นกิเลสแล้ว (รวมทั้งเชื่อว่าท่านคงได้ปฏิสัมภิทาญาณ จึงมีความสามารถในการเทศน์ได้อย่างพิสดารทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีประวัติในการศึกษาด้านปริยัติมาก่อนเลย)

เล่าเลยเถิดไปไกล

เรื่องความดื้อนี้ ก็มีทั้งแบบดื้อให้เห็นกันชัด ๆ และแบบดื้อตาใส (ข้างนอกเหมือนยอมรับที่จะทำตามที่สอน แต่ในใจนั้นค้าน และไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองหรือทำตามที่มีคนแนะนำหรอก) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะเป็นแบบใด

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 7 Visits: 16,685,530 Today: 334 PageView/Month: 67,044