เมื่อพูดถึง "พระกำนั่ง" หากเป็นลูกศิษย์ที่เคยปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่ก็จะไม่นึกแปลกใจอะไร เพราะได้ยินได้ฟังจนคุ้นหู แต่ถ้าเป็นคนอื่นก็มักต้องขอให้พูดซ้ำอีกครั้งว่าคืออะไร
พระกำนั่งนี้ หากพูดเต็ม ๆ ก็อาจพูดว่า "พระสำหรับกำนั่งสมาธิ" หรือ "สมเด็จฯ กำนั่ง" ก็เรียก เพราะพระที่หลวงปู่สร้างไว้สำหรับกำนั่งสมาธินั้นโดยมากจะใช้พิมพ์ของสมเด็จโตฯ วัดระฆัง ซึ่งจริง ๆ แล้วก็อาจมีพิมพ์อื่น ๆ ปนบ้าง เช่น พิมพ์เหรียญยันต์ดวง และพิมพ์พระพรหมใหญ่ เป็นต้น
พระกำนั่งนี้ หลวงปู่จะแจกให้ผู้จะปฏิบัติกรรมฐาน ใช้กำไว้ในมือข้างขวา โดยหันเศียรพระออกไปนอกตัวเรา กำเพียงเบา ๆ แล้วก็บริกรรมภาวนาไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ)
และพร้อม ๆ กับการบริกรรมภาวนา ท่านก็ให้ตั้งนิมิตองค์พระที่เรารู้สึกศรัทธาและจดจำได้ง่าย เช่น พระพุทธชินราช พระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร ฯลฯ หากไม่มี ก็ให้ลืมตามองสมเด็จฯ กำนั่งที่อยู่ในมือนั้นแหละ เป็นองค์นิมิต นึกให้ชัด ถ้านึกไม่ออกก็อาจลืมตามามองดูอีก จนกระทั่งชัดทั้งลืมตาและหลับตา (อย่าลืมว่าเริ่มจากการเห็นโดยความรู้สึก มิใช่เห็นอย่างลืมตาดูทีวี เพราะฉะนั้นจะหวังให้องค์นิมิตชัดแจ่มในตอนต้นนั้นไม่ควร)
พระสมเด็จกำนั่งที่หลวงปู่สร้างขึ้นก็เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการปฏิบัติกรรมฐาน โดยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่ท่านอธิษฐานจิตลงไปจะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้จิตของเรารวมเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น รวมทั้งป้องกันนิมิตร้ายต่าง ๆ
ส่วนทางด้านปัญญา ท่านว่าเมื่อจิตสงบแล้วก็ให้นึกอธิษฐานขอบารมีจากองค์พระ ให้ธรรมที่สมควรแก่จิตของเราขณะนั้นจงบังเกิดรู้ขึ้นมา (อาจเป็นข้อธรรมผุดขึ้นให้เราพิจารณา)
พระกำนั่งนี้ก็แปลก บางคนพอได้กำในระหว่างการปฏิบัติแล้ว ก็มักรู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าอ่อน ๆ วิ่งไหลผ่านมือที่กำพระอยู่นั้น ทำให้เกิดอาการปีติอันเป็นอาหารของใจที่ทำให้ใจเจ้าของเกิดกำลังขึ้นมา
พระกำนั่งเป็นของไม่มีราคา (เพราะท่านแจกให้เปล่า) แต่มีคุณค่าเหลือประมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ปฏิบัติ
อย่างไรก็ดี ท่านก็มิได้สอนให้ลูกศิษย์ยึดติดในกระกำนั่ง จนกระทั่งหากไม่มีพระกำนั่ง จะนั่งปฏิบัติกรรมฐานมิได้
ผู้ปฏิบัติควรวางใจของตนเพื่อสร้างความชำนาญในการเข้าสมาธิให้สม่ำเสมอทั้งในยามที่มีพระกำนั่ง และในยามที่ไม่มีพระกำนั่ง เพราะสุดท้ายแล้ว ย่อมมารวมลงที่ใจที่มีศรัทธาเชื่อมั่นในคุณพระที่มีอยู่อย่างจะนับจะประมาณมิได้
|