เรื่องลึกลับ มักเป็นของคู่กันกับเรื่องของการปฏิบัติ ยิ่งน่ากลัว ก็ยิ่งดึงความสนใจได้มาก
วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี แถวอำเภอโพธาราม สถานที่ของวัดหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านได้แบ่งสัดส่วนและวางผังสถานที่ภาวนาได้อย่างร่มรื่น แยกกุฏิปฏิบัติที่เป็นหญิงและชายอย่างชัดเจนด้วยแนวถนนของหมู่บ้านและไม่ให้ไปปะปนกัน อย่างเด็ดขาด ทุกคนที่มาต้องปฏิบัติตามกฎของวัด
และเรื่องนี้ เกิดขึ้นในฝั่งของผู้หญิง กุฏิของวัดได้ต้อนรับผู้มาปฏิบัติคนแล้ว คนเล่า บางท่านมาแล้ว ไม่พบเรื่องที่น่าสงสัยอะไร แต่สำหรับท่านที่ไปปฏิบัติที่กุฏิหลังหนึ่ง แถวริมกำแพง มักตกใจในยามคำคืนดึก ๆ จากเสียงดัง “ปัง”บริเวณข้างฝากุฏิจนสะดุ้งตื่นแต่มองไปหรือออกไปดูกลับไม่มีอะไร แต่พอจะหลับต่อก็ดัง “ปัง”อีก
ความคิดคงคิดว่า มาคราวนี้เจอดีซะแล้ว รุ่งเช้ามาเป็นเรื่องเล่าให้แซดว่า กุฏินี้ ผีดุ มาทุบข้างฝาจากรายที่ 1 มาเป็นรายที่ 2 เรื่องเริ่มหนาหูขึ้น
ผู้ดูแลเป็นหญิงที่ทางวัดให้เป็นผู้ประสานงานกับผู้ปฏิบัติธรรมที่มาขอพัก ได้ยินและเพื่อระงับเรื่องไม่ให้ร่ำลือกันไป คืนหนึ่งได้ตัดสินใจพิสูจน์ความจริงที่เกิดขึ้น
เข้าไปพักในกุฏิเจ้าปัญหา
ดู...สิ่งที่ว่านั้น จะเป็นอะไรแน่ ?
“ปัง” เหมือนเจ้าที่ ได้รู้ ได้เห็น การท้าทายที่จะพิสูจน์ของเธอ จึงท้าทายโต้ตอบเช่นกัน
มือเร็วเท่าความคิด เธอรีบคว้าไฟฉาย ผลุนผ่านประตู ออกไปนอกห้องอย่างองอาจ พร้อมที่จะเผชิญสิ่งที่จะมาแสดงตนทันที
ฉาดไฟฉาย ความสว่างส่องไปที่จุดข้างฝาของต้นเสียง สิ่งที่เห็น....ชัดเจนในสายตา
“ดวงตา โปนโต ผิวเหลืองซีด ขายาวเก้งก้าง นิ้วเท้าแต่ละนิ้ว ล้วนยาวไม่สมส่วน แถมมีผังผืดเป็นแพเหมือนใบพาย กำลังไต่คลาน ไปตามข้างฝา”
เสียงหัวใจแทบหยุดเต้นโครมคราม พร้อมอุทานในใจตามมา อย่างแผ่วเบา
“โธ่ เจ้าปาดน้อย..........”
สิ่งน่ากลัวแสดงตนกลับเป็นเจ้าปาดน้อยตัวหนึ่งที่ออกมาหากินในยามค่ำคืน
เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ..อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา..(เกี่ยวกันไหมนี่)
เก็บมาเล่า เค้าโครงจากเรื่องจริงแต่งเติมบ้างตามความเหมาะสมเพื่อความบันเทิง
อุบล
|