ตอบคำถามคุณ Kryptonite ว่า
๑. เพื่อให้เข้าใจชัดก็ขออธิบายตามขั้นตอนที่ทำกันในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต ดังนี้ครับ
๑.๑ เวลาจะเลิกสมาธิภาวนา (ตามเวลาที่กำหนด) ท่านจะให้อาราธนาบารมีพระเข้าตัว ด้วยบท "สัพเพ พุทธาฯ"
๑.๒ จากนั้นก็ตามด้วยบทอธิษฐานแผ่เมตตาว่า "พุทธัง อนันตังฯ" โดยในระหว่างที่ว่าบท "พุทธัง อนันตังฯ" ก็ให้แผ่เมตตาโดยมีให้เลือก ๒ แบบ คือ
๑.๒.๑ แผ่เมตตาแบบไม่ต้องมีคำสวดหรือคำพูด คือขณะที่ว่าบท "พุทธัง อนันตังฯ" นั้น ก็ให้ตั้งเจตนาหรือนึกเป็นภาพบุคคลหรือสัตว์ที่เราต้องการจะแผ่เมตตา/อุทิศส่วนบุญให้
๑.๒.๒ แผ่เมตตาแบบใช้คำพูดประกอบ เช่น ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่ยังมีทุกข์จงพ้นทุกข์ ส่วนสัตว์ทั้งหลายที่มีความสุขอยู่แล้ว ก็ขอให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เมื่อกล่าวดังนี้แล้วก็่ค่อยว่า "พุทธัง อนันตังฯ" พร้อมๆ กับน้อมกระแสจิตแผ่ (เมตตา) ออกไป
ดังที่เคยกล่าวไว้บ้างแล้วว่าเนื้อหาของบท "พุทธัง อนันตังฯ" นั้น เป็นแต่การอ้างเอาคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ รวมทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้า มาเป็นทุนในการที่จะน้อมจิตอุทิศบุญหรือแผ่เมตตาออกไป
คำตอบสำหรับข้อ ๑ เป็นเรื่องที่เป็นไปตามแบบที่บัญญัติไว้เดิม จึงไม่มีประเด็นต้องสงสัย ส่วนว่าต่อมาภายหลังจะมีการบัญญัติให้แตกต่างจากเดิมอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ...ที่ตอบไปนั้นก็ตอบไปตามที่บัญญัติไว้เดิมสมัยหลวงปู่มีชีวิตครับ
๒. สำหรับคำถามที่ว่าการแผ่เมตตากับการอุทิศบุญต่างกันอย่างไรนั้น อยากจะฟังความเห็นจาก Kryptonite เอง และเพื่อน ๆ สมาชิกท่านอื่นด้วย
โดยความเห็นส่วนตัว หากจะเทียบความหมายอย่างหยาบ ๆ ก็ว่าไม่แตกต่างกัน สามารถใช้แทนกันได้ แต่ถ้าจะเอากันละเอียด ก็ว่าการแผ่เมตตาเป็นคำที่กว้างกว่าการอุทิศส่วนกุศล เพราะการแผ่เมตตาเป็นกรรมฐานกองหนึ่งที่ทำได้ตลอดเวลา ไม่จำเพาะไปบำเพ็ญบุญ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐) มาแล้วค่อยอุทิศส่วนบุญนั้นออกไป
ท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไรก็เรียนเชิญนะครับ |