ปฏิบัติการตามล่าหาอาจารย์ผู้สามารถบอกหนทางลัดตรงในการปฏิบัติเพื่อให้ได้บรรลุมรรคผลโดยรวดเร็วสมความอยากของตน รวมทั้งต้องเป็นหนทางที่ง่าย ๆ สบาย ๆ นั้น ยังคงมีให้เห็นทุกยุคทุกสมัย เพราะถูกใจตลาด แต่ต้องมาพลาดกันเพราะมันไม่ได้จริง จึงทำให้เสียโอกาสอย่างมากเพราะหมดเวลาไปกับของปลอมที่มีการแจกมรรคผลนิพพานให้ลูกศิษย์
แม้ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่ก็มีทำนองนี้ให้เห็น บางสำนักแต่งตั้งลูกศิษย์คนนั้นคนนี้ให้เป็นโสดาฯ สกิทาฯ สุดท้ายโสดาฯ สกิทาฯ เหล่านั้นก็ทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งศิษย์ใกล้ชิดของอาจารย์ตน คนที่มองจากภายนอกก็ให้รู้สึกสังเวชใจ
คำสอนที่มีค่ามากอันหนึ่งของหลวงปู่ที่ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อใช้เตือนใจบรรดาศิษย์ที่ย่อหย่อนต่อการปฏิบัติ แต่ว่าอยากเห็นผลการปฏิบัติชนิดค้ากำไรเกินควร ก็คือคำพูดเตือนสติลูกศิษย์ที่ว่า
" การปฏิบัติให้รู้ธรรมเห็นธรรม ต้องทำจริง ข้าเป็นคนมีทิฏฐิแรง เรียนจากครูอาจารย์นี้ยังไม่ได้ผล ก็จะต้องเอาให้จริงให้รู้ ยังไม่ไปเรียนกับอาจารย์อื่น ...ถ้าเกิดไปเรียนกับอาจารย์อื่นโดยยังไม่ทำให้จริงให้รู้ ก็เหมือนดูถูกดูหมิ่นครูอาจารย์"
รวมทั้งคำพูดเตือนบรรดาศิษย์ผู้ที่หากรู้ข่าวว่ามีอาจารย์เก่งที่ไหนเป็นต้องไปหา คล้าย ๆ จะพยายามตามหาผู้วิเศษหรือเทพเจ้าผู้สามารถดลบันดาลความสำเร็จให้แก่ตนได้ยังไงยังงั้น โดยหลวงปู่จะพูดให้สติเพื่อเบรคเรา ว่า
"ครูอาจารย์ดี ๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญที่ตัวแกต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มาก นั่นแหละจึงจะดี"
สุดท้าย หากเป็นผู้รู้จักพิจารณาตน ก็จะเรียนรู้และตระหนักว่า การปฏิบัติธรรมนั้นย่อมต้องมีขั้นมีตอน กล่าวคือไม่อาจจะลัดเอาได้ (อย่างที่กิเลสมันบอก)
ดูอย่างครูบาอาจารย์สิ ท่านปฏิบัติชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน บางองค์สำเร็จ แต่หลาย ๆ องค์ก็ตายในป่าเขา แล้วความเพียรที่แสนจะย่อหย่อนอย่างเราหละ จะคู่ควรแก่มรรคผลนิพพานไหม
เรา "ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม" ไหม
หากมีทางลัดสั้น ได้มรรคได้ผลโดยไม่ต้องใช้ความเพียรต่อสู้กับกิเลส ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สอน พระองค์ขาดเมตตาหรือ หรือว่าพระองค์มีปัญญาน้อยกว่าครูอาจารย์ปัจจุบันผู้ประกาศทางลัดตรง
คำสอนเตือนของหลวงปู่ แม้จะกล่าวไว้กว่า ๒๐ ปี แล้ว ก็ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งมิใช่เพียงปัจจุบัน หากแต่แม้ในอนาคตอันยาวไกล ก็คงมีผู้ตามล่าหาอาจารย์ผู้วิเศษ ผู้ที่เก่งเกินพระพุทธเจ้า อยู่ตลอดทุกยุคทุกสมัย ผู้ปฏิบัติต่างก็จะพากันละเลยธรรมขั้นพื้นฐานที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นศีลหรือสมาธิ ดังที่หลวงปู่กล่าวว่า "เบื้องต้นก็จะขึ้นยอดตาล มีหวังตกลงมาแข้งขาหัก หรือตายเท่านั้น"
หลวงปู่ยังเคยเตือนอีกว่า "ผลทุกอย่างย่อมสมควรแก่เหตุ ปฏิบัติจริง ๆ ก็ได้จริง ๆ ปฏิบัติเล่น ๆ ก็ได้เล่น ๆ"
และถึงแม้จะไปเจอครูอาจารย์ที่เป็นของจริงของแท้ก็ตาม การตามล่าหาอาจารย์ เฝ้าใกล้ชิดท่านทั้งเช้าทั้งเย็นโดยละเลยการปฏิบัติขัดเกลาตนเอง ก็เรียกว่า "ชมสมบัติเศรษฐี" แต่ผู้เฝ้าชมนั้นก็ยังคงเป็นคนจนอยู่ร่ำไป
จะมีประโยชน์อันใดที่จะให้อายุขัยหมดไปเปล่า ๆ โดยไม่พยายามฝึกตนเพื่อให้ได้ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" |