luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี  (Read: 22262 times - Reply: 8 comments)   
รณน

Posts: 0 topics
Joined: none

สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
« Thread Started on 26/3/2553 10:02:00 IP : 58.8.242.152 »
 

รบกวนขอถาม พี่ๆ Administrator ในฐานะที่พี่ๆ ได้มีโอกาสเรียนธรรมะกับองค์หลวงปู่่ เป็นเวลายาวนานเป็น 10 ปี (น่าอิจฉาจัง)

หลวงปู่ท่านสอนถึงการสวดมนต์อย่างไรครับ ท่านแนะนำให้สวดแค่ไหน และอย่างไรครับ สวดบทไหนถึงจะดี เห็นตอนนี้มีการชวนกันให้สวดบทมหาจักรพรรดิกัน...บทนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ขอความรู้ให้น้องใหม่หน่อยน่ะครับ จะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องแบบที่องค์หลวงปู่เคยสอนพวกพี่ครับ

ขอขอบพระคุณพี่ๆมากๆ ล่วงหน้าครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
จำนวนข้อความทั้งหมด:  6
1
แสดงความคิดเห็น
 กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ
(Admin)

Posts: 75 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 1  « on 26/3/2553 21:51:00 IP : 124.121.134.142 »     Edit Topic
Re: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
 

ก่อนจะตอบเรื่องการสวดมนต์ เราควรต้องเข้าใจเสียก่อนว่าหลวงปู่มิได้ให้น้ำหนักกับการสวดมนต์ยิ่งไปกว่าการนั่งสมาธิภาวนา ท่านเคยเตือนลูกศิษย์ผู้ที่ชอบสวดมนต์แต่ขี้เกียจนั่งภาวนาว่าให้กลับเวลากัน ที่เคยสวดมนต์ ๑ ชั่วโมง แต่นั่งสมาธิแค่ ๑๐ นาที ก็ให้ลดเวลาสวดมนต์ลงเหลือ ๑๐ นาที แล้วเพิ่มเวลานั่งสมาธิเป็น ๑ ชั่วโมงแทน

หลวงปู่เคยสอนว่า

"ที่ข้าสอนให้สวดมนต์  ข้าให้ (นั่ง) ภาวนาด้วย สวดมนต์ตามแบบพระพุทธเจ้า มีอยู่แล้ว เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน

สวดมนต์อย่างเดียวไปช้า ข้าว่าอย่างนี้ แกจะว่ายังไง"

นอกจากนี้หลวงปู่ก็ยังเคยพูดสำทับว่า "สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน" จึงชัดเจนมากว่าหลวงปู่ให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่า

ทีนี้วกมาเรื่องเนื้อหาบทสวดมนต์ บทสวดมนต์ที่หลวงปู่ยกย่องมากก็คือบทสวดหรือปริตต์ต่าง ๆ ในหมวดที่เรียกว่า "เจ็ดตำนาน" และ "สิบสองตำนาน" ซึ่งก็คือบทสวดมนต์พิเศษที่อยู่ในหนังสือบทสวดมนต์แปล หรือมนต์พิธี นั่นเอง เพราะล้วนแล้วแต่เป็นบทที่คัดออกมาจากพระไตรปิฎก มีเนื้อหาเป็นอรรถเป็นธรรม มิใช่คาถาอย่างลัทธิมนตรยาน ที่ถือทางขลัง และกำหนดว่าต้องสวดเท่านั้นเท่านี้จบ อีกทั้งมีการเชิญชวนด้วยการพรรณาถึงอานิสงส์ของการสวดไว้เกินเลยอย่างมาก จนผู้ศรัทธาเสียหลักการของการปฏิบัติขัดเกลาตนเอง เพราะหวังอานิสงส์จากการสวดเพียงอย่างเดียว

พูดวกเข้าประเด็นเข้ามาอีกถึงเรื่องบทสวดมนต์ที่เดี๋ยวนี้บางแห่งนิยมเรียกว่า "บทจักรพรรดิ" ที่ขึ้นต้นว่า "นะโมพุทธายะฯ" นั้น เท่าที่สัมผัสเองโดยตรง รวมทั้งได้สอบถามหมู่คณะหลาย ๆ คนที่ปฏิบัติกับหลวงปู่ร่วมกันมาหลายปี ก็ไม่เห็นมีใครรู้จักชื่อเรียกอันนี้ ทุกคนต่างรู้จักบทสวด นะโมพุทธายะฯ ในชื่อ "บทบูชาพระ" ของหลวงปู่ดู่ จึงไม่รู้ว่าชื่อนี้มีมาแต่ที่ไหน พิจารณาจากเนื้อหาบทสวด ก็ไม่เห็นมีตรงไหนที่กล่าวถึงพระจักรพรรดิอะไร เห็นมีแต่พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ รวมทั้งพระสีวลี เป็นต้น จึงไม่ทราบเจตนาว่าเปลี่ยนชื่อเรียกไปทำไม เพราะดูเป็นการดึงธรรมไปหาโลก จากพระไปหาฆราวาสวิสัย

พระพุทธเจ้าเคยตรัสเล่าถึงอดีตชาติที่เคยเกิดเป็นกษัตริย์ชั้นจักรพรรดิ พร้อมด้วยของวิเศษประจำองค์ท่าน ทำให้ท่านสามารถขยายเขตการปกครองไปทั้งทวีปโดยทุกแว่นแคว้นต่างยอมสยบต่อพระองค์ แต่พระองค์ก็ยังไม่พอ ใช้ของวิเศษไปขอส่วนแบ่งสวรรค์ชั้นจาตุมฯ ซึ่งท้าวมหาราชทั้ง ๔ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนั้นก็ยินยอมยกให้พระองค์ครอบครองด้วยดี

แม้ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังไม่พอ ไปขอแบ่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จากพระอินทร์มาครองอีก นานไปก็จะขอครอบครองเองทั้งหมดแต่ผู้เดียว  และด้วยความโลภไม่รู้จักพอ ทำให้สวรรค์ไม่อาจรองรับจิตที่ไม่บริสุทธิ์ของพระองค์ได้ พระองค์จึงหล่นจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ ซึ่งเป็นยุคหลานเหลนของพระองค์ ไม่มีใครรู้จักพระองค์ ในขณะที่พระองค์ก็ชราภาพลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลงอนิจจังว่าแม้มีสมบัติจักรพรรดิ แต่ด้วยความไม่รู้จักพอ พระองค์จึงตั้งอยู่ในความประมาท ใช้ชีวิตอย่างไม่เกิดสาระประโยชน์แก่ชีวิต สุดท้ายสมบัติจักรพรรดิก็ไม่พ้นความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา

มาในพระชาติสุดท้ายที่เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ยังพาพระอานนท์ไปเยี่ยมเมืองที่เดิมเคยเรียกว่ากุสาวดี พระองค์เล่าให้พระอานนท์ฟังว่า ณ เมืองที่ชื่อกุสาวดีนี้ เคยเป็นที่สวรรคตของพระองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นกษัตริย์ชั้นจักรพรรดิมาแล้วถึง ๗ ชาติ แต่มาบัดนี้ ของวิเศษและทรัพย์อันยิ่งใหญ่ในอดีตเหล่านั้นล้วนเลื่อมสิ้นไปแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ...

นี่ขนาดพระพุทธเจ้ายังตรัสให้ปลงกับสมบัติจักรพรรดิ ดังนั้น การที่พยายามจะยกย่องเชิดชูพระจักรพรรดิหรือสิ่งที่เนื่องด้วยพระจักรพรรดิ จะมิเป็นการดึงธรรมลงมาเป็นเรื่องโลก ๆ หรือดึงลงมาเป็นเรื่องฆราวาสวิสัยดอกหรือ 

อันที่จริงแล้วการสวดมนต์ถือเป็นข้อวัตรที่ดีและมีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทสวดที่หลวงปู่แนะนำ (เจ็ดตำนวนและสิบสองตำนาน) เพราะมีเนื้อหาที่ประกอบด้วยข้อธรรม รวมทั้งมีบทสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในแง่มุมต่าง ๆ มากมาย

ในแง่ของการปฏิบัติสมาธิภาวนา การสวดมนต์ก่อน ก็สามารถช่วยกล่อมเกลาหรือตะล่อมจิตผู้สวดให้เกิดความสงบระงับในระดับหนึ่งแล้ว พอลงมือนั่งสมาธิไม่นาน จิตก็ย่อมจะสงบได้โดยง่าย

ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเราต้องสวดด้วยสัมมาทิฏฐิ คือตระหนักว่าประโยชน์จากการสวดจะเกิดก็เพราะด้วยการน้อมพิจารณาในข้อธรรม หรือเจริญศรัทธาจากบทสรรเสริญพระรัตนตรัย หรืออย่างน้อยใช้เป็นเครื่องตะล่อมจิตหรือเตรียมจิตก่อนปฏิบัติกรรมฐาน มิใช่หวังในทางขลังหรือในทางปัดเป่าทุกข์ด้วยการกล่าวคาถาศักดิ์สิทธิ์อย่างลัทธิมนตรยานซึ่งเป็นยุคที่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุคเสื่อมที่สุดก่อนจะสิ้นสูญจากอินเดียและถูกสังคายนาที่ประเทศพม่า

ถามนิดเดียว เลยถือเป็นโอกาสชี้แจงเพื่อคนส่วนใหญ่เสียทีเดียว เพราะเข้าใจว่าผู้ที่มาศรัทธาหลวงปู่หลายคนคงสงสัยเรื่องนี้เช่นกัน

ขอจบด้วยพุทธภาษิตที่ว่า "วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" และ "ความดีที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่อีก มิใช่มีเพียงเท่านี้"

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
เอี่ยมผ่องพรรณ

Posts: 0 topics
Joined: 2/3/2553

ความคิดเห็นที่ 2  « on 27/3/2553 21:15:00 IP : 124.121.36.184 »   
Re: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
 
,มหาอนุโมทนาครับ อ่านแล้วตาสว่างขึ้นเยอะเลย เห็นชอบด้วยครับ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Aimee2500

Posts: 44 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 3  « on 28/3/2553 8:18:00 IP : 86.184.226.232 »   
Re: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
 
สัทธา ทานัง อนุโมทามิ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
รณน

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 4  « on 29/3/2553 11:21:00 IP : 61.90.18.219 »   
Re: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
 

แจ่มแจ้งจริงๆ ครับ

ขอขอบพระคุณพี่ๆมากครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
เด็กข้างวัด

Posts: 23 topics
Joined: 18/1/2553

ความคิดเห็นที่ 5  « on 6/4/2553 12:34:00 IP : 124.122.62.200 »   
Re: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
 

เท่าที่ผมทราบมาจากพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่เหมือนกัน ผมเคยกราบเรียนถามท่านว่า "หลวงปู่เคยบอกไหมครับว่าสวดบทบูชาพระ (นะโมพุทธายะฯ) กี่จบ จึงจะดี " ท่านว่า ....

"หลวงปู่ไม่เคยสั่งไว้ แต่หลวงปู่บอกว่า ถ้าเกิดมาแล้วยังสวดบทบูชาพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ไม่ได้ 84,000 ครั้ง นั้นเสียชาติเกิด"

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
supa

Posts: 2 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 6  « on 26/6/2555 18:24:00 IP : 180.183.202.100 »   
Re: สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี
 

อีกกระทู้ที่น่าสนใจเรื่องสวดมนต์ที่หลวงปู่สอนค่ะ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 11 Visits: 16,686,800 Today: 32 PageView/Month: 68,328