สำหรับผู้ที่ทันสมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิต จะทราบดีว่าหลวงปู่ไม่เคยจำหน่ายวัตถุมงคลเลย ท่านมีแต่แจกฟรี บางทียกมาเป็นถาด ๆ ให้เลือกเอาตามชอบใจ ท่านใช้วัตถุมงคลเป็นเครื่องเสริมกำลังใจลูกศิษย์ให้ฝึกฝนตนในทางศีล ภาวนา บางครั้งเมื่อรับองค์พระจากท่านไปแล้วก็ให้กำนั่งสมาธิต่อหน้าท่านเลยก็มี
ปฏิปทาของหลวงปู่ในการแจกวัตถุมงคลโดยไม่คิดมูลค่านั้น เป็นไปตามแบบอย่างครูบาอาจารย์ในอดีต ซึ่งในอดีตนั้น ชาวพุทธนิยมสร้างวัตถุมงคลแล้วฝังกรุไว้ตามวัดวา ด้วยเชื่อว่าเมื่อสิ้นพระพุทธศาสนาแล้ว กรุเหล่านี้ก็คงต้องถูกเปิดเผย (กรุแตก) ตามหลักอนิจจัง เข้าสักวันหนึ่ง เมื่อนั้น ก็จะได้ทราบว่า ณ ดินแดนแห่งนี้ พระพุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองมาแต่อดีต อันจะเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บ้าง แม้เหลือเพียงรูปสัญลักษณ์ก็ยังดี
ทีนี้ บางที อนิจจังมันก็รวดเร็วเกินคาด กรุพระดันมาแตกเสียตั้งแต่ยังไม่สิ้นพระศาสนา ผลก็คือ มีการนำพระกรุ (แตก) มาแจกจ่ายให้กับพระ เณร และฆราวาสญาติโยม ทีแรก ๆ ก็ไม่มีการคิดมูลค่าหรือราคาแต่อย่างใดเพราะความที่มีมาก พระกรุแตกในยุคแรก ๆ นั้น มีจำนวนมากมาย เล่ากันว่า มากถึงขนาดมีสามเณรไปหอบพระกรุแตกเพื่อนำไปขว้างเล่นตามแม่น้ำลำคลอง มาภายหลังที่มีผู้จดจำเรื่องราวได้ ก็ได้มีการขุดค้นในตอนฤดูกาลที่น้ำในลำคลองค่อนข้างแห้ง จนได้พบองค์พระที่ยังสมบูรณ์จำนวนหลายองค์ อย่างนี้ก็มี
ครั้น พระกรุแตกเหล่านี้มีจำนวนลดลง ไม่พอที่จะแจกจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยดังแต่ก่อน พระอุปัฌชาย์ (เจ้าอาวาสวัดที่เก็บรักษาพระกรุแตกเอาไว้) มักนำมามอบให้พระที่สิกขาลาเพศออกไป หรือไม่ก็มอบให้โยมลูกศิษย์ที่ต้องย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัยไปในที่ไกล ๆ ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาบุพการี ก่อนสิ้นใจ ก็มักนำวัตถุมงคลที่เก็บรักษาไว้ มามอบให้ลูกหลานเพื่อคุ้มครองรักษา เป็นดุจวัตถุล้ำค่าที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนเกิดเป็นค่านิยมหรือธรรมเนียมปฏิบัติสืบ ๆ กันมา โดยใช้วัตถุมงคลดังกล่าวเป็นกำลังใจว่ามีบารมีพระคุ้มครองรักษาผู้ที่บูชา อีกทั้งยังเป็นเครื่องช่วยกระหนาบผู้บูชาให้อยู่ในศีลในธรรม อันเป็นเงื่อนไขของการบูชาวัตถุมงคลเหล่านั้น
การที่พระเครื่องไม่ว่าจะมาจากกรุแตกหรือเป็นพระที่สร้างขึ้นใหม่ ถูกเรียกรวม ๆ ว่าเป็น “วัตถุมงคล” ก็เพราะเป็นสื่อเชื่อมโยงไปหา “ธรรม” หาความดีงาม ดังที่สอนต่อ ๆ กันมาว่า ผู้ที่บูชาวัตถุมงคล จะได้รับการปกปักษ์รักษาก็ต่อเมื่อไม่ไปประพฤติตนในทางเสื่อมเสีย มีการผิดศีล ๕ มิเช่นนั้น พระเครื่องจะไม่คุ้มครอง เป็นต้น
เมื่อวัตถุมงคลถูกใช้เป็นมรดกล้ำค่าจากครูอาจารย์สู่ศิษย์ จากปู่ย่าตายายสู่ลูกหลาน ดังนั้น วัตถุมงคลจึงกลายเป็นสื่อหรือเครื่องระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และอุปัฌชาย์อาจารย์ รวมทั้งบุพการี ปู่ย่าตายาย ไปพร้อมกัน อันนี้ ถือว่าเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพเหลือหลาย เพราะวัตถุชิ้นเล็ก ๆ สามารถใช้เป็นสื่อเชื่อมโยงไปยังบุคคลและสิ่งดีงามได้ตั้งมากมาย
หากพระเครื่องพระบูชามีแต่การเชื่อมโยงไปหา “เงิน” อย่างเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นมงคลที่ตรงไหน นอกจากจะเครื่องประกอบการหาอยู่หากินของบางหมู่บางคณะ บนศรัทธาของผู้ไม่รู้ บูชาแล้วก็ไม่ได้มีการโยงไปหาธรรมหรือหาการฝึกฝนอบรมตนให้มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแต่อย่างใดเลย
กลับมาเรื่องพระกรุแตก พระกรุแตกตามวัดวา เมื่อถูกแจกจ่ายจนมีปริมาณลดลง ๆ ทีนี้ก็ต้องมีการเลือกผู้รับมากขึ้น จึงมีพัฒนาการ (การแจกจ่ายวัตถุมงคล) ว่าผู้รับควรเป็นผู้ที่มีอุปการะกับทางวัดจากมากไปหาน้อย ซึ่งผู้มีอุปการะก็คือผู้ที่บริจาคให้วัดนั่นเอง การตั้งค่าตั้งราคาจึงค่อย ๆ เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมชัดเจน สุดท้ายเมื่อพระกรุหมด ไม่พอแจก ก็มีการสร้างขึ้นเพื่อการจำหน่ายโดยตรง นี้เป็นพัฒนาการจากของแจกฟรีที่โยงหาสิ่งดีงามมาเป็นวัตถุหรือสินค้าซื้อขายเพื่อการหาอยู่หากิน พระอยากได้ลาภสักการะจากโยมก็มุ่งผลิตมาจำหน่ายผ่านการโฆษณาว่าบูชาแล้วรวย ๆ ๆ ๆ แทนที่พระจะทำให้โยมห่างจากวัตถุนิยมมาหาคุณค่าชีวิตของความพอเพียง พระกลับเสริมความหลงให้โยม ทำโลกที่ร้อนด้วยโกรธ โลภ หลง อยู่แล้ว ให้ร้อนยิ่งขึ้นไปอีก คนที่ตกเป็นเหยื่อก็ต้องจองพระ ชำระเงินกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ต่างคนต่างเอาวัตถุมาอวดข่มกันไปมา วนเวียนอยู่อย่างนี้ วัตถุมงคลหรือพระเครื่องก็กลายเป็นสินค้าโดยสมบูรณ์เพราะมีการตีค่าตีราคา พร้อมกับมีการวางกลยุทธ์การตลาด ขยายช่องทางการจำหน่าย มีโปรโมชันให้ตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งการหาผู้สนับสนุนหรือผู้ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ พอผลิตภัณฑ์อันหนึ่งดับไป ก็สรรสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา บรรดานักบริโภคนิยมก็ตกเป็นเหยื่อหมดเงินหมดทอง พร้อมกับการถูกมอมเมาในเรื่องปาฏิหาริย์และปุญญาภิสังขาร (คือหลงบุญ หลงสวรรค์ หลงทิพยสมบัติ ที่เขานำมาหลอกล่อ)
เป็นการยากยิ่งที่จะหาพระภิกษุที่จะรักษาปฏิปทาตามอย่างโบราณาจารย์เฉกเช่นหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ที่ไม่เคยดึงวัตถุมงคลลงมาเป็นสินค้า ตรงกันข้าม กลับเน้นย้ำความเป็นวัตถุมงคลด้วยการเชื่อมโยงไปหาธรรม โยงไปหาการปฏิบัติภาวนาเพื่อการเข้าถึงพระเก่าพระแท้ ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุด เพราะช่วยให้พบสมณะภายใน ได้ชำระใจเจ้าของให้ใกล้ “จิตเกษม” ตามกำลังศรัทธา ความเพียร และปัญญา
พรรณนามาก็ด้วยหวังว่าสมาชิกในบ้านหลวงปู่อมยิ้ม รวมทั้งผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคณะที่แสวงหาผลประโยชน์โดยการสร้างกระแสอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ผนวกกับการเชื่อมโยงให้เข้าใจผิด ๆ ว่าเป็นปฏิปทาหรือคำสอนของหลวงปู่ดู่ ซึ่งถือเป็นความไม่เคารพและไม่ซื่อตรงต่อองค์หลวงปู่อย่างยิ่ง |