luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   หลวงปู่ไม่ใช่พระตามใจ  (Read: 7169 times - Reply: 7 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

หลวงปู่ไม่ใช่พระตามใจ
« Thread Started on 7/12/2556 12:55:00 IP : 171.101.183.219 »
 

การไปหาครูบาอาจารย์ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ต้องถามตัวเองว่าเราจะไปหาท่านทำไม เราจะไปเพียงหาเนื้อนาบุญสำหรับการทำบุญของเรา หรือเราจะไปหาพระที่ใจดี ไม่ดุด่าว่ากล่าว ตามใจเราทุกอย่าง เพื่อความสบายใจของเราเพียงเท่านั้น หรือเราจะไปหาครูบาอาจารย์เพื่อให้ท่านช่วยพัฒนาและขัดเกลาเรา

สำหรับหลวงปู่แล้ว ท่านไม่เพียงเป็นพระที่จะให้อุบายและกำลังใจในการปฏิบัติธรรมเท่านั้น หากแต่ท่านยังพร้อมจะติติง ชี้แนะ อบรมสั่งสอน เพราะท่านไม่ใช่พระตามใจศิษย์ ท่านไม่ได้มุ่งหวังที่จะมีศิษย์มาก ๆ หากแต่มุ่งหวังที่ประโยชน์ในทางพัฒนาตนของศิษย์ที่มาอาศัยท่านเป็นสำคัญ ดังนั้น หากศิษย์ทำไม่ถูกต้อง  หรือไม่เหมาะควร ท่านก็จะติติง ชี้แนะ อบรมสั่งสอน เช่น

- ท่านจะติติง หากเราปฏิบัติธรรมอย่างไม่รู้กาลเทศะ  จนกลายเป็นต้นบาปของผู้พบเห็นหรือคนใกล้ชิด 

ท่านจะติติงรุนแรง หากเราประพฤติผิดศีล เช่น กรณีที่ท่านไล่มัคทายกออกจากวัดเพราะเหตุที่ขโมยทรัพย์สินของคนที่มาทำบุญที่วัด

- ท่านจะติติง หากท่านเห็นพวกเราพูดคุยขณะรับประทานอาหาร 

ท่านจะติติง หากเราเที่ยวหากราบครูบาอาจารย์จนเป็นการสร้างนิสัยจับจด ไม่เอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติธรรมแบบใดแบบหนึ่งจนเห็นผลเสียก่อน

- ท่านจะติติง หากเราใช้ชีวิตที่ไม่สันโดษ หรือฟุ้งเฟ้อ ปรุงแต่งเกินควร โดยท่านจะทำตนเป็นแบบอย่างของการเป็นอยู่อย่างสันโดษ ประหยัด ไม่นิยมความฟุ้งเฟ้อ

- ท่านจะติติง หากพวกเราเที่ยวพูดเล่าในเชิงอวดผลการปฏิบัติ หรือการรู้การเห็นภายในให้คนอื่นฟัง

- ท่านจะติงติง หากเห็นเรามีกิริยามารยาทไม่เรียบร้อย ไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร หรือแม้แต่กิริยามารยาทจะเรียบร้อยแต่หากไม่ถูกกาลเทศะ ท่านก็จะติติงเช่นกัน  เช่น กรณีเข้าแถว ทยอยประเคนภัตตาหาร บางคนเมื่อประเคนอาหารแล้วก็บรรจงกราบท่านช้า ๆ ๓ ครั้ง โดยมิได้ตระหนักถึงผู้คนที่เข้าคิวรอถวายภัตตาหารอยู่เบื้องหลัง บางทีจะเห็นท่านติติง มิให้ชักช้าเสียเวลา (ที่ควร คือ ยังไม่ต้องกราบตอนนั้น หากจะกราบก็ให้รีบประเคนอาหาร แล้วถอยออกมากราบข้างนอก เพื่อมิให้คนที่อยู่ข้างหลังต้องมาเสียเวลาคอยเรากราบให้เสร็จ)

ท่านจะติติง หากเราเพ่งโทษผู้อื่น ยิ่งกว่าเพ่งโทษตนเอง 

ท่านจะติติง หากใครถือตัวเก่งเกินครูบาอาจารย์หรือพระพุทธเจ้า

- ท่านจะติติง หากใครเอาแต่สวดมนต์จนละเลยการทำสมาธิภาวนา ดังที่ท่านพูดว่า "สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน"

- ท่านจะติติงหากใครเอารูปพระ หรือวัตถุมงคลไปขายกิน

- ท่านจะติติง หากเห็นศิษย์เที่ยวเสียทรัพย์สะสมวัตถุมงคล ดังที่ท่านว่า “พระของข้า องค์เดียวก็พอแล้ว ทำให้มันจริง”

- ท่านจะติติง ใคร ๆ ที่ไม่ระมัดระวังเรื่อง “ของสงฆ์”

- สุดท้าย ท่านจะติติงพวกเราที่ยังตั้งตัวอยู่ด้วยความประมาท ลืมแก่ ลืมเจ็บ ลืมตาย เพราะท่านย้ำเสมอว่า “เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ให้รีบพากันปฏิบัติ”  

การที่หลวงปู่ไม่ลังเลที่จะติติงแม้อาจจะขัดใจศิษย์ ก็เพราะท่านมิใช่พระที่จะคอยตามใจศิษย์ และท่านก็มิใช่พระที่มุ่งหวังศิษย์มาก ๆ หรือเรียกร้องความรักนับถือจากศิษย์ หากแต่ท่านมุ่งหวังให้เราได้รับการขัดเกลา ได้รับการพัฒนาอันเป็นสาระสำคัญของการเกิดมาชาติหนึ่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขัดเกลาทางกาย ทางวาจา และทางจิตใจ  หากศิษย์ประพฤติผิดศีลผิดธรรม หรือแม้เพียงไม่เรียบร้อยดีงาม ประกอบกับท่านพิจารณาว่าศิษย์ผู้นั้นมีทิฏฐิมานะเบาบางพอที่จะรับการชี้แนะ ท่านก็จะเมตตาอบรมสั่งสอน

บางคนอาจเข้าใจว่าการที่ได้อยู่กับครูบาอาจารย์ที่ท่านใจดี ไม่ดุไม่ด่าไม่ว่ากล่าวใด ๆ หรือตามใจศิษย์ทุกอย่างจะเป็นความโชคดี และเป็นความอบอุ่นใจ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือการเสียโอกาสของการขัดเกลาและพัฒนาตนเองอย่างยิ่ง เป็นการฆ่ากันในทางธรรมทีเดียว เพราะปราศจากการฝึกตนแล้ว ชีวิตที่เกิดมาชาติหนึ่งก็ย่อมไม้พ้นคำว่า โมฆบุรุษ หรือ โมฆสตรี 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 6 Visits: 16,666,130 Today: 61 PageView/Month: 47,417