เพิ่งได้มาสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการ ขออนุญาติแนะนำตัวเองและบอกเล่าประสบการณ์ด้วยนะครับ
ผมเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก ๆ เกิดมาในครอบครัวที่ดี ได้เข้าวัด ได้พบพระอริยเจ้าอยู่หลายองค์ ได้ทำบุญกับท่านตั้งแต่เล็ก สิ่งนี้ซึมซับเข้าไปในจิตใจผมโดยตลอด แล้วผมก็ชอบมากด้วย ชอบเข้าวัด ชอบสวดมนต์ ชอบสะสมเงิน(อิอิ) เพื่อทำบุญตั้งแต่เด็ก พอใจในความเป็นพระ พอใจในการเข้าวัด จนมีความคิดอยากบวช อยากเป็นพระตั้งแต่ยังไม่เข้าอนุบาล ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเป็นพระนั่นคืออะไร ต้องทำหน้าที่อะไร แต่เห็นผ้าเหลืองแล้วเราพอใจอยากห่มบ้าง ๕๕๕๕๕
โตขึ้นมาอีกหน่อย ผมได้อ่านประวัติหลวงพ่อเกษม ได้เห็นคำว่าพระอรหันต์ โอ้! ประทับใจ พระอรหันต์นี่คือสุดยอดของความเป็นพระนะ เราอยากเป็นมั่ง อยากได้มั่ง ตั้งใจว่า เราจะไม่บวชอย่างเดียวละ แต่จะต้องเป็นพระอรหันต์ด้วย แต่พระอรหันต์เป็นอย่างไรไม่รู้ คาดเดาตอนเด็กว่า ต้องนั่งสมาธิเคร่งๆนานๆ จะได้เอง (ตอนนั้นอ่านพวกหลักธรรมขั้นสูงไม่รู้เรื่อง)
พออายุช่วงใกล้ ๆ ทำบัตรประชาชน ตอนนั้นมาพิจารณาตัวเอง เราอยากเป็นพระ แต่ว่าตอนนี้แม้กระทั่งศีล 5 เรายังรักษาไม่ครบเลย ไม่ได้ละ ถ้าอย่างนี้ไม่ได้การ แค่ศีล 5 ทำไม่ได้ เราจะไปถึงความเป็นพระได้อย่างไร มันเลวเกินไปละนะ ช่วงนั้นเริ่มอะไรหลายๆ อย่าง และที่สำคัญผมได้หนังสือชื่อว่าโยนิโสมนสิการมาจากพระภิกษุองค์หนึ่ง เป็นหนังสือที่รวมคำสอนสำคัญของพระหลาย ๆ องค์ และหนึ่งในนั้นก็คือ.......หลวงพ่อของพวกเรา
ผมได้เปิดอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆพยายามคิดพิจารณาตามคำสอน ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดี ทุกองค์ท่านสอนได้อย่างถูกต้อง เข้าถึงใจ เปิดอ่านไป ๆ ใจมาสะดุดกับพระองค์หนึ่ง ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ใจมันสะดุดมาก กับรูปภาพของพระภิกษุที่ยืนอยู่มือซ้ายของท่านถือผ้าอะไรไม่รู้ ใต้รูปภาพนั้นเขียนว่า หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
แปลก แปลกมาก ทำไมเห็นรูปแล้วไม่เหมือนกับพระองค์อื่น นี่เห็นแล้วมันสะดุดใจ มันบอกไม่ถูก มันเหมือนกับพระในอุดมคติที่ปรากฏอยู่ในจิตใจส่วนลึกๆของเรา เห็นภาพแล้วมันใช่ไปหมด ลักษณะก็ใช่ สัดส่วนใช่ หน้าตาใช่ คำสอนก็ใช่ เรารู้เต็มใจ พระองค์นี้เก่งมากแน่ๆ มั่นใจเลยนะ รู้สึกแปลก รู้สึกผูกพันอย่างประหลาดจริง ๆ แต่ท่านมรณภาพเสียแล้วนี่ เราเกิดมาได้ไม่กี่ปีท่านก็มรณภาพ แต่ว่าเราติดใจท่านจังเลย หลังจากนั้นผมพยายามตามหาตามสืบประวัติ หลวงพ่อดู่ แต่....ทำไมหลวงปู่เงียบจัง ตอนนั้นเน็ตก็ยังไม่มีเว็ปซักเว็ป หนังสือก็ไม่มี แล้วผมจะรู้จักหลวงปู่ได้ไงหว่า
แต่ผมก็ได้เจอรูปหลวงปู่ เรื่องหลวงปู่นิด ๆ หน่อย ๆ ในหนังสือพระเครื่อง พออ่านเรื่องพระเครื่องหลวงปู่แล้ว ชอบมากที่ท่านบอกว่า พระของข้าไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน กิเลสเกิด อยากได้พระหลวงปู่มาก ทำไงล่ะ จุดธูป อธิษฐานขอหลวงปู่จากรูปเลย และแล้วความฝันก็เป็นจริง ผมได้พระเครื่องหลวงปู่ทวดของหลวงปู่ดู่ มาจากครูบาทางเหนือองค์หนึ่งด้วยความบังเอิญ บังเอิญที่ว่า วันที่ไปกราบครูบาวันนั้น มีลูกศิษย์หลวงปู่ดู่เข้าไปด้วย แล้วลูกศิษย์ท่านก็รู้จักกับพ่อผม เขาเอาล็อกเก็ตหลวงปู่ดู่มาถวายครูบา ในมือเขาสวมแหวนหลวงปู่ เอาพระหลวงปู่มาโชว์ ยั่วกิเลสมาก พ่อบอกว่าลูกชายอยากได้ เพราะนับถือ เพราะเห็นจุดธูปไหว้รูปหน้าปกหนังสือทุกวัน ๕๕๕ เขาบอกว่าให้ขอกับครูบาท่าน ครูบาท่านมี และครูบาท่านก็หยิบมาให้ โอ้โห ตอนนั้นดีใจมาก ๆ เลยครับ
ชีวิตผมผ่านไป ผ่านช่วงสอบมหาลัยที่วุ่นวาย จนกระทั่งเข้ามหาลัย ผมสอบติดมหาลัยที่หนึ่ง แต่พอไปดูที่ๆเราสอบได้แล้ว รู้สึกไม่ชอบใจ ไม่รู้ทำไม ใจมันรู้สึกอย่างนั้น เชื่อใจตัวเอง เลยมาเรียนอีกที่หนึ่งใกล้ ๆ บ้าน ก็เป็นที่พอใจดี เพราะสงบไม่วุ่นวายเหมาะกับการโดดเรียน เอ๊ย การปฏิบัติธรรม ตอนช่วงนั้นได้ศึกษาคำสอนหลวงพ่อฤๅษีด้วย คำสอนท่านสอนได้เข้าใจง่าย ๆมาก เลยรู้มากขึ้นว่า ควรจะปฏิบัติอย่างไรให้เข้าถึงเป้าหมายคือพระนิพพาน อันดับแรก ศีลเราจะต้องบริสุทธิ์ เราจะต้องรักษาศีล 5 ของเราไว้ให้ได้ ไม่ให้ด่างพร้อย ถึงด่างไปเราต่อใหม่ทันที อันดับที่สอง เราต้องเคารพในพระรัตนตรัยด้วยความจริงใจ อันดับที่สาม เราจะไม่ลืมความตาย ขึ้นชื่อว่าความตาย ความดับไปของร่างกายและสรรพสิ่งในโลก เราจะพิจารณาเห็นด้วยความเป็นปกติเสมอ เพื่อความเบา เพื่อความไม่ยึดติดในโลกเกินไป และสุดท้ายเล็กน้อย เราพอใจในพระนิพพาน โลกทั้งโลกมันเกิดมามันทุกข์แค่ไหน ทุกข์อย่างไร หาทุกข์ให้เจอ เราพอใจในโลกที่มีแต่ความทุกข์นี่หรือ หรือเราจะอดทนปฏิบัติเพื่อพระนิพพานอันเป็นบรมสุขไม่ทุกข์อีก
ผมพิจารณาอย่างนี้ เป็นปกติ ค่อยๆคิดทำด้วยใจที่เป็นสุข ทำสมาธิด้วยเล็กน้อย เพื่อเป็นกำลังของจิต เวลาพิจารณาอะไรจิตจะได้มีกำลังรู้เห็นแจ่มแจ้ง ทำไปเรื่อย จิตใจก็เริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้น ก็มานึกว่า คำสอนของพระพุทธเจ้านี่อัศจรรย์หนอ โอ้ นี่ขนาดเรายังไม่ถึงไหน ยังทำให้เรามีความสุขขนาดนี้ แล้วพระอริยเจ้าทั้งหลายเล่าจะมีความสุขขนาดไหน
การปฏิบัติของผมก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ ผ่านชีวิตมาเล็กน้อย และคงต้องผ่านอีกไกล (แต่แค่นี้ก็เห็นทุกข์แล้วนะครับ แต่ยังติดกิเลส แสดงว่ายังไม่เข็ด ๕๕๕) แม้ว่าจะมีความเลวอยู่มากมาย ไม่ต้องพูดถึง โลภ โกรธ หลง ครบหมดทุกตัว ๕๕๕๕ และอะไรหลาย อย่างก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราวนัก ไม่ว่าจะทางโลกก็ดีทางธรรมก็ตาม แต่ผมก็จะพยายามรู้ตัว อย่างน้อยก็ให้รู้อยู่เสมอว่า ตอนนี้เรามีความเลวอะไรอยู่ในใจ ก็ให้พยายามแก้ไขความเลวนั้น อะไรที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีที่เคยทำเป็นนิสัยจนติดเป็นสันดาน เช่นความขี้เกียจ ซึ่งเป็นสันดานประจำผม อันนี้ไม่ดี ก็จะพยายามแก้ไขตลอด แพ้บ้างชนะบ้างไม่เป็นไร แม้จะแพ้กิเลสชนิดสะบักสะบอม ๕๕๕ แต่ไม่ถอย ของมันแก้ได้ และไม่ว่าจะเจอกับอะไร ชีวิตจะเป็นอย่างไร ยากดีมีจน ก็จะไม่ทิ้งการปฏิบัติ เราจะต้องตายด้วยความดี และจะต้องไปให้ถึงความบริสุทธิ์ให้ได้ เพราะชีวิตนี้มอบให้กับคุณพระรัตนตรัยแล้ว
แม้ว่าผมจะมีครูบาอาจารย์หลายองค์ แต่สำหรับหลวงปู่ดู่ ท่านก็เป็นหนึ่งในใจผม ผมรักมากจริง ๆครับ ไม่มีเหตุผล หลวงปู่ไม่ต้องพูดอะไร แค่เห็นรูปหลวงปู่ยิ้มให้ ก็ชื่นใจและมีกำลังใจแล้วครับ ขอให้ทุกคนเห็นธรรม ส่วนใครที่ปรารถนาสร้างบารมี ผมก็โมทนาด้วยครับ เอวัง |