หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน
คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป
(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)
|
|
Started by |
|
|
Topic: ข้าวก้นบาตร (Read: 19876 times - Reply: 8 comments) |
|
|
|
สิทธิ์ |
Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552
|
|
ข้าวก้นบาตร
|
« Thread Started on 2/1/2553 23:41:00 IP : 124.121.126.115 » |
|
|
|
คำว่าข้าวก้นบาตรนี้ หากเป็นลูกศิษย์พระกรรมฐานโดยทั่วไปย่อมรู้จักดี และมักมีความปรารถนาที่จะได้รับส่วนแบ่งมารับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือบ้างก็อาจจะอธิษฐานให้หายจากโรค
แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้จัก หรือผู้ที่ยังไม่มีศรัทธาในครูอาจารย์มากพอ ก็อาจนึกรังเกียจ เพราะข้าวก้นบาตรนั้นมักผสมกันมาจนแยกแยะกับข้าวกับปลาไม่ค่อยออก จึงไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย
ทำไมจึงว่าข้าวก้นบาตรนั้นเป็นของมงคล เหตุผลก็คือข้าวก้นบาตรนั้นได้ผ่านกระบวนการพิจารณาของครูบาอาจารย์ก่อนฉัน รวมทั้งมีการคลุกเคล้ากับข้าวทั้งหมดเพื่อการฝึกมิให้ติดในรสชาติของอาหาร โดยพระพุทธองค์ได้ทรงให้แนวทางการพิจารณาอาหารก่อนฉันว่า จะไม่ฉันเพราะเห็นแก่ความเอร็ดอร่อย เพลิดเพลิน สนุกสนาน เมามัน หรือเพื่อความงดงามของกายนี้ หากแต่ฉันเพียงเพื่อจะยังอัตภาพร่างกายนี้ให้พอเป็นไปเพื่อการประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น ดังนั้น อาหารนั้นจึงมีความบริสุทธ์ในแง่ธรรมะอย่างยิ่ง
หลวงปู่ดู่ก็มีปฏิปทาตามแบบอย่างที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ โดยหลวงปู่จะตักเอากับข้าวจากปิ่นโตหรือถ้วยชามที่วางไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย (เพื่อฉลองศรัทธาญาติโยมอย่างทั่วถึง) มารวมกับข้าวที่อยู่ในกาละมัง จากนั้นท่านก็จะเอาช้อนกวนข้าวและกับข้าวจนทั่ว ซึ่งหากเป็นเราท่านทั้งหลาย ก็คงพยายามแยกกับข้าวต่าง ๆ อย่างเป็นสัดเป็นส่วนให้มากที่สุด เรียกว่าจะหลีกเลี่ยงมิให้มีการคลุกเคล้ากันให้ได้มากที่สุดครั้งหนึ่ง มีหญิงสาวชาวบ้านที่เอาอาหารมาใส่บาตรหลวงปู่ ด้วยความกลัวจะได้รับส่วนแบ่งอาหารก้นบาตร (ที่ใคร ๆ ปรารถนากัน แต่เธอยังรู้สึกรังเกียจข้าวก้นบาตรอยู่) จึงไปนั่งหลบมุมอยู่ในที่ไกลออกไป แต่ในระหว่างที่ข้าวก้นบาตรหลวงปู่ถูกส่งต่อกันมา ยังไม่ทันที่ข้าวก้นบาตรจะมาถึงเธอ เธอก็นึกในใจว่า “ไม่เอา หนูไม่ต้องการ” ทันใดนั้น หลวงปู่ก็หันควับไปกระทบกับสายตาเธอพอดี เธอรู้สึกเขินอายว่าอะไร ๆ ก็ไม่สามารถปกปิดหลวงปู่ได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
ต่อมาภายหลังเมื่อหลวงปู่ละสังขารไปแล้ว เธอก็ได้แต่นึกเสียดายที่พลาดโอกาสที่ไม่อาจเรียกคืนมาได้ ในขณะที่ลูกศิษย์ทุกคนในสมัยนั้นไม่พลาดที่จะฉกฉวยโอกาสอันดีเช่นนั้นไว้
นี้แหละ พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราเลือกทำในสิ่งที่เมื่อหวนระลึกถึงแล้วจะไม่นึกเสียใจในภายหน้า |
|
|
|
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ข้าวก้นบาตร
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ » คลิ๊กที่นี่ |
|
|