คำถามมีรางวัล ครั้งที่ ๒

รางวัลคือพระผงรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ ที่นิยมเรียกกันว่าดอกบัวข้าง ๑๐ ดอก จำนวน ๑๐ รางวัล

๑ . พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแต่ "ความรู้เรื่องอริยสัจ ๔" หากแต่ยังทรงสอนเรื่อง "กิจต่ออริยสัจ ๔ แต่ละข้อ ๆ" อีกด้วย ถามว่ากิจหรือหน้าที่ของเราต่ออริยสัจข้อ ๒ (สมุทัย ได้แก่ ตัณหา หรือความอยากประเภทต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดเป็นโกรธ โลภ หลง) คืออะไรระหว่าง ก). กำหนด “รู้” ดูมันเฉย ๆ รอให้มันดับไปเอง   หรือ ข). รู้แล้วพิจารณาหาทาง “ละ” มันออกจากดวงใจ

๒. ใคร ๆ ก็รู้ว่าศีลนั้นดีทั้งแก่ตนเองและสังคม เพื่อน ๆ พอทราบไหมว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่าหากจะรักษาศีลให้ตลอดรอดฝั่ง ต้องใช้คุณธรรมอะไรมาช่วยหนุนให้ศีลของเราบริสุทธิ์

๓. นักปฏิบัติบางคนอาจได้รับคำแนะนำให้ทิ้งการงานและทิ้งครอบครัวไปปฏิบัติอยู่ที่วัด แต่ในเรื่องนี้ หลวงปู่ดู่ท่านให้แนวทางปฏิบัติสำหรับฆราวาสไว้อย่างไร

๔. คำว่า "มัชฌิมา" หรือ "ทางสายกลาง" ใคร ๆ ก็ว่ารู้ แถมพูดจนคล่องปาก บางทีมีทางสายกลางในวงเหล้าอีกต่างหาก เช่น เพื่อนคนหนึ่งดื่มได้ ๔ แก้ว อีกคนหนึ่งดื่มได้ ๒ แก้ว ทางสายกลางคือให้ดื่ม  ๓ แก้ว ??  เพื่อน ๆ ลองศึกษาและประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องมัชฌิมาที่ถูกต้อง โดยจำลองสถานการณ์ "การขับรถขึ้นเขาค้อ" เพื่อน ๆ ช่วยอธิบายสักหน่อยว่า "ขับรถขึ้นเขาค้ออย่างไรจึงจะเรียกว่าขับรถแบบมัชฌิมาฯ"

หมายเหตุ มัชฌิมาฯ ไม่ได้หมายความว่าเอาสองอย่างมาบวกกันแล้วหารสอง แต่มัชฌิมาต้องเป็นเรื่องของการดำเนินไปอย่างถูกต้องพอเหมาะพอดีที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย"

ลักษณะคำตอบ  แต่ละข้อต้องยาวไม่เกิน ๑ บรรทัด

ส่งคำตอบที่ :        pornsithu@gmail.com

หมดเขต  :         วันพุธที่ ๑๕ ก.พ. ๒๕๕๕

การตัดสิน :      จะให้รางวัลกับผู้ที่ตอบถูกต้องครบถ้วนที่สุดก่อน กรณีที่ตอบถูกต้องใกล้เคียงกัน จะให้รางวัลกับผู้ที่ส่งคำตอบมาก่อนตามลำดับ

กรอบการตอบ

๑. กิจต่ออริยสัจข้อ ๒ คือ ก (หรือ ข)

๒. คุณธรรมที่ช่วยให้ศีลของเราบริสุทธิ์คือ ..........

๓. คติธรรมของหลวงปู่ดู่ที่ให้มีดุลยภาพระหว่างการปฏิบัติธรรมและการใช้ชีวิตทางโลก คือ ..........................

๔. ตัวอย่างการขับรถขึ้นเขาแบบมัชฌิมาฯ คือ ........, ............ , .............  

เนื่องจากคำถามคำตอบข้อ ๑ ถึง ๓ นั้นค่อนข้างตายตัว ดังนั้น ลุงสิทธิ์จึงต้องเพิ่มคำถามข้อ ๔ ให้เป็นแบบอัตนัย เพื่อเป็นตัวช่วยตัวสินได้ง่ายขึ้น จึงอย่าแปลกใจที่จะงง ๆ สักหน่อย ถ้าอ่านหมายเหตุข้อ ๔ ให้ดีก็จะพอรู้คำตอบครับ

ถ้าตอบถูกเหมือนกัน ทีนี้ก็อยู่ที่ความเร็วล่ะว่าใครส่งมาก่อนก็มีโอกาสได้รางวัล ๑ ใน ๑๐ รางวัลที่คุณธุลีดิน (หนึ่งในผู้ที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่มากที่สุด) มอบให้

ต้องการของดี ก็ต้องยากหน่อยนะครับ

ลุงสิทธิ์ (ใจร้าย)

มีหิริโอตัปปะไว้

4-5 มานี้..ไม่ได้เข้าเวบ เนื่องด้วยเดินทางไปอีสานตอนเหนือ ขอนแก่น อุดร สกลนคร เพื่อกราบครูบาอาจารย์พระป่ากรรมฐานผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ..ได้พบปะพูดคุยสนทนาธรรมกับท่าน แม้เพียงเล็กน้อย ก็ให้รู้สึกสบายใจ..

ระหว่างทางคุณพี่สิทธิ์ได้โทร.มาสอบถามความเป็นมาเรื่องพระเครื่องหลวงปู่ดู่ท่าน ถึงแหล่งที่มา เนื่องจากทราบว่าทั้งอดีตและปัจจุบันมีคนบาป ทำปลอมแปลงเลียนแบบพระเครื่องหลวงปู่ขึนมากมายหลายฝีมือเหลือเกิน จึงเกรงว่าพระชุดนี้จะโดนเขาหลอกมาหรือไม่..พระที่นำมาแจกให้กับบุคคลอื่น โดยเฉพาะกับเพื่อนสมาชิกในเวบเรา ซึ่งก็มีแต่ผู้รักและศรัทธาหลวงปู่ท่านอย่างแท้จริงทั้งนั้น คณพี่สิทธิ์เองจึงจำเป็นต้องตรวจสอบถึงแหล่งที่มาให้ชัดเจน ด้วยต้องการให้เป็นพระเครื่องของหลวงปู่ดู่ท่าน อย่งแท้ๆ ชัวร์ๆ แน่นอน..

ที่สุดผมจึงจำเป็นต้องรับสารภาพว่า นอกจากด้านข้อธรรมคำสอนของหลวงปู่ฯท่านแล้ว อีกฝากหนึ่งในทางปกติโลก ผมเองกลับมีความสนใจในพระเครื่องของหลวงปู่ฯท่านมาก (แม้หลวงปู่ท่านจะสั่งไม่ให้ยึดติดก็ตาม)

ถามว่าจริงๆยึดติดหรือไม่ ?..ได้ใคร่ครวญพิจารณาจิตตนเองโดยละเอียดแล้ว พอจะตอบได้ว่า  "หาได้ยึดติดไม่" หากแต่ในทางโลก มนุษย์เราต่างมีความชอบ ความนิยม (กิเลส) แตกต่างไปในแต่ละบุคคล

บางคนชมชอบในเทคโนโลยี่ใหม่ๆ บางคนชมชอบธรรมชาติการเกษตร หากแต่ผมกลับชอบงานของเก่า ประวัติศาสตร์  การดูพระเครื่องเก๊/แท้ สำหรับผมจึงถือเป็นวิชาการอีกแขนงหนึ่งที่ผมสนใจศึกษาอย่างจริงจัง

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาคลุกคลี ก็ยังต้องพยายามคุมจิตไว้..ให้เพียงแต่ดูเพื่อศึกษาพิจารณาในแง่วิชาการเฉยๆ อย่าได้เอาจิตไปติดยึดจนเลยเถิด

การจะดูพระให้เป็น จำเป็นต้องเข้าไปศึกษาคลุกคลีอยู่ในวงการพระ หรือจะเรียกว่าวงการขายพระ หรือ วงการสายตรงพรเครื่องหลวงปู่ฯก็ได้ ซึ่งเมื่อเราเข้าไปคลุกคลีจะเห็นบุคคลหลายๆแบบ บ้างค้าขายเป็นพุทธพาณิชย์แต่เพียงอย่างเดียว หาได้สนใจซึ่งข้อธรรมคำสอนของหลวงปู่ท่านไม่   บ้างครึ่งๆกลางๆ   บ้างศรัทธาเต็มเปี่ยมหากแต่มองการค้าขายพระไปในอีกแง่มุมหนึ่ง เห็นว่าเป็นไปเพื่อการกระจายพระแท้ๆให้แก่บุคคลอื่นที่เขาดูไม่เป็น แต่เพียงมีความศรัทธาในองค์หลวงปู่ท่านอย่างเต็มเปี่ยม  เขาจึงจำเป็นต้องออกมาให้เช่าหาในราคายุติธรรม ไม่ต้มตุ๋น หลอกลวง เป็นต้น

สิ่งภายนอกเหล่านี้เราอย่าได้ให้ความสนใจ จิตใครจิตมัน เราเพียงแต่คลุกคลีเพื่อการศึกษา เพื่อข้อมูล รุ่นไหนดูอย่างไร เนื้อหาเป็นอย่างไร ตำหนิจุดพิมพ์อยู่ที่ตรงไหน ชุดนี้มีทำปลอมขึ้นมาหรือไม่ ใครเป็นคนทำปลอมขึ้นมา (ส่วนใหญ่ก็ชาวบ้านคนเก่าแก่อาศัยอยู่ระแวกวัด )ทำปลอมมาตั้งแต่ยุคใดสมัยใด พระปลอมที่ทำออกมามีลักษณะอย่างไร แตกต่างจากของจริงอย่างไร..เช่นนี้เป็นต้น

บทความนี้ได้ทำการขออนุญาติต่อคุณพี่สิทธิ์แล้ว ซึ่งในอันดับต่อไปจะได้เขียนถึงความรู้ในวงการพระเครื่องหลวงปูอยู่บ้าง แต่จะเขียนเพียงในเชิงวิชาการ ประวัติความเป็นมาเท่านั้น จุดสำคัญที่สุดก็คือ ให้เพียงแต่ "รู้ไว้..พอเป็นที่ประเทืองปัญญา"  ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมหาได้ยึดติดเพียงสิ่งเหล่าไม่

ไม่รับดูพระให้ใครโดยเด็ดขาด หากท่านใดมีพระหลวงปู่อยู่แล้ว และไม่แน่ใจว่าเก็/แท้ หรือไม่ จึงจำเป็นต้องไปสอบถามที่แหล่งผู้รู้ท่านอื่นเอาเอง ซึ่งปัจจุบันก็มีอยู่หลายเวบ เช่น ในเวบพลังจิต เป็นต้น..

มิได้ตั้งกระทู้ใหม่ จึงขออนุญาติสอดแทรกอยู่ในกระทู้ของคุณพี่สิทธิ์นี้ด้วยครับ..

ขอบพระคุณครับ  

พี่สิทธิครับ  ผมเคยคิดว่าตัวเองเรียนรู้เรื่องธรรมะมาพอสมควร

เคยแนะนำเพื่อนฝูงหลายคนไปบ้างเหมือนกัน

หลาย ๆ คน มันมองหน้าผมด้วยสายตาว่าผมคงเพี้ยนไปแล้ว

แต่ผมมาเจอเว็บนี้เข้าเลยเข้าใจได้ว่าความรู้ทางธรรมผมแค่หางอึ่งจริง ๆ

เลยไม่กล้าเข้ามาตอบหรือแสดงความคิดเห็นในกระทู้ต่าง ๆ (แต่แอบเปิดอ่านทุกวัน)

ผมกำลังหาคำตอบมาเผื่อจะโชคดีได้บูชาพระหลวงปู่  แต่ว่าพี่สิทธิครับผมไม่เคย

ไปเขาค้อจะหาคำตอบข้อสุดท้ายได้มั๊ยเนี่ย เฮ้อ

ลุงสิทธิ์ไปเฮ็ดอีหยังอยู่ไส ลุงสิทธิ์อยู่ไส หยังบ่มาตอบกระทู้เพิ่น?

เกรงว่าจะครบสิบคนก่อน คุณ Tanaibig อาจพลาดของรางวัล ...ก็เลยขอยุ่งนิดหน่อยค่ะ

ส่วนตัวคิดว่า ขับไปภูเขาอื่นๆก็ได้ค่ะ คุณลุงคงอยากทราบหลักการขับรถแบบทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ไปบนภู ที่มีทางคดโค้ง ที่ยกเขาค้อมาเป็นสมมุติค่ะ

ขอให้สำเร็จค่ะ

อันดับแรก.พระที่คุณพี่สิทธิ์นำมาเป็นของรางวัลสำหรับผู้ตอบปัญหาธรรมได้ถูกต้องในครั้งนี้..

เรียกว่า พระเนื้อผงรูปเหมือนหลวงปู่ พิมพ์ " สี่เหลี่ยมข้างบัว "

พระพิมพ์นี่ จริงๆเกิดขึ้นจากพระหล่อเนื้อโลหะผสม ที่เรียกว่า "พิมพ์สี่เหลี่ยมข้างบัว ปี 2522 "

ทุกครั้งที่ทางวัดหรือลูกศิษย์ลูกหาทำพระเนื้อโลหะพิมพ์ใด มาถวายหลวงปู่ท่านแล้ว มักมีการถอดพิมพ์นั้นๆ มาสร้างเป็นพระเนื้อผงภายหลัง เรียกว่า เป็นการถอดพิมพ์

พิมพ์นี้ก็เช่นกันสันนิษฐานว่า มีการถอดพิมพ์ และนำมาสร้างเป็นพระเนื้อผง ตั้งแต่ปี 2522 เป็นต้นมา

เป็นที่ทราบกันดีว่า พระเครื่องเนื้อผงหลวงปู่ดู่ฯท่าน มักมิได้จัดสร้างเป็นแบบในคราเดียว พิธีเดียว มีจำนวนการสร้างกี่องค์กี่องค์ ที่แน่นอนเหมือนในปัจจุบัน หากแต่เป็นไปในลักษณะทำไปเรื่อยๆ ทั้งองค์หลวงปู่ฯท่านกดพิมพ์พระเอง ทั้งลูกศิษย์ลูกหา ทั้งคนระแวกวัด ใครว่างๆ ใครอยากได้บุญสร้างพระ ก็มาช่วยๆกัน

ในวงการเล่นหา จึงแบ่งพระพิมพ์นี้เป็น 2 ยุค คือ ยุคตั้งแต่ปี 2522 - 2527

ด้านหลังองค์พระในยุคนี้ จะมีทั้งสองแบบ คือ แบบหลังเรียบธรรมดา กับหลังที่มีหมึกตราปั้มรูปกงจักร

มีคนถามกันเยอะว่า ตราหมึกปั้มหลังองค์พระผงในพระทุกรุ่นของหลวงปู่ฯ หมายถึงอะไร ?..

อธิบายง่ายๆ ก็คือ พระผงหากเป็นยุคทันหลวงปู่ฯท่านให้กะมือ ก็จะไม่มีตรายางปั้ม แต่หากมีตราปั้มก็หมายถึง หลวงปู่ท่านละสังขารแล้ว ทางวัดจึงนำพระที่เหลือตกค้างที่กุฏิหลวงปู่ท่านมาทำการปั้มตรายางไว้

เนื้อหาในพระยุคนี้ มักพบที่เป็นแบบเนื้อพระธรรมดา และแบบที่เรียกว่า "แช่น้ำชา " คือ หมายถึงเนื้อพระจะออกเหลืองๆ อันเกิดจากหลวงปู่ท่านจะนำพระไปแช่กับน้ำชาที่หลวงปู่ฯท่านชงดื่มและแจกให้กับญาติโยมที่ไปกราบท่านเป็นประจำ เนื้อที่ออกเหลืองอันเกิดจากการแช่น้ำชา ลูกศิษย์ลูกหามักอุปมาว่าเหมือนกับหลวงปู่ท่านแช่น้ำมนต์ จึงมีนักเล่นหาบางท่าน เรียกอีกชื่อหนึงว่า องค์พระแช่น้ำมนต์

สำหรับพระที่ทำการแจกในครั้งนี้ เป็นพิมพ์เดียวกัน ถอดพิมพ์มาเหมือนกัน แต่อาจมีลักษณะปลีกย่อยแตกต่างออกไปอีกเล็กน้อย เช่น ขอบข้างองค์พระจะเสริมให้ใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย พระจะมีขนาดหนาขึ้น เนื้อหาขาวๆ หรือที่เรียกว่า ขาวจั๊วะ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระในปีนี้ อันเกิดจากใช้ปูนขาวธรรมดาๆ ผสมผงพุทธคุณของหลวงปู่ท่านผสมกันเข้าไป (บางท่านเรียกภายหลังว่า ผงจักรพรรดิ์)

พระรุ่นนี้บางท่านเรียกว่ารุ่น "พระในโอ่ง" จัดสร้างในปี 2527 ผู้เป็นหัวแรงหลักในการสร้างพระรุ่นนี้ ก็คือ หลวงน้าสายหยุด กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงน้า รวมถึงป้าสะอิ้ง มาร่วมช่วยกันสร้าง มากดพิมพ์พระ จำนวนการสร้างไม่สามารถระบุได้แน่นอน บางท่านอ้างว่าเคยถามหลวงน้า ท่านก็ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด เนื่องจากเป็นการทำไปเรื่อยๆ ตลอดปี 2527 - 2528 แต่คาดว่าน่าจะมีจำนวนประมาณ 40,000 องค์ แต่บางท่านก็อ้างหลวงน้าอีกเช่นกันว่า น่าจะสร้างประมาณ 84,000 องค์

ที่นักเล่นหามาเรียกว่า "รุ่นในโอ่ง" เนื่องจาก พระที่ทำการสร้างทั้งหมด จะถูกบรรจุอยู่ที่โอ่งมังกรขนาดใบเคื่อง นับได้จำนวนประมาณ  7-8 โอ่ง แต่ละโอ่งจะโยงสายสิญไปที่กุฏิหลวงปู่ เพื่อให้หลวงปู่ฯท่านอธิษฐานจิตให้ทุกวัน

พระชุดนี้ถูกบรรจุอยู่ในโอ่งเก็บไว้ที่กุฏิหลวงน้าสายหยุด กุฏิหลวงลุงดำเดิม (ป้าช้าเก่า) ปัจจุบันเป็นกุฏิหลวงพี่ชาญชัย (ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์) นานประมาณ 10 กว่าปี จึงถูกทำการเปิดขึ้นมาประมาณ 2 โอ่ง เมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว

มูลเหตุการเปิดเนื่อง หลวงพี่ชาญชัยต้องการนำรายได้มาสร้างแพหน้าวัด ที่ซึ่งเป็นที่ให้อาหารปลาในปัจจุบัน จึงทำการขอต่อหลวงน้าสายหยุด ซึ่งท่านก็ได้อนุญาติ สมัยตอนเปิดโอ่งใหม่ๆมีประจักษ์พยานรู้เห็นหลายท่าน จำหน่ายหารายได้องค์หนึ่งโดยเฉลี่ย 200 บาทต่อองค์

จากการบันทึกพบว่ามีพิมพ์พระทั้งหมดประมาณ 20 กว่าพิมพ์ พิมพ์ที่พบมากที่สุดคือ พิมพ์สมเด็จแบบต่างๆ มีจำนวนมากที่สุด ส่วนที่พิมพ์ที่ได้รับความนิยมจากลูกศิษย์ลูกหา (นิยมเล่นในปัจจุบัน) มักเป็นพิมพ์ที่เป็นรูปองค์หลวงปู่ หรือ ที่เรียกว่า พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่ พบว่ามีจำนวนไม่มากเท่าไรนัก ที่พบมักถอดพิมพ์มาจากเหรียญหล่อสี่เหลี่ยมข้างบัว 2522 นี้ และที่ถอดพิมพ์มาจากเหรียญยันต์ดวง  2526

โอ่งที่เหลืออีกประมาณ 6 โอ่ง ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ทีวัดสะแก

พระชุดที่ทำการแจกนี้ เป็นชุดที่ได้จากวัด มิได้เกิดจากการเช่าหาที่ไหน จึงขอรับประกันความแท้ได้ทุกองค์ครับ

ขอจบเรื่องพระผงพิมพ์สี่เหลี่ยมข้างบัว ไว้แต่เพียงคร่าวๆ แค่นี้ครับ.. 

คุณธุลีดินเล่าเรื่องพระเครื่องได้ชัดเจนดีแท้ ไม่แพ้เซียนพระ
ที่เขียนตามหนังสือพระที่วางขายกันทีเดียว

อย่างนี้นักเลงพระ เลยมีธุระเพิ่ม
ต้องมาติดตามเว็บหลวงปู่อมยิ้มกันอีกสิ

มารายงานตัวแล้วครับ

มัวแต่ไปหาอยู่หากินทางไกล เลยไม่ได้เข้าเว็บ

ต้องขอขอบคุณคุณธุลีดิน ที่จะมาให้ความรู้เรื่องวัตถุมงคลหลวงปู่ โดยมีนโยบายที่สอดคล้องกับเว็บนี้ที่ให้เฉพาะความรู้ แต่จะไม่ให้คนมาเสียเวลากับการถามและตอบว่าวัตถุมงคลอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่

ตอนนี้มีคนส่งคำตอบมาร่วมสนุกแล้วจำนวนหลายสิบคน แต่โดยมากมักตอบข้อ ๒ ผิด (จริง ๆ ข้อนี้สามารถถามอีกอย่างหนึ่งว่า หากขาดธรรมะข้อไหนหนอ คนเราจะสามารถละเมิดศีล หรือก่อกรรมทำเข็ญได้)

ส่วนข้อ ๓ ก็ควรยกคำพูดหลวงปู่มาให้ครบสมบูรณ์ (คำพูดท่านไม่ยาว แถมชัดตรงมากว่านักปฏิบัติที่ยังเป็นฆราวาสนั้นต้องวางท่าทีอย่างไรเพื่อให้เจริญไปได้ทั้งทางโลกและทางธรรม)

เหลือเวลาอีก ๒ วันเท่านั้น รีบ ๆ ส่งคำตอบเข้ามา

หากมีผู้ตอบถูกหลายท่าน ก็อาจพิจารณาเพิ่มจำนวนรางวัลให้ตามเหมาะควรครับ

ศีลข้อที่๕ เกี่ยวกับสติหรือเปล่าคะ 

ถ้าไปเขาค้อ หรือที่ไหนๆ ไม่น่าจะใช้สายกลางแบบ ซ้าย+ขวา=ตรงกลางนะคะ ต้องมีวินัยขับตามกฎ ตามเครื่องหมาย ห้าม หรือให้ใช้ความเร็วเท่าไร และต้องเลือกข้างค่ะ(ถูกหริอผิด ดีหรือไม่ดี coffee,tea,or she ผิดอีกแล้ว) ซ้าย หรือขวา อย่าลืมเช็คทั้งเบรคของรถ และสติของคนขับ เขาค้อไม่ค่อยมีที่ราบ ในที่พักมักจะเดินรถทา'เดียว ป่าหิมพานต์ที่ลุงสิทธิ์ชอบติดถนนใหญ่

จะไปเมื่อไรเอ่ย  

คอฟฟี่พลีส

เป็นผู้โดยสารก็ไปทางสายกลางได้.. ด้วยคนค่ะ