รู้จักหลวงปู่ดู่ใน ๕ นาที
เพื่อให้ผู้ที่ต้องการรู้จักหลวงปู่ดู่ในภาพรวมโดยใช้เวลาอันสั้น ก่อนที่จะเข้าไปศึกษาชีวประวัติและคำสอนโดยละเอียดของท่านจากหนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ในภายหลัง โดยสรุปย่ออยู่ภายใต้ ๒ หัวข้อ คือ ๑. หลวงปู่ดู่คือใคร และ ๒. ปฏิปทาการสอนของท่านเป็นอย่างไร
๑. หลวงปู่ดู่คือใคร
· หลวงปู่ท่านมีชื่อทางโลกว่า “ดู่” มีฉายาทางพระว่า“พรหมปัญโญ“ ท่านเป็นคนจังหวัดอยุธยาโดยกำเนิด เมื่ออุปสมบทแล้ว แทบจะตลอดชีวิตของท่าน ท่านจำพรรษาอยู่แต่ที่วัดสะแก อยุธยา กระทั่งมรณภาพ ท่านมีอายุอยู่ในช่วง พ.ศ. ๒๔๔๗ – ๒๕๓๓ (อายุ ๘๖ ปี) ซึ่งพระเถระที่ร่วมสมัยกับท่านก็ได้แก่ลูกศิษย์ชั้นต้นของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถร เช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น และหลวงปู่สิม เป็นต้น
· หลวงปู่มีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ สมส่วน (ไม่อ้วน ไม่ผอม) และจัดว่าเป็นพระเถระที่มีผิวพรรณผ่องใสมาก ท่านมีอารมณ์แจ่มใส มีอารมณ์ขัน รวมทั้งมีปฏิสันถารที่ดีกับผู้ที่ไปนมัสการท่านทุกชนชั้นเสมอหน้ากันหมด
· หลวงปู่ท่านเป็นสุดยอดของผู้มีขันติ ท่านนั่งบนไม้กระดานแข็ง ๆ สงเคราะห์และสอนธรรมญาติโยมทุกวันตั้งแต่เช้ามืดกระทั่งดึกดื่นโดยไม่เคยปริปากบ่น นอกจากนี้ท่านเป็นภิกษุที่มักน้อยสันโดษในปัจจัย ๔ อย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังไม่นิยมงานก่อสร้างใด ๆ ปัจจัยที่คนทำบุญกับท่าน ท่านให้ลูกศิษย์รวบรวมส่งเข้าเป็นกองกลางของวัดทุกวัน
· หลวงปู่ไม่ใช่พระเกจิ เพราะท่านไม่เคยเดินสายไปงานพุทธาภิเษกที่นั่นที่นี่ จะมีสงเคราะห์ให้ก็เฉพาะที่กุฏิท่าน เพราะท่านกล่าวว่าดีกว่าสวดมนต์ทิ้งเปล่า ๆ อีกทั้งท่านยังสร้างพระไม่เหมือนใคร คือ เอาไว้กำนั่งสมาธิให้จิตรวมได้เร็วขึ้น
|
 |
|

|
๒. ปฏิปทาการสอนของท่านเป็นอย่างไร
· หลวงปู่สอนเน้นหนักในการปฏิบัติตามแบบของพระพุทธเจ้าคือหลักแห่งศีล สมาธิ และปัญญา ท่านไม่เคยพูดถึงแนวทางการปฏิบัติแหวกแนวอะไรในทำนองทางลัดตรง หรือธรรมะนอกพระไตรปิฎก เพราะท่านสอนให้กตัญญูและซื่อตรงต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
· หลวงปู่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และระมัดระวังในเรื่องการอวดอุตริมนุษธรรม ไม่ว่าจะเป็นการรู้การเห็นภายใน หรือการรู้วาระจิต ภูมิจิตภูมิธรรมเหล่านี้ของท่าน ลูกศิษย์ต้องสังเกตเอาเอง เพราะท่านจะใช้อย่างแนบเนียนมาก นอกจากนี้ท่านยังเน้นการสอนด้วยการทำให้ดู มากกว่าคำพูดคำสอน
· หลวงปู่สอนให้ปฏิบัติเพื่อให้มีตัวเองเป็นที่พึ่ง ท่านไม่ให้ติดตัวครูอาจารย์หรือตัวท่าน แต่ให้ติดที่หลักการหรือแก่นของพระศาสนาแทน คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (หมายถึงพุทธัง ธัมมัง สังฆังฯ ที่เป็นภาพรวมหรือที่เป็นตัวสภาวะ) ในทางตรงกันข้าม ท่านก็แสดงให้เห็นด้วยเช่นกันว่าแม้ตัวท่านก็ไม่ยึดติดในตัวศิษย์
· คำสอนที่หลวงปู่พูดสอนบ่อยครั้ง คือ “ของดีอยู่ที่ตัวเรา ของไม่ดีก็อยู่ที่ตัวเรา ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต” และ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย เน้อ (ให้พากันพิจารณา)” รวมทั้ง “ภาวนาให้ได้ทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน (ไม่มีเวลาเริ่ม เวลาเลิก”
|
|
|