luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   วิธีแก้กิเลสเป็นอย่างนี้ ...หลวงตามหาบัว  (Read: 8714 times - Reply: 4 comments)   
eka.

Posts: 26 topics
Joined: 30/5/2554

วิธีแก้กิเลสเป็นอย่างนี้ ...หลวงตามหาบัว
« Thread Started on 3/6/2554 16:57:00 IP : 58.11.81.125 »
 
โดย หลวงตามหาบัว เข้าสู่แดนนิพพาน: ยอมตายกับความเพียร - เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด วันที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑

--------------------------------------------------------------------------------

 เพียงมีศีลแล้วสมาธิจะเกิดเอง มีสมาธิแล้วปัญญาจะเกิดเองดังนี้... แม้จนวันตายก็ไม่เกิด อย่าพากันนั่งคอยนอนคอยแบบลมๆ แล้งๆ ทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญาต้องทำให้เกิดทั้งสิ้นจึงจะเกิดมี ถ้าไม่นำไปใช้ก็ไม่เกิดผลอะไร เช่น มีด ขวาน หรือเครื่องมือต่างๆ ที่นำมาใช้งาน ถ้าไม่เอามาใช้งาน มีดก็เป็นมีด ขวานก็เป็นขวาน สิ่วก็เป็นสิ่ว กบก็เป็นกบ เลื่อยเป็นเลื่อยอยู่อย่างนั้น ไม่สำเร็จเป็นงานชิ้นนั้นๆ ขึ้นมาได้โดยลำพังเลย  นี่สมาธิก็อยู่อย่างนั้น ถ้ามีศีลแล้วไม่ทำสมาธิให้เกิดด้วยจิตตภาวนา สมาธิก็ไม่เกิด อยากจะให้สมาธิเกิดต้องทำภาวนา เมื่อภาวนาขึ้นเป็นสมาธิแล้ว ถ้าอยากให้ปัญญาเกิดต้องคิดค้นทางด้านปัญญา ปัญญาถึงจะเกิด  ไม่ใช่สมาธิจะไปหนุนให้ปัญญาเกิดได้เอง เมื่อมีสมาธิแล้วก็หมุนตัวไปเรื่อยๆ เป็นปัญญาเลย ปัญญาก็หมุนตัวไปให้จิตหลุดพ้นเลย แต่นี้ตามความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น 

ความจริงก็คือ

ศีลต้องทำให้เกิด คือรักษาศีล  

สมาธิต้องทำให้เกิด

 

เมื่อทำสมาธิ พอจิตมีความสงบร่มเย็นบ้าง ไม่หิวโหยในอารมณ์อะไรมากไปเหมือนแต่ก่อนที่ไม่เคยได้สมาธิ

แล้วก็นำจิตนั้นออกพิจารณาในแง่ต่างๆ ของธาตุของขันธ์ จิตที่ไม่หิวโหยก็ตั้งหน้าทำงานให้เรา เมื่อทำงานก็เกิดปัญญาขึ้นมา เกิดความรู้แจ้งในแง่นั้นแง่นี้ขึ้นมาเรื่อยๆ เริ่มเห็นผลไปโดยลำดับ รู้ตรงไหนหายสงสัยตรงนั้น  

ปัญญาก็ค่อยเขยิบตัวขึ้นไปๆ ตั้งแต่ปัญญาขั้นหยาบๆ เรื่อยไป

จนกระทั่งปัญญาขั้นกลาง แล้วก็กลายเป็นปัญญาขั้นละเอียดไปโดยลำดับๆ

และแก้กิเลสที่พัวพันอยู่ภายในจิตไปโดยลำดับเช่นกัน

ปัญญาทั้งสามขั้นคือ ปัญญาขั้นหยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด และขั้นละเอียดสุดสมกับกิเลสที่ละเอียดสุดได้แก่ อวิชชา

เมื่อพอเหมาะพอสมกันแล้วเป็นมัชฌิมา มัชฌิมานี้หมุนตัวเข้าไปตรงไหน กิเลสพังทลายลงไปไม่มีอะไรเหลือ

นั่นวิธีแก้กิเลสเป็นอย่างนี้ ให้พากันเข้าใจ

อย่าเข้าใจว่าสมาธิจะเป็นปัญญา ปัญญาจะแก้กิเลสทั้งหลายไปโดยถ่ายเดียว

ต้องนำไปใช้เหมือนเครื่องมือจึงจะเป็นปัญญาขึ้นมาตามลำดับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: วิธีแก้กิเลสเป็นอย่างนี้ ...หลวงตามหาบัว
จำนวนข้อความทั้งหมด:  1
1
แสดงความคิดเห็น
รณธรรม

Posts: 2 topics
Joined: 7/11/2552

ความคิดเห็นที่ 1  « on 8/6/2554 16:03:00 IP : 223.204.117.202 »   
Re: วิธีแก้กิเลสเป็นอย่างนี้ ...หลวงตามหาบัว
 
อนุโมทนาขอรับที่เมตตาแจกธรรมสม่ำเสมอ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 14 Visits: 16,688,300 Today: 1,531 PageView/Month: 69,849