luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้  (Read: 28176 times - Reply: 20 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
« Thread Started on 26/5/2555 6:39:00 IP : 124.121.181.50 »
 

ประมาณปี ๒๕๓๑-๒๕๓๒ ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการ หลวงปู่ดู่ที่ วัดสะแกจะพบว่ามีขันและพานที่ใช้ในพิธีรับขันธ์ ๕ วางเรียงต่อกันหลายแถวหลายชั้นจนท่วมศีรษะ

 

คนจำนวนไม่น้อยที่ "เข้าพิธีรับขันธ์ ๕".. นัยว่าเป็นการเปิดรับกายทิพย์ของหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ บ้างก็อ้างว่าเป็นดวงวิญญาณบุรพกษัตริย์ไทยในอดีต หรือเทพเจ้าชั้นผู้ใหญ่ เพื่อเข้ามาคุ้มครองป้องกันภัย หรือเสริมชีวิตให้เกิดความเป็นสิริมงคล แต่แท้จริงแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านให้ทัศนะไว้ว่า

 

"ของหลอกลวงทั้งนั้น จะมีก็แต่วิญญาณชั้นต่ำที่มาอาศัยกินเครื่องเซ่น"

 

หลวงปู่สอนมาโดยตลอดที่จะให้เราฝึกฝนอบรมจิตใจให้บริบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ แล้วด้วยเหตุใดคนเราจึงพากันยินดีปฏิบัติในทางตรงกันข้าม คือทำตัวเป็นคนพร่องสติสัมปชัญญะ โดยเชื้อเชิญให้สิ่งอื่นเข้ามาครอบงำกายใจของเราได้ !

 

หลวงปู่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยในแต่ละวัน ๆ กับการสงเคราะห์พวกที่เคยไปรับขันธ์แล้วเปลี่ยนใจ ต้องการเอาวิญญาณที่เรียกว่า องค์เทพ นั้นออกไป เพื่อคืนความเป็นไทแก่ตัว เพื่อให้ตัวเองสามารถควบคุมตนเองได้ดังเดิม มิใช่ อยู่ ๆ ก็จะร่ายรำหรือทำท่าแปลก ๆ พูดภาษาแปลก ๆ หรือมีอาการตัวสั่นงันงกออกมาโดยมิอาจต้านทานหรือยับยั้งตัวเองได้

 

นอกจากการแผ่เมตตาให้แก่ดวงวิญญาณที่มาสิงสู่ร่างเหล่านั้นออกไปแล้ว หลวงปู่ก็สอนให้รู้ว่าตัวผู้ (ป่วย) นั้นก็ต้องช่วยตัวเองด้วยการทำภาวนาเพิ่มสติสัมปชัญญะให้กับตัวเอง มิเช่นนั้นก็เหมือนประตูบ้านยังปิดไม่มิดชิด สิ่งแปลกปลอมก็อาจกลับเข้ามาใหม่ได้อีก

 

หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก เห็นกองขันที่เขาเอามาทิ้งไว้ที่วัดก็ให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทนหลวงปู่ แล้วไหนยังจะต้องไปรับมือกับบรรดาเจ้าสำนักที่สูญเสียผลประโยชน์อีก ที่อาฆาตแค้นหลวงปู่ที่ไปทำให้เขาเสียผลประโยชน์ จึงเจตนาทำคุณไสยหลวงปู่จากหลายที่หลายสำนัก บางครั้งหลวงปู่ก็ต้องพรมน้ำมนต์ไปโดยรอบกุฏิท่าน (เพื่อปัดเป่าคุณไสยที่ส่งมาจากสำนักทรงซึ่งมีรายได้จากการครอบขันธ์หรือรับขันธ์) พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า "เขาส่งของมา กะจะเอาเราให้ตาย"

 

บัดนี้ สิ้น หลวงปู่ดู่แล้ว และถึงแม้ว่าเราจะเชื่อมั่นว่าหลวงปู่ยังคงให้ความคุ้มครองดูแลศิษย์ทั้งหลายอยู่ แต่เราเองก็ต้องไม่ประมาท ต้องรีบเร่งสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นด้วยตนเอง เราไม่ควรคิดหรือมุ่งหวังที่จะพึ่งพาแต่วัตถุมงคลหลวงปู่ เพราะในช่วงที่เราขาดสติ แม้มีวัตถุมงคลใด ๆ ก็ตาม ของไม่ดีก็เข้ามาได้ง่าย ๆ  สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งคือศีลที่บริสุทธิ์ นั่นคือการปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของเราเองให้ดีงาม ทำสติสัมปชัญญะของเราให้บริบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วอาศัยการเจริญเมตตาเป็นเกราะปราการ สรุปคือการเจริญภาวนาให้ได้ตลอดทุก ๆ อิริยาบถ เพื่อให้ได้หลักประกันความปลอดภัยและปลอดทุกข์ ดังที่เรียกว่า ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
จำนวนข้อความทั้งหมด:  7
1
แสดงความคิดเห็น
พลอยสวย

Posts: 16 topics
Joined: 9/10/2554

ความคิดเห็นที่ 1  « on 27/5/2555 21:16:00 IP : 180.180.47.115 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 
หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก รูป ก็หนัก เวทนา ก็หนัก สัญญา ก็หนัก สังขาร ก็หนัก วิญญาณ ก็หนัก
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 2  « on 28/5/2555 7:59:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 
พลอยสวย Talk:
หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก รูป ก็หนัก เวทนา ก็หนัก สัญญา ก็หนัก สังขาร ก็หนัก วิญญาณ ก็หนัก


เป็นจริงเช่นนั้นครับคุณพลอยสวย แต่เวทนาขันธ์นี่เห็นได้ยาก โดยเฉพาะสุขเวทนา ใคร ๆ ก็ยินดีกับมัน ไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ต้องแบก

ด้วยความที่ใคร ๆ ก็ไม่รู้สึกว่าสุขเวทนาเป็นภาระที่ต้องแบก หลวงพ่อชาจึงกล่าวเตือนโดยอรรถว่า สุขทุกข์มีราคาเท่ากัน ...น่าคิด น่าคิด

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
DRAGON

Posts: 3 topics
Joined: 20/5/2554

ความคิดเห็นที่ 3  « on 27/5/2555 23:19:00 IP : 58.11.147.97 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 
สำหรับเรื่อง"ครอบครู" ไม่ทราบว่ามีนัยเหมือนหรือต่างกับเรื่อง"รับขันธ์"อย่างไรบ้างครับ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
เพียงดิน

Posts: 156 topics
Joined: 13/9/2553

ความคิดเห็นที่ 4  « on 28/5/2555 7:55:00 IP : 158.34.240.20 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 
สิทธิ์ Talk:
พลอยสวย Talk:
หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก รูป ก็หนัก เวทนา ก็หนัก สัญญา ก็หนัก สังขาร ก็หนัก วิญญาณ ก็หนัก


เป็นจริงเช่นนั้นครับคุณพลอยสวย แต่เวทนาขันธ์นี่เห็นได้ยาก โดยเฉพาะสุขเวทนา ใคร ๆ ก็ยินดีกับมัน ไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ต้องแบก

ด้วยความที่ใคร ๆ ก็ไม่รู้สึกว่าสุขเวทนาเป็นภาะที่ต้องแบก หลวงพ่อชาจึงกล่าวเตือนโดยอรรถว่า สุขทุกข์มีราคาเท่ากัน ...น่าคิด น่าคิด



 ...สุขทุกข์มีราคาเท่ากัน

   หมายถึงว่าทั้งสุขและทุกข์  ต่างก็เป็นของไม่เที่ยง รึเปล่าคะ?

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
เพียงดิน

Posts: 156 topics
Joined: 13/9/2553

ความคิดเห็นที่ 5  « on 28/5/2555 7:55:00 IP : 158.34.240.20 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 
สิทธิ์ Talk:
พลอยสวย Talk:
หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก รูป ก็หนัก เวทนา ก็หนัก สัญญา ก็หนัก สังขาร ก็หนัก วิญญาณ ก็หนัก


เป็นจริงเช่นนั้นครับคุณพลอยสวย แต่เวทนาขันธ์นี่เห็นได้ยาก โดยเฉพาะสุขเวทนา ใคร ๆ ก็ยินดีกับมัน ไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ต้องแบก

ด้วยความที่ใคร ๆ ก็ไม่รู้สึกว่าสุขเวทนาเป็นภาะที่ต้องแบก หลวงพ่อชาจึงกล่าวเตือนโดยอรรถว่า สุขทุกข์มีราคาเท่ากัน ...น่าคิด น่าคิด



 ...สุขทุกข์มีราคาเท่ากัน

   หมายถึงว่าทั้งสุขและทุกข์  ต่างก็เป็นของไม่เที่ยง รึเปล่าคะ?

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 6  « on 28/5/2555 8:15:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 

ใช่แล้วครับ ถ้าพิจารณาในแง่การเป็น "ของไม่เที่ยง" มันก็เสมอกัน เท่ากัน ในความเป็นของไม่เที่ยง ไม่อาจคงตัวอยู่อย่างนั้นตลอดไป เป็นของที่ใคร ๆ ไม่อาจบังคับบัญชาให้มันอยู่หรือสลายไปดั่งใจปรารถนาได้

สมัยเด็ก ๆ เคยนึกว่าถ้าเราได้นั่นได้นี่มาเราคงมีความสุขมากกกกก แต่พอได้มาไม่กี่วัน ความสุข (สุขเวทนา) มันก็จางไป ๆ

เอ้า ไม่ต้องได้ของก็ได้ นึกอยากดูหนังดูละคร ก็ดูมันไป ดูแค่สองรอบก็เบื่อแล้ว ไม่เอาแล้ว

นึกอยากหาความสุขจากการนอน ลองนอนไปจนสายจนเที่ยงสิ ดูอย่างคนป่วยในโรงพยาบาลที่ต้องนอนนาน ๆ เป็นอย่างไร ทั้งปวดทั้งเมื่อย ทั้งซึมเซาไม่สดชื่นแจ่มใส

ความหมายของคำว่า "ราคาเท่ากัน" ที่ละเอียดขึ้นมาก็หมายถึงภาวะที่จิตมันเสียสมดุล เดิมอยู่อย่างปรกติเหมือนน้ำนิ่ง ๆ แต่พอมีสุขเวทนาเกิดขึ้น แล้วจิตไปหลงยึด จนฟูใจขึ้นมา น้ำ (จิต) ก็กระเพื่อม พอเจอทุกขเวทนา ก็กระเพื่อมไปอีกทางหนึ่ง ไม่ว่าจะกระเพื่อมไปทางไหน ก็มีค่าเท่ากันในความที่ "จิตมันหลงโลกหรือหลงอารมณ์" หลงยินดี หลงยินร้าย จิตทิ้งฐานที่ตั้งที่มั่นคงไปเสวยและหลงอารมณ์ จะเรียกว่าตั้งอยู่ในความประมาทก็ไม่ผิด

ครูบาอาจารย์พูดติดตลกว่า เวลาใครเขาชมก็ให้ยิ้มแค่มุมปากเดียวนะ

ถามว่าทำไมต้องยิ้มมุมปากเดียว ท่านก็เฉลยว่า เวลาเขากลับมาพูด (ด่า) ว่า เราจะได้หุบยิ้มทันยังไงล่ะ เรื่องสรรเสริญหรือนินทานี่มันไม่เที่ยง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เราจึงควรเป็นตัวของตัวเอง รักษาใจเราให้เป็นปรกติ อย่าให้มันต้องขึ้น ๆ ลง ๆ ฟู ๆ ฟุบ ๆ สงสารใจเรา ยึดในสุข มันก็มาทุบให้ใจเรากระเพื่อม ยึดในทุกข์ มันก็มาทุบใจเราให้มันกระเพื่อม มันจึงมีราคาเสมอกัน

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 7  « on 29/5/2555 7:41:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: พิธีรับขันธ์ (๕) ...การหาผลประโยชน์จากผู้ไม่รู้
 


DRAGON Talk:
สำหรับเรื่อง"ครอบครู" ไม่ทราบว่ามีนัยเหมือนหรือต่างกับเรื่อง"รับขันธ์"อย่างไรบ้างครับ


ไม่ทันได้เห็นว่ามีคำถามค้างอยู่

จริง ๆ สมาชิกผู้มีความรอบรู้ทางด้านนี้ที่สามารถให้ความกระจ่างได้เป็นอย่างดีคือ "คุณรณธรรม"

แต่ผมให้ความเห็นในเบื้องต้นก่อนว่าต่างกันมากครับ

การครอบครู เป็นอุบายของคนโบราณในการสร้างฉันทะในการศึกษาศิลปวิทยาการ โดยให้ผู้ที่สมัครตัวเป็นศิษย์ที่จะศึกษาศิลปวิทยาแขนงใดก็ตาม น้อมเอา (บารมี) ครูบาอาจารย์แขนงนั้นมาประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ รวมทั้งยังมีอานิสงส์ทางอ้อมคือการสร้างสำนึกที่จะไม่ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาไปในทางที่ผิดศีลผิดธรรม อันจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ครูบาอาจารย์  แล้วการครอบครูก็มิได้เป็นการทรงเจ้าเข้าผีแต่อย่างใด ตัวผู้ถูกครอบครู (ตามอย่างพิธีโบราณ) ก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะเป็นปรกติ

ส่วนการรับขันธ์นั้น มิได้มีเจตนาในทางสร้างฉันทะเพื่อการศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาแต่อย่างใด เป็นเพียงเข้าใจว่าจะมีองค์เทพมาลงรักษา ทั้ง ๆ ที่ผลของมันเป็นการทำสติสัมปชัญญะของตนเองให้ขาด จึงมีอาการที่ควบคุมไม่ได้ เป็นต้นว่าร่ายรำ หรือพูดภาษาแปลก ๆ (ไม่ว่าจะเจตนาแอบแฝงหรือไม่ก็ตาม)

สรุปว่าต่างทั้งในแง่วัตถุประสงค์ และในแง่ผลกระทบต่อสติสัมปชัญญะของตัวเรา 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 3 Visits: 16,674,840 Today: 1,561 PageView/Month: 56,211