"ข้ามาแล้ว... ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะอยู่ใกล้ๆแก..."
ครั้งหนึ่งในชีวิตของผมที่มันเหมือนเป็นความฝันหรือมันอาจเป็นความจริงมันเกิดขึ้นจากคำพูดข้างต้นนี้...
ผมยังจำภาพบรรยากาศในวันที่ผมไปกราบลาบวชกับหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ที่กุฏิท่านและกราบลาหลวงน้าสายหยุดได้เป็นอย่างดี แม้ว่าระยะเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเกือบสิบปี
ในวันนั้นหลังจากนำพวงมาลัยไปกราบสักการะหลวงปู่เสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินต่อไปที่กุฏิหลวงน้าสายหยุดเพื่อที่จะกราบลาท่านบวช กราบสักการะท่าน นั่งสนทนากับหลวงน้าสักพักท่านก็ลุกเดินเข้าไปในห้องของท่านและเดินกลับออกมาพร้อมถือผ้าไตรมาหนึ่งชุด ท่านมานั่งที่เดิมพร้อมกับยื่นผ้าไตรชุดนั้นมาให้ผมพร้อมกับพูดว่า
"หลวงปู่ให้มอบให้แก แล้วก็ในวันบวชหลวงปู่จะไปเป็นอุปัชฌาย์ให้ หลังจากบวชเสร็จแล้ว ให้หาเวลามาขอนิสัยกับหุ่นขี้ผึ้งของท่านที่วัดสะแกนี่"
(ขอนิสัยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพระบวชใหม่ ทำนองว่าฝากตัวเป็นลูกต่อพระอุปัชฌาย์เพื่อให้ท่านคอยดูแล)
ผมฟังด้วยความตื้นตันและปลื้มปีติในความเมตตาของหลวงปู่เป็นอย่างมาก หลวงปู่มอบผ้าไตรให้ หลวงปู่จะเมตตาไปเป็นองค์อุปัชฌาย์ อีกทั้งในวันนั้นหลวงน้าสายหยุดยังเมตตาให้ฤกษ์สึกผมอีกด้วย แต่ในความปลื้มปีติผมก็ยังแอบเป็นกังวลใจเพราะผมไปบวชที่วัดป่าวิเวกธรรม(เหล่างา) จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านมีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก ซึ่งการที่พระบวชใหม่จะกราบเรียนขออนุญาตท่านเดินทางมาอยุธยาเพื่อมาขอนิสัย คงเป็นไปได้ยากมาก ผมจึงกราบเรียนข้อกังวลนี้ให้หลวงน้าสายหยุดทราบ แต่หลวงน้าท่านก็ยังยืนยัน "แกมาได้"
ในวันบวช.....ผมจัดพิธีบวชแบบง่ายๆคือข้าวหม้อแกงหม้อ ตอนพิธีเดินวนรอบโบสถ์สามรอบก็ไม่มีปี่กลองมโหรีใดๆจำได้ว่าตอนเดินรอบโบสถ์นั้นบรรยากาศมันเงียบมากกกกก ในขณะที่เดินรอบโบสถ์รอบแรกผมพลันนึกถึงคำพูดของหลวงน้าสายหยุด"หลวงปู่จะมาเป็นอุปัชฌาย์ให้แก" ใจขณะนั้นก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้แบบไหน หลวงปู่ท่านก็ละสังขารไปนานแล้ว ท่านจะมาจริงหรือเปล่า แบบไหน ยังไง อุปัชฌาย์องค์จริงท่านก็นั่งรออยู่ในโบสถ์แล้ว
และแล้ว...ผมจำภาพเหตุการณ์ในทุกช่วงวินาทีที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ได้ดี อย่างที่บอกมันเหมือนภาพฝันแต่อาจเป็นความจริง...
ผมกำลังจะเดินวนรอบโบสถ์จะเข้ารอบที่สอง ช่วงนั้นกำลังจะเดินไปถึงช่วงข้างหลังโบสถ์ ผมได้ยินเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเสียงซึ่งดังและชัดเจนมาก แต่การได้ยินของผมนั้นผมมั่นใจแน่ๆว่า ผมไม่ได้ยินด้วยประสาทสัมผัสทางหู แต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าประสาทสัมผัสที่ทำหน้าที่รับรู้เสียงในวันนั้นคืออวัยวะส่วนใด หรือนี่เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์บอกว่า"ได้ยินด้วยจิต"ผมก็ไม่อาจทราบได้
"ข้ามาแล้ว ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะอยู่ใกล้ๆแก..."
น้ำตาผมใหลออกมาไม่ขาดสายด้วยความตื้นตันและปีติใจเป็นที่สุด ตื้นตันในความเมตตาของหลวงปู่ หรือนี่จะเป็นการยืนยันในอมตะวาจาของท่าน
"แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็ยังคิดถึงแก"
หลังจากบวชเสร็จแล้วเรื่องเดินทางไปขอนิสัยกับหลวงปู่ที่วัดสะแกผมก็ไปได้สะดวกอย่างที่หลวงน้าสายหยุดพูดไว้จริงๆ เพราะหลังจากบวชเสร็จไม่กี่วันหลวงปู่บุญเพ็งเดินทางไปกิจนิมนต์ที่กรุงเทพฯประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผมจึงกราบเรียน ชวนพระพี่เลี้ยงของผมเดินทางมาอยุธยาได้อย่างง่ายดาย ได้นำธูปเทียนแพมาขอนิสัยต่อหน้าองค์หุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ และยังได้เล่าเรื่องเสียงของหลวงปู่ที่ผมได้ยินให้หลวงน้าสายหยุดฟัง หลวงน้ายังยิ้มด้วยความเมตตาแล้วบอกว่า ดี ดี ...
เรื่องราวที่ผมเล่าอาจจะออกแนวปาฏิหาริย์ก็ขอให้เพื่อนๆพี่ๆ หรือผู้อ่านทุกท่านได้โปรดใช้วิจารณญาณ แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวที่ศิษย์คนหนึ่งขออนุญาตบันทึกไว้ บันทึกไว้ในความทรงจำ บันทึกไว้ในหัวใจ เพื่อกราบแทบเท้าในความเมตตาของครูบาอาจารย์
กราบแทบเท้าหลวงปู่
กราบแทบเท้าหลวงน้าสายหยุด ด้วยความเคารพรักยิ่ง...
|