หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน
คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป
(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)
|
|
Started by |
|
|
Topic: เล่าเรื่องหมา ๆ แมว ๆ (Read: 16568 times - Reply: 8 comments) |
|
|
|
สิทธิ์ |
Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552
|
|
เล่าเรื่องหมา ๆ แมว ๆ
|
« Thread Started on 28/4/2553 8:21:00 IP : 203.148.162.128 » |
|
|
|
หากใครได้มีโอกาสทันไปกราบหลวงปู่สมัยยังมีชีวิต เราก็จะได้เห็นเจ้าตูบ และแจ๋ว หมาแมวบอดี้การ์ดของหลวงปู่ แขกไปใครมามันรู้จักต้อนรับ แถมยังรู้จักเดินนำไปส่งที่ประตูอีก มันคงเป็นบริวารของหลวงปู่ที่ลงมาเกิดเพื่ออยู่ใกล้ชิดหลวงปู่ พอหมดหน้าที่ก็กลับไปที่เดิม เพราะภายหลังที่มันตายไป มีลูกศิษย์มาถามหลวงปู่ว่ามันตายแล้วไปไหน หลวงปู่บอกว่ามันไปเป็นเทพบุตรแล้ว
ตอนเช้า ๆ เราจะเห็นเจ้าแจ๋วมาคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ หลวงปู่ แต่ที่น่าแปลกอย่างยิ่งก็คือ มันจะไม่ยุ่งกับข้าวปลาอาหารที่วางเต็มพื้นที่เบื้องหน้าหลวงปู่เลย มันจะนอนอยู่เฉย ๆ กระทั่งหลวงปู่รับประเคนอาหาร พร้อมทั้งสงบนิ่งตั้งจิตถวายข้าวพระสักครู่ใหญ่ จากนั้นท่านก็จะตักอาหารมารวมกันในกาละมังใบย่อม ๆ ที่ท่านใช้แทนบาตร ท่านจะเอาช้อนมาคน ๆ อาหารให้รวมกัน ดังที่เรียกว่าฉันสำรวม และก่อนที่ท่านจะฉัน ท่านก็จะตักเอาอาหารในกาละมังนั้น ๑- ๒ ช้อนให้เจ้าแจ๋ว แล้วท่านจึงเริ่มฉันอาหาร ซึ่งระหว่างที่หลวงปู่กำลังฉัน บรรดาลูกศิษย์ก็จะแยกย้ายกันไปทำสมาธิภาวนา
เจ้าตูบจะได้อาหารทีหลังสุด แต่มันก็อยู่ดีกินดีจนตัวมันอ้วนพี มีเรี่ยวมีแรงคอยไล่หมาตัวอื่นที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาป้วนเปี้ยนบนกุฏิหลวงปู่ แต่พอหลวงปู่กรวดน้ำให้พร มันก็ชอบเป็นต้นเสียงเห่าหอนให้หมาวัดตัวอื่น ๆ ส่งเสียงตาม ๆ กันไป
เรื่องความเมตตาต่อสัตว์นั้น หลวงตามหาบัวท่านก็เคยสอนลูกศิษย์ว่าหากไปเจอหมาข้างถนน เดินโซซัดโซเซด้วยความอดอยาก หากเรามีจังหวะโอกาส โยนอาหารให้มันกินเพื่อบรรเทาความหิวโหยบ้างก็เป็นเรื่องที่ควร
ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านทราบดีว่าสัตว์ทั้งหลายมันก็มาจากคนทั้งนั้น แล้วเมื่อกรรมชั่วเบาบางลง มันก็มีสิทธิ์จะกลับมาเป็นคนอีก ดังกรณีลูกศิษย์ของหลวงปู่คนหนึ่ง ที่มาถามหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ครับ เมื่อคืนก่อน ผมนั่งภาวนาและได้ตั้งจิตเจตนาขอบารมีพระกรวดน้ำให้ไก่หน้าบ้านที่ถูกเชือด (ช่วงนั้นเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน) แต่แทนที่ผมจะเห็นไก่ ผมกลับเห็นชาย ใบหน้ามีแต่เลือดไหลอาบ มาขอรับส่วนบุญ พอได้บุญแล้วก็สว่างแวบหายไป ผมสงสัยว่าทำไมมันมาเป็นคนครับ”
หลวงปู่ตอบว่า “แต่ก่อนมันก็เป็นคนมาก่อน” จากการสนทนากับหลวงปู่ จึงทำให้เขาค่อย ๆ มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์ก็เป็นภพภูมิกลาง ๆ ก่อนที่จะไปเกิดเป็นเทวดา เป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือเป็นสัตว์นรก ฯลฯ ดังนั้น พอสัตว์ตายไป จึงปรากฏรูป (ปฏิสนธิ) วิญญาณแห่งมนุษย์อันเป็นสภาวธรรมชาติกลาง ๆ ให้เห็น มิน่าเล่า ครูบาอาจารย์จึงมีเมตตาต่อสัตว์ บางครั้งถึงขนาดไม่ก้าวเท้าข้ามสัตว์ที่กำลังนอนอยู่ แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะอยู่ที่การตระหนักว่า ดวงจิตของสัตว์ทุกดวง มันพร้อมจะกลับมาเป็นมนุษย์ผู้ที่มีศักยภาพในการพัฒนาตนเข้าถึงความหลุดพ้นได้ทั้งนั้น
ทีนี้ พวกเราบางคนหากเคยนึกน้อยใจว่าในสมัยเด็ก ๆ ทำไมตัวเองจึงยิงนกตกปลาไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลเหมือนอย่างเพื่อน ๆ ก็ให้นึกดีใจแทนว่าโชคดีเหลือเกินที่เป็นคนทำบาปไม่ขึ้น จึงมิได้ไปเบียดเบียนดวงจิตของผู้ที่อาจเคยเป็นญาติพี่น้องหรือสัมพันธชน |
|
|
|
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: เล่าเรื่องหมา ๆ แมว ๆ
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ » คลิ๊กที่นี่ |
|
|