luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   พระปางอะไร ใครรู้บ้าง  (Read: 29886 times - Reply: 15 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
« Thread Started on 9/5/2554 22:28:00 IP : 124.121.123.68 »
 

เห็นเพื่อน ๆ สมาชิกหลายท่าน เริ่มสนใจศึกษาพุทธประวัติกันบ้างแล้ว ก็เลยถือโอกาสในระหว่างรอคุณเมธามาถามปริศนาธรรมของหลวงปู่ดู่ ด้วยการนำรูปพุทธประวัติบางตอนมาให้ลองทายกันดูว่าเป็นเหตุการณ์ใด หรือปางใด เพื่อเป็นเสริมความรู้ให้กันและกันครับ

ทั้งนี้ หากภาพที่ ๑ ยังไม่ชัด ก็ยังจะมีภาพที่ ๒ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันมาเป็นตัวช่วยให้สามารถคาดเดาเหตุการณ์พุทธประวัติได้ง่ายขึ้น

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
จำนวนข้อความทั้งหมด:  10
1
แสดงความคิดเห็น
รชภ

Posts: 7 topics
Joined: 7/11/2552

ความคิดเห็นที่ 1  « on 9/5/2554 23:07:00 IP : 58.10.87.53 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 

รูปนี้น่าจะเป็นพุทธประวัติในตอนที่พระพุทธเจ้าเสร็จมากับพระอานนท์และพบภิกษุอาพาธอยู่ จึงทรงประคองพระภิกษุเอาไว้ อีกทั้งยังบอกกล่าวกับหมู่ภิกษุในทำนองที่ว่า ภิกษุเป็นผู้ออกจากเรือนแล้ว เป็นดังผู้ไม่มีญาติ ขอให้เหล่าภิกษุเกื้อกูลกันเอง

อานิสงส์ในการพยาบาลภิกษุที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้คือ

ภิกษุทั้งหลาย  ผู้ใดจะพยาบาลเราตถาคต  ก็พึงพยาบาลภิกษุอาพาธเถิด

ถ้ารูปข้างต้นใช่เรื่องราวนี้ ก็น่าจะเป็นปางพยาบาลภิกษุอาพาธครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Aimee2500

Posts: 44 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 2  « on 10/5/2554 5:47:00 IP : 86.135.98.110 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 

 

 ขยายเรื่องของคุณชาย

 

ท่านพระอานนท์เป็นธุระเกี่ยวกับภิกษุผู้อาพาธ

สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปตามเสนาสนะต่าง ๆ กับท่านได้ทอดพระเนตรเห็นภิกษุอาพาธรูปหนึ่ง นอนจมกองมูตรกองคูถของตนอยู่จึงเสด็จเข้าไปใกล้ตรัสถามว่า เป็นโรคอะไร? ทำไม ไม่มีใครพยาบาล?ภิกษุนั้นทูลว่าเป็นโรคท้องร่วง ที่ไม่มีผู้พยาบาลก็เพราะท่านไม่ได้ทำอุปการะแก่ภิกษุทั้งหลายไว้ เมื่อทรงทราบดังนั้นจึงรับสั่งให้ท่านพระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย แล้วพระองค์ทรงรดน้ำอาบให้ ท่านพระอานนท์ขัดสี พระพุทธองค์ทรงยกศีรษะ ท่านพระอานนท์ยกเท้า แล้ววางให้นอนบนเตียง

และในวันนั้นเองพระพุทธองค์จึงรับสั่งท่านพระอานนท์ให้เรียกประชุมสงฆ์ ตรัสปรารภข้อที่ไม่มีใครพยาบาลภิกษุผู้อาพาธรูปนั้นเป็นต้นเหตุ แล้วทรงเทศนาว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่มีมารดา ไม่มีบิดา ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลพวกเธอ ถ้าพวกเธอจะไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธ"

ครั้งหนึ่ง ท่านพระผัคคุณะอาพาธเป็นไข้หนัก ท่านพระอานนท์ได้ทราบจึงกราบทูลเชิญให้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปเยี่ยมท่านผัคคุณะ พระพุทธองค์ก็เสด็จไปเยี่ยม ตรัสถามถึงอาการป่วยไข้ของท่านผัคคุณะท่านพระผัคคุณะจึงทูลว่า ท่านมีอาพาธแรงกล้ามาก ไม่อาจอดทนได้มีทุกขเวทนาจัด ลมเสียดแทงศีรษะเจ็บปวดเหมือนคนมีกำลังเอามีดโกนอันคมมาเฉือนศีรษะ ปวดท้องเหมือนบุรุษฆ่าโคเอามีดชำแหละโคที่คมมาชำแหละท้องโค เจ็บปวดเร่าร้อนทั่วกาย เหมือนคนมีกำลัง ๒ คน จับแขนคนละข้างดึงไปลนย่างบนหลุมถ่านไฟ ฉะนั้น

พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรม ทำให้ท่านพระผัคคุณะสำเร็จเป็นพระโสดาบัน

ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารใกล้นครสาวัตถี ท่านพระอานนท์ได้ทราบว่า ท่านพระคิริมานันทะอาพาธหนัก จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลอาราธนาให้พระองค์เสด็จไปเยี่ยม พระพุทธองค์ตรัสใช้ให้ท่านไปเยี่ยมแทน และรับสั่งให้ท่านเรียนสัญญา ๑๐ ประการ เพื่อนำไปสวดให้ท่านพระคิริมานันทะฟัง เมื่อท่านเรียนจนจำคล่องแคล่วขึ้นใจแล้ว จึงทูลลาไปหาท่านพระคิริมานันทะ สวดสัญญา ๑๐ประการให้ฟัง ครั้นท่านคิริมานันทะได้ฟังสัญญา ๑๐ ประการ อาพาธของท่านก็สงบระงับลงทันที

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 3  « on 10/5/2554 12:42:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 

มีบอกใบ้ให้นิดหนึ่งว่า เหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าลงมือดูแลพระภิกษุอาพาธด้วยพระองค์เองนั้น เท่าที่ผมค้นเจอ มี ๒ แห่ง

คือ พระวินัย ๑ แห่ง กับในพระสูตรอีก ๑ แห่ง

แน่นอนว่าหากเป็นเรื่องในพระวินัยก็ย่อมสรุปลงด้วยการกำหนดว่าหากไม่ทำ..... ภิกษุจะต้องอาบัติ ซึ่งในกรณีนี้ก็ลงท้ายด้วยการบัญญัติว่าภิกษุ (ในอาวาสเดียวกัน) หากไม่ดูแลภิกษุอาพาธจะต้องอาบัติ (ที่เรียกว่าอาบัติทุกกฏ)

ส่วนเรื่องที่มีมาในพระสูตรก็ย่อมสรุปลงด้วยพระธรรมเทศนา ซึ่งในกรณีนี้คือ "ไม่นานหนอกายนี้จักนอนทับแผ่นดิน ครั้นปราศจากวิญญาณ อันบุคคลเขาทิ้งแล้ว เป็นดุจดังว่าท่อนไม้แลท่อนฟืนไม่มีประโยชน์" ผลก็คือทั้งพระภิกษุที่อาพาธและพระภิกษุรูปอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั้นก็พากันบรรลุธรรม

พระภิกษุในเหตุการณ์หนึ่งเป็นโรคท้องร่วง อีกเหตุการณ์หนึ่งมีเนื้อตัวเปื่อยเน่า (ฝีตามตัวแตก น้ำเหลืองไหลออก)

เหตุการณ์หนึ่งพระพุทธเจ้าอุ้มร่างพระอาพาธ อีกเหตการณ์หนึ่งพระพุทธเจ้ายกทั้งเตียง

เหตุการณ์หนึ่งมีพระอานนท์มาช่วยพระพุทธเจ้า อีกเหตุการณ์หนึ่งไม่ปรากฏว่ามีพระอานนท์อยู่ด้วย

เหตุการณ์หนึ่งพระพุทธเจ้าตักน้ำให้พระอานน์ช่วยถูตัวพระอาพาธ อีกเหตุการณ์หนึ่งพระพุทธเจ้าเอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พระอาพาธ

เอ...แล้วรูปที่ยกมานั้นเป็นน่าจะเป็นเหตุการณ์ใดหนอ

 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
อุบล

Posts: 26 topics
Joined: 27/2/2553

ความคิดเห็นที่ 4  « on 10/5/2554 12:53:00 IP : 203.148.162.201 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 
ขออนุโมทนาด้วยครับ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 5  « on 10/5/2554 20:43:00 IP : 124.122.209.173 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 


รูปนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากรูปแรก กล่าวคือภายหลังจากที่พระพุทธองค์และพระอานนท์ช่วยกันยกร่างพระอาพาธออกมาจากที่นอนจมกองคูตกองมูตรแล้ว พระองค์ก็ทรงพุทธตักน้ำสรงให้พระอาพาธ ในขณะที่พระอานนท์ก็ทำหน้าที่เช็ดถูตัวให้

สรุปก็คือเป็นเหตุการณ์ที่กล่าวไว้ในพระวินัยที่ว่าพระพุทธองค์ทรงดูแลพระอาพาธโรคท้องร่วง และเป็นเหตุให้พระองค์ทรงขอร้องให้พระภิกษุสงฆ์ดูแลกันเอง (รายละเอียดตามที่เพื่อนสมาชิกหลายท่านยกมาข้างต้น โดยเฉพาะของคุณ Aimee นี่ละเอียดดีครับ)

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 6  « on 10/5/2554 20:50:00 IP : 124.122.209.173 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 


สำหรับรูปนี้คือเหตุการณ์ที่มีมาในพระสูตร กล่าวคือพระพุทธองค์ทรงดูแลพระอาพาธที่มีอาการเนื้อตัวเปื่อยเน่า (ฝีตามตัวแตกเน่าเหม็น) อีกทั้งกระดูกในตัวก็แตกหัก (ใครทราบบุพกรรมก็นำมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังด้วยก็จะดีครับ)

สรุปทั้งหมดทั้งสิ้นจัดได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ทรงดูแลพระภิกษุผู้อาพาธด้วยพระองค์เอง

แต่ในเวลาจะสร้างเป็นพระพุทธรูปปางพยาบาลภิกษุอาพาธนั้น ช่างโดยมากจะสร้างในรูปแบบที่ดูแลพระติสสะ คือเป็นรูปที่พระติสสะนอนอยู่บนตักของพระพุทธเจ้า

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Aimee2500

Posts: 44 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 7  « on 11/5/2554 4:26:00 IP : 86.135.98.110 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า:
“โย ภิกขเว มํ อุปฏฐเหยย โส คิลานํ อุปฏฐเหยย”
"ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้"
การให้การพยาบาลหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของพระสงฆ์ เท่ากับการได้อุปัฏฐาก พระพุทธองค์เลยทีเดียว เคย ได้ยินมาว่า "ผู้ใดที่ได้ถวายอาหารหรือสิ่งของต่อพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญที่เกิดจากการถวายทานนั้น มีอานิสงส์มากจริงๆ ถึงขนาดผู้นั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้เป็นสาวก หรือ อัครสาวก หรือ ปราถนาพุทธภูมิ ก็ได้สมดังใจปรารถนาเลย"

หาก เป็นดังว่าจริงแล้ว ตามพระพุทธดำรัสที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การที่เราดูแลช่วยเหลือปรนนิบัติต่อพระภิกษุผู้อาพาธ เท่ากับว่าเราได้สร้างกุศลต่อพระพุทธองค์โดยตรงเลยทีเดียว ดังนี้ ผลบุญคงจะมหาศาล ดังกับว่าเราได้ถวายทานต่อพระพุทธเจ้าเลย

ดัง นั้น การที่เรามีโอกาสหรือตั้งใจที่จะปรนนิบัติดูแลช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ ที่ป่วย ไข้ อาพาธ แล้วเราน้อมจิตของเราระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะส่งผลต่อจิตใจอันเป็นกุศลเป็นอย่างมาก และหากมีอนิสสงส์ดังพุทธดำรัส แล้วละก็ บุญจากการอุปัฏฐากพระพุทธองค์ย่อมมีกำลังกุศลมหาศาล

*****************************************

ท่านเป็นชาวเมืองสาวัตถี ฟังธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้วมีความเลื่อมใส ขอบรรพชาอุปสมบท ตั้งใจบวชตลอดชีวิต

ต่อ มาโรคชนิดหนึ่งเกิดขึ้นแก่ท่าน เป็นต่อมเล็กๆ เกิดขึ้นตามผิวหนังก่อน แล้วโตขึ้นเรื่อยๆ เท่าเมล็ดถั่วเขียว เมล็ดถั่วดำ เมล็ดกระเบา เท่าผลมะขามป้อม และเท่าผลมะตูมตามลำดับแล้วแตก น้ำเหลืองไหลทั่วกาย ร่างของท่านปรุพรุนไปด้วยรอยแผลจึงได้นามว่า "ปูติตัตตติสสะ" แปลว่า "พระติสสะผู้มีกายเน่า" ต่อมากระดูกของท่านแตกเจ็บปวดแสนสาหัส ผ้านุ่งผ้าห่มของท่านเปื้อนด้วยเลือดและหนอง พวกลัทธิวิหาริก อันเตวาสิกของท่านรังเกียจพากันทอดทิ้งท่านหมดสิ้น ท่านหมดที่พึ่ง นอนอยู่คนเดียว

เช้าวันหนึ่งพระศาสดา ทรงตรวจดูอุปนิสัยของเวไนยสัตว์ พระปูติคัตต์เข้าไปในข่ายพระญาณ ทรงทราบว่า ปูติคัตต์มีอุปนิสัยแห่งอรหัตผล และไม่มีใครเป็นที่พึ่ง นอกจากพระองค์เพียงผู้เดียว จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี ประหนึ่งเสด็จจาริกไปในวิหาร เสด็จไปที่กุฎีของพระปูติคัตต์

ทรงถามทราบความทั้งหมดแล้ว เสด็จไปสู่โรงไฟ ทรงติดไฟล้างหม้อ ใส่น้ำแล้วยกขึ้นสู่เตาไฟ ประทับยืนในโรงไฟเพื่อรอน้ำให้เดือด ทรงทราบว่าน้ำเดือดแล้ว เสด็จไปจับปลายเตียงข้างหนึ่งที่พระปูติคัตต์นอน มีพระประสงค์จะยกเตียงด้วยพระองค์เอง

ขณะนั้นภิกษุหลายรูป เห็นดังนั้น จึงขออาสาทำเสียเอง ช่วยกันยกเตียงของพระปูติคัตต์ไปยังโรงไฟ
พระศาสดาทรงให้นำรางมา ทรงเทน้ำร้อนใส่ แล้วสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นเปลื้องผ้าห่มของภิกษุป่วยออก ขยำด้วยน้ำร้อน แล้วให้ผึ่งแดดไว้

พระ ศาสดาประทับยืนอยู่ที่ใกล้เธอ ทรงรดน้ำอุ่นให้เอง ทรงถูสรีระของภิกษุป่วย ให้อาบน้ำอุ่น เมื่อผ้าห่มแห้ง ทรงให้เอาผ้าห่มนั้นนุ่ง ดึงเอาผ้านุ่งออกมาให้ขยำน้ำร้อนแล้วผึ่งแดดไว้ เมื่อตัวของเธอแห้ง ผ้านุ่งก็แห้ง พระศาสดาให้เธอนุ่งผืนหนึ่งและห่มผืนหนึ่ง

พระปูติคัตต์ได้รับปฏิบัติเช่นนั้นสรีระก็กระปรี้กระเปร่าขึ้น จิตหยั่งลงสู่เอกัคคตารมณ์ (มีอารมณ์เดียว ไม่วอกแวก)
พระศาสดา ทรงทราบว่าจิตของพระปูติคัตต์ พร้อมที่จะรับพระธรรมเทศนาแล้ว จึงตรัสพระคาถาว่า

"อจิรํ วตยํ กาโย" เป็นอาทิ มีนัยและคำอธิบายดังได้พรรณนามาแล้วแต่ต้น
เมื่อจบเทศนา พระปูติคัตต์ได้บรรลุอรหัตผล แล้วปรินิพพาน คนเหล่าอื่นก็ได้สำเร็จอริยผลมีโสดาปัตติผล เป็นต้น

พระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดให้ทำฌาปนกิจศพแล้ว ทรงเก็บอัฏฐิธาตุแล้วโปรดให้ทำเจดีย์ไว้
ภิกษุทั้งหลายสงสัยทูลถามพระศาสดาว่า "ภิกษุผู้มีอุปนิสัยแห่งพระอรหัตเช่นนี้ เหตุไรจึงมีร่างกายเปื่อยเน่า และกระดูกแตก?"

พระศาสดาตรัสตอบว่า เป็นผลอันเกิดแต่อดีตกรรม ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป พระติสสะเป็นพรานนก ฆ่านกบำรุงอิสรชน คือรับจ้างฆ่านกให้คนใหญ่คนโต นกที่เหลือก็เอาขาย นกที่เหลือจากขายก็หักปีกหักขาเก็บไว้ เพราะคิดว่า ถ้าฆ่าแล้วเก็บไว้มันจะเน่าเสียหมด ตนต้องการบริโภคเท่าใดก็ปิ้งไว้ นกที่เขาหักปีกหักขาไว้นั้นขายในวันรุ่งขึ้น

 วันหนึ่ง เมื่อโภชนะอันมีรสดีของเขาสุกแล้ว เขากำลังเตรียมบริโภค พระขีณาสพองค์หนึ่งมาบิณฑบาตหน้าบ้าน เขาเห็นพระแล้วคิดว่า
"เราได้ฆ่าสัตว์มีชีวิตเสียมากมายแล้ว บัดนี้ พระมายืนอยู่หน้าเรือน โภชนะอันดีของเราก็มีอยู่ เราควรถวายอาหารแก่ท่าน"
เขาคิดดังนั้นแล้ว ได้รับบาตรพระใส่โภชนะอันมีรสเลิศจนเต็มบาตรแล้วถวายบิณฑบาตนั้น ไหว้พระด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้วว่า
"ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ด้วยกุศลผลบุญนี้ ขอข้าพเจ้าพึงบรรลุธรรมที่ท่านบรรลุแล้วด้วยเถิด" พระเถระอนุโมทนาว่า "จงเป็นอย่างนั้นเถิด"

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" พระศาสดาตรัสในที่สุด "ผลทั้งหมดได้เกิดแก่ติสสะเพราะกรรมของเขาเอง เพราะทุบกระดูกนก จึงยังผลให้มีร่างกายเปื่อยเน่า กระดูกแตก อาหารบิณฑบาตที่ถวายแก่พระขีณาสพและอธิษฐานเพื่อธรรมยังผลให้เธอบรรลุธรรม คือพระอรหัตผล ภิกษุทั้งหลายกรรมที่บุคคลทำแล้วย่อมไม่ไร้ผล"

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Pukky

Posts: 4 topics
Joined: 1/4/2553

ความคิดเห็นที่ 8  « on 11/5/2554 7:26:00 IP : 158.34.240.21 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 

พระพุทธองค์ทรงแสดงคุณสมบัติของคนไข้ที่พยาบาลได้ง่าย ๕ คือ

๑.  ทำความสบาย

๒.  รู้ประมาณในความสบาย

๓.  ฉันยา

๔.  บอกอาการไข้ตามเป็นจริง

๕.  อดทนต่อความรู้สึกทางกายที่เกิดขึ้น

ทรงตรัสคุณสมบัติของคนไข้ที่พยาบาลได้ยาก มีนัยตรงกันข้ามกับคนไข้ที่พยาบาลได้ง่าย และตรัสองค์ของผู้ควรพยาบาลภิกษุไข้ ๕ คือ

๑.  สามารถจัดยา

๒.  รู้จักของแสลงและไม่แสลง

๓.  ไม่พยาบาลเพราะเห็นแก่อามิส มีจิตเมตตา

๔.  ไม่รังเกียจที่จะนำอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลายของที่อาเจียนไปเททิ้ง

๕.  สามารถพูดให้เห็นชัด รับไปปฏิบัติ เร้าใจให้กล้า ปลอบให้สดชื่น

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 9  « on 11/5/2554 7:28:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 


รูปแบบพระพุทธรูปปางพยาบาลภิกษุอาพาธที่นิยมสร้างกัน

ขอบคุณและอนุโมทนากับคุณ Aimee ด้วยครับ ที่ค้นคว้าเรื่องราวของพระติสสะผู้มีกายเน่ามาเล่าสู่กันฟัง นึกแล้วก็กลัวเวรกรรมแทนผู้ที่มีอาชีพค้าชีวิตสัตว์ 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 10  « on 11/5/2554 7:34:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: พระปางอะไร ใครรู้บ้าง
 
Pukky Talk:

พระพุทธองค์ทรงแสดงคุณสมบัติของคนไข้ที่พยาบาลได้ง่าย ๕ คือ

๑.  ทำความสบาย

๒.  รู้ประมาณในความสบาย

๓.  ฉันยา

๔.  บอกอาการไข้ตามเป็นจริง

๕.  อดทนต่อความรู้สึกทางกายที่เกิดขึ้น

ทรงตรัสคุณสมบัติของคนไข้ที่พยาบาลได้ยาก มีนัยตรงกันข้ามกับคนไข้ที่พยาบาลได้ง่าย และตรัสองค์ของผู้ควรพยาบาลภิกษุไข้ ๕ คือ

๑.  สามารถจัดยา

๒.  รู้จักของแสลงและไม่แสลง

๓.  ไม่พยาบาลเพราะเห็นแก่อามิส มีจิตเมตตา

๔.  ไม่รังเกียจที่จะนำอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลายของที่อาเจียนไปเททิ้ง

๕.  สามารถพูดให้เห็นชัด รับไปปฏิบัติ เร้าใจให้กล้า ปลอบให้สดชื่น



พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไว้ครบถ้วนสมบูรณ์จริง ๆ ครับ ขอบคุณคุณ Pukky ที่ยกข้อความสำคัญนี้มาให้ได้รับทราบกัน ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยผ่านตา 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 4 Visits: 16,733,980 Today: 915 PageView/Month: 37,452