luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ความตายไม่มีป้ายบอก  (Read: 51114 times - Reply: 46 comments)   
เพียงดิน

Posts: 156 topics
Joined: 13/9/2553

ความตายไม่มีป้ายบอก
« Thread Started on 24/10/2555 10:53:00 IP : 158.34.240.20 »
 

บางส่วนของพระธรรมเทศนา หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

....เราทุกคนควรพิจารณาให้รู้ว่า อันวันคืนเดือนปีที่หมดไปนั้น

แท้จริงอายุหรือชีวิตของคนเราทุกคนก็ได้หมดตามไปด้วย

และผลที่สุดเราทุกคนก็จะต้องตายด้วยกันทุกคน

ดังนั้นเราจึงไม่ควรประมาท

 

ถ้าหากมีบุคคลใดตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนก็ตาม

ตามธรรมเนียมประเพณีก็มักจะนิมนต์พระมาสวด ทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตาย

ไปเผาหรือไม่ก็ไปฝัง แต่เราทุกคนที่ไปร่วมงานก็มิได้นำมาพิจารณาสอนใจตัวเอง

ให้รู้สึกตัวเสียทีว่าที่เราทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้นั้น

แท้ที่จริงแล้ว เราทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันตายต่างหาก

ไม่ใช่รอความสุขต่าง ๆ ตามที่คนเราทั่วไปเข้าใจกัน

 

อันความตายเมื่อมาถึงแก่บุคคลผู้ใดแล้ว

บุคคลผู้นั้นก็จะไม่มีโอกาสสั่งหรือบอกลาแก่ผู้ใดด้วย

เพราะความตายไม่มีป้ายบอกว่าจะมาถึงแก่บุคคลเมื่อใด

ความตายมีโอกาสเกิดขึ้นแก่บุคคลเราได้ตลอดเวลา

ยิ่งสมัยปัจจุบันนี้ ความตายที่เกิดจากอุบัติเหตุทันทีทันใดยิ่งมีมากขึ้นทุกวัน

เช่น คนที่ตายจากเครื่องบินตก คนที่ตายจากเรืออับปาง

หรือคนที่ตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นต้น

 

นี่แหละวันคืนเดือนปีที่ผ่าน ๆ ไปนั้น

ชีวิตของคนเราทุกคนมันก็หมดไป สิ้นไปด้วยเช่นกัน

เราทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ อย่าได้เข้าใจว่าเราจะสุขสบายมีอายุยืนยาว

แต่แท้ที่จริงแล้ว เราทุกคนอาจตายได้ทุกเวลา

แล้วจะมาคิดเอาเองว่าเรายังไม่ใกล้ตาย จึงเป็นการคิดที่ประมาทอยู่

เราทุกคนยืนอยู่ ก็ยืนรอวันตาย

เราทุกคนเดินอยู่ ก็เดินรอวันตาย

เราทุกคนนอนอยู่ ก็นอนรอวันตาย

ผลที่สุดเราทุกคนก็ต้องตายแน่นอน

นี่แหละเราทุกคนอย่าได้เป็นผู้ประมาทอีกต่อไป

 

จงเตือนตนให้รีบเร่งปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา

ให้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วอายุหรือชีวิตของคนเรามันหมดสิ้นไป

 

อันเรื่องความตายนี้ พระพุทธเจ้าท่านได้เปรียบไว้ว่า

อุปมาเหมือนไฟป่าที่ไหม้ลามมาจากทิศทั้ง ๔

ถ้าสัตว์ตัวใดที่หนีไม่ทันก็ต้องถูกไฟคลอกตายก่อน

และในที่สุดสัตว์ทุกตัวก็ต้องถูกไฟคลอกตายตามลำดับ จนหมดสิ้น

ด้วยเหตุนี้เราทุกคนจึงควรรีบเร่งปฏิบัติภาวนา

จนมองเห็นภัยอันตรายมีอยู่รอบด้าน

ที่เราทุกคนอยู่มาทุกวันนี้ ความจริงแล้วมิใช่เราสุขสบายดีนะ

ถ้าหากเราได้ภาวนา พิจารณาดูแล้วเห็นตามความจริงว่า

ความตายของคนเรานั้น มันเคลื่อนใกล้เข้ามาหาทุกคนอยู่ทุกขณะ

ดังนั้นการที่เราจะมาพอใจกับความสบายเล็กน้อย จึงเป็นการที่ไม่ถูกต้อง

 

ถ้าหากความเจ็บไข้เป็นโรค มาถึงแก่คนใดเมื่อใด

ก็มักจะทำให้คนเราที่ป่วยนั้น จิตใจเกิดความท้อแท้ อ่อนแอ บ่น ร้องไห้

และเมื่อโรคดังกล่าวเป็นมากขึ้น ผู้ป่วยนั้นมักจะต้องถูกนำไปรักษาที่โรงพยาบาล

อันโรงพยาบาลนั้น คนเราทั่วไปก็มักจะเข้าใจว่า

เมื่อเจ็บป่วยแล้วเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โรคดังกล่าวก็จะหาย

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะถ้าหากถึงเวลาที่จะต้องตายแล้ว

โรงพยาบาลก็ช่วยแก้ไขอะไรไมได้

เพราะแม้แต่ตัวของหมอหรือแพทย์ที่รักษาเอง ก็ยังจะต้องตายด้วยเช่นกัน

นี่แหละคนเราที่เจ็บป่วย แทนที่จะไปหายที่โรงพยาบาล

แต่ต้องกลับไปตายอยู่ที่โรงพยาบาลก็มีมาก

 

ดังนั้นคนเราทุกคนจงมาปฏิบัติภาวนา มานึกถึงความตาย

เพื่อที่จะได้เตือนจิตของเราอย่าได้ประมาท

การที่เราต้องมาเกิดแก่เจ็บตาย ก็เพราะตัวจิตของเรายังไม่รู้แจ้งนั่นเอง

ดังนั้นคนเราทุกคนต้องมาปฏิบัติภาวนา

เพื่อให้จิตของเราเกิดความรู้แจ้งขึ้นมาในจิตของเราเอง

ฉะนั้นธรรมเทศนาที่กล่าวมานี้

ขอให้เราทุกคนมองให้เห็นความจริงที่ว่าอายุหรือชีวิตของคนเรา มันหมดสิ้นไปตามวันคืนเดือนปี

 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ความตายไม่มีป้ายบอก
จำนวนข้อความทั้งหมด:  14
1
2
>
แสดงความคิดเห็น
sitachack

Posts: 0 topics
Joined: 13/10/2555

ความคิดเห็นที่ 1  « on 24/10/2555 17:47:00 IP : 58.8.32.68 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 

สาธุ... อนุโมทามิ  ขอให้ไม่หลงลืมความตาย

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
yingka

Posts: 50 topics
Joined: 9/11/2552

ความคิดเห็นที่ 2  « on 24/10/2555 19:02:00 IP : 124.122.75.198 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 

สาธุ...เห็นข้อดีของการเจ็บป่วยคือช่วยเตือนเราให้ระลึกถึงความตายไว้เสมอ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 3  « on 26/10/2555 7:48:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 


รัฐปาลสูตรกล่าวไว้มีใจความว่า

โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำไป ไม่ยั่งยืน

โลกคือหมู่สัตว์ซึ่งล้วนต้องเจ็บต้องตาย ไม่มีใครต้านทานได้

โลกคือหมู่สัตว์ซึ่งล้วนไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป

โลกคือหมู่สัตว์ซึ่งพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่มจักพอ เป็นทาสของตัณหา

 

เมื่อเราศึกษาธรรม คงได้สัมผัสว่าการระลึกถึงความตายนั้น มีตั้งแต่ระลึกแล้วเกิดความเศร้าหมอง เพราะเหตุไม่อยากให้ต้องพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก

พัฒนาการต่อมาก็คือ ระลึกถึงความตายแล้วเกิดความไม่ประมาท กิจอันใดจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและคนอื่นที่พอทำได้ก็ขวนขวายทำ แต่ใจยังไม่พร้อมรับต่อความตายหากจะต้องมาเผชิญเฉพาะหน้า

เป้าหมายสูงสุดคือ "ตายเสียก่อนตาย" หรือ "ตายอย่างผู้มีชัย" หากทำได้ย่อมไม่มีใครตาย เพราะเหลือแต่กระแสแห่งเหตุปัจจัยที่ไหลไป ๆ ไม่มีเหตุที่จะทำให้จิตต้องเศร้าหมอง ใครทำได้แล้วมาแนะนำลุงสิทธิ์ด้วยนะครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 4  « on 26/10/2555 8:46:00 IP : 119.160.210.74 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 
สิทธิ์ Talk:

รัฐปาลสูตรกล่าวไว้มีใจความว่า

โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำไป ไม่ยั่งยืน...



ขอบพระคุณ คุณลุงสิทธิ์ที่นำธรรม
มาช่วยเตือนเราให้ไม่ประมาทครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ผีเสื้อตัวน้อย

Posts: 1 topics
Joined: 18/3/2555

ความคิดเห็นที่ 5  « on 26/10/2555 9:12:00 IP : 27.130.60.134 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 
ขอน้อมรับพรอันสุงสุดจากคุณเมธาค่ะ. และน้อมนำคำสอนของครูอาจารย์ไปฝึกปฏิบัติ ให้นึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออกค่ะ
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ไก่ในสุ่ม

Posts: 2 topics
Joined: 6/11/2552

ความคิดเห็นที่ 6  « on 26/10/2555 10:57:00 IP : 203.147.7.22 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 

สาธุครับ ขออนุโมทนาครับ 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
น้อง

Posts: 5 topics
Joined: 17/3/2554

ความคิดเห็นที่ 7  « on 26/10/2555 11:37:00 IP : 124.122.173.142 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 
ตายเล็กแทบทุกคืน บางคนได้แถมตายเล็กตอนกลางวัน ประมาทคือตัวตาย ความตายไม่มีป้ายบอก ความตายเป็นของเที่ยง ขอบพระคุณครูและคุณเพียงดิน ในเวลาก่อนเที่ยงค่ะ ครูคะมีเขาชื่อเขาตาเที่ยง น่าจะเที่ยงตรง ในหนึ่งวันมี86400วินาฑี มี2วินาฑี=0.0323%ที่สมมุติเรียกว่าเที่ยงวัน เที่ยงคืน เห็นสิ่งไม่เป็นสาระว่ามีสาระตามเคย อยากบอกว่าเวลาเป็นของมีค่า โกรธไป1นาฑีเสียเวลาดูจิตไปตั้ง60วินาฑี
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
รพินทร์

Posts: 3 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 8  « on 26/10/2555 12:09:00 IP : 61.90.55.57 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 

      ภิกษุทั้งหลาย กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัปนั้นว่าเท่านี้ปี เท่านี้ร้อยปี เท่านี้พันปี เท่านี้แสนปีฯ

      ภิกษุทั้งหลายเหมือนอย่างว่า ภูเขาหินลูกใหญ่ยาวโยชน์หนึ่ง กว้างโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าแคว้นกาสี(ผ้าเนื้อปราณีต)มาแล้วปัดภูเขานั้น ๑๐๐ ปีต่อครั้ง ภูเขาหินลูกใหญ่นั้น พึงถึงการหมดไปสิ้นไป เพราะความพยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงการหมดสิ้นไป กัปหนึ่งนานอย่างนี้แล

      บรรดากัปที่นานอย่างนี้ พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้ว มิใช่หนึ่งกัป มิใช่ร้อยกัป มิใช่พันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสังสารนี้ กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ

      ภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียว เพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้นดังนี้ฯ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 9  « on 26/10/2555 12:41:00 IP : 119.160.210.74 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 
น้อง Talk:

ตายเล็กแทบทุกคืน บางคนได้แถมตายเล็กตอนกลางวัน ประมาทคือตัวตาย ความตายไม่มีป้ายบอก ความตายเป็นของเที่ยง ขอบพระคุณครูและคุณเพียงดิน ในเวลาก่อนเที่ยงค่ะ ครูคะมีเขาชื่อเขาตาเที่ยง น่าจะเที่ยงตรง ในหนึ่งวันมี86400วินาฑี มี2วินาฑี=0.0323%ที่สมมุติเรียกว่าเที่ยงวัน เที่ยงคืน เห็นสิ่งไม่เป็นสาระว่ามีสาระตามเคย อยากบอกว่าเวลาเป็นของมีค่า โกรธไป1นาฑีเสียเวลาดูจิตไปตั้ง 60วินาฑี


อ่านเรื่องตายเล็กตายใหญ่ กี่ครั้งๆ ก็ไม่เบื่อ
6 บรรทัดของป้าน้อง = ของจริง
60 วินาทีที่ได้อ่าน = เบิกบานในธรรม
600 นาที =  มีเวลาหายใจ ยังไม่ตายใหญ่ตายเล็ก
คิดแบบเด็กๆ แต่ทำแบบผู้ใหญ่
คิดแบบผู้ใหญ่ ก็ใช่เลย ๆ ธรรมปีติ ๆ ๆ ...

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
metha

Posts: 127 topics
Joined: 9/12/2552

ความคิดเห็นที่ 10  « on 30/10/2555 10:22:00 IP : 119.160.210.74 »   
Re: ความตายไม่มีป้ายบอก
 

DEAD END + เครื่องหมาย Infinity
= วัฏสงสาร

นึกถึงป้าน้อง อันดับแรก
นึกถึงฟักทองผ่าซีก อันดับสอง
แล้วนึกถึงโลกุตตระที่หน้าศูนย์ประชุมสิริกิติย์

คุณsupa มาพาให้ไก่ ไม่อยากอยู่สุ่ม!!!


 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
2
>
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 3 Visits: 16,690,120 Today: 7 PageView/Month: 71,690