เมื่อปวารณาตัวก็ขอถือโอกาสนี้ชี้แจงซะเลยนะครับ ว่า "นะโม โพธิสัตโต พรหมปัญโญ" นั้นไม่ใช่คำอาราธนาที่หลวงปู่บัญญัติ เป็นแต่ลูกศิษย์ชั้นหลังได้มาบัญญัติใหม่จนเกิดความสับสนเพราะต่างจากของเดิมที่ศิษย์สมัยท่านจำนวนมากได้พากันระลึกจดจำ (ซึ่งไม่มีคำว่า "โพธิสัตโต")
จริง ๆ แล้ว หากว่าโดยความหมายแล้วก็ไม่เสียหายอะไร ประเด็นสำคัญกลับอยู่ที่ว่า "เรากล้าที่จะบัญญัติให้ต่างจากสิ่งที่หลวงปู่บัญญัติ" เชียวหรือ
ถ้ากล้าในเรื่องหนึ่ง ก็มีแนวโน้มที่จะกล้าในเรื่องที่สองที่สาม แล้วถ้ากล้าไปเติมอะไร ๆ เข้าไปในโอวาทธรรมของหลวงปู่เล่า ผลจะเป็นอย่างไร (ซึ่งก็เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว)
ที่พระสูตรของมหายานบางนิกายไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ ก็เพราะเหตุทำนองเดียวกันนี้แหละ เขาอยากจะแต่งพระสูตรขึ้นใหม่ เขาก็ว่าเอาเองเลยว่า "ดูก่อน อานนท์ ....." บรรยายเหมือนจำลองตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าเลย กระทั่งเป็นเหตุให้เกิดการสังคายนาพระไตรปิฎกหลายครั้งหลายหน โชคดีที่ทางเถรวาทยึดหลักอนุรักษ์นิยม ทำให้คงรักษาพุทธวจนะเดิมไว้ได้สมบูรณ์ที่สุด
วกมาเรื่องคำว่า "โพธิสัตโต" ข้างต้นนั้น ย่อมขัดกับปฏิปทาหลวงปู่ ซึ่งเป็นพระที่ผู้อ่อนน้อมถ่อมตน จึงเป็นไปไม่ได้ที่หลวงปู่จะไปเที่ยวบอกใคร ๆ ว่าฉันเป็นพระโพธิสัตว์นะ แล้วท่านก็จะไม่ตีเสมอครูอาจารย์และพระพุทธเจ้าเด็ดขาด
ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ช่วยกันรักษาของเดิมของหลวงปู่ไว้จะดีกว่า โดยไม่ทำโอวาทหรือสิ่งที่หลวงปู่บัญญัติต้องคลาดเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นกรณีเติมแทรกเข้าไป หรือตัดทอนออก เช่น หลวงปู่สอนว่า "ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต" หากเราไปตัดทอนเหลือเพียงว่าหลวงปู่สอน "ให้หมั่นดูจิต" เท่านี้ก็คลาดเคลื่อนใหญ่หลวงมาก
เพราะในหมวดธรรมต่าง ๆ ต้องมีเรื่องปัญญากำกับเสมอจึงจะไม่ผิดทาง
หมวดอิทธิบาทสี่ก็ต้องมีวิมังสา หมวดพรหมวิหารสี่ก็ต้องมีอุเบกขา หมวดพละห้าก็ต้องมีปัญญา เป็นต้น แม้ในหมวดดูจิตนี้ก็ต้องมี "รักษาจิต" อันเป็นการทำงานของปัญญาที่จะข่มจิตในยามที่ควรข่ม ประคองจิตในยามที่ควรประคองจิต ปลุกปลอบจิตในยามที่ควรปลุกปลอบหรือให้กำลังใจ และวางเฉยในยามที่ควรวางเฉย เป็นต้น
ถ้าไม่มีปัญญากำกับจะเป็นอย่างไร
อิทธิบาทสี่ที่ขาดวิมังสา โน่นจะไปทางเหนือกลับวิ่งลงใต้เต็มกำลัง
พรหมวิหารสี่ที่ขาดอุเบกเขา เป็นโทษหลายอย่าง เช่นเมตตาคนอื่นจนพาครอบครัวล่มจมไปด้วย หรือไม่ก็สงเคราะห์คนพาลจนชีวิตมีแต่เรื่องเดือดร้อน
ดูจิตแต่ขาดการรักษาจิต มันก็ไม่ได้ผลงาน ไม่ได้การชำระจิต ดูจิตดูอารมณ์อยู่ มันก็ลากเราไปต่อหน้าต่อตา ถ้าขาดการรักษาจิต
ยกเหตุที่คุณ ronram อ้างอิงถึง "โพธิสัตโต" ที่ผมเชื่อเหลือเกินว่าคุณ ronram ก็คงไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นสิ่งที่บัญญัติเพิ่มจากสิ่งที่หลวงปู่บัญญัติ ดังนั้น ไม่เป็นไรครับ ความไม่รู้ย่อมมาก่อนความรู้ เมื่อรู้แล้วจะได้ช่วยกันรักษาของเดิม
เพราะการรักษาของเดิมก็คือ "การเคารพเอื้อเฟื้อต่อธรรม" หมายความว่าเราจะไม่ไปบัญญัติเพิ่ม และไม่ไปตัดทอน ไม่ว่าคำของพระพุทธเจ้า หรือคำของครูบาอาจารย์ หากจะเขียนเสริมก็ให้ชัดเจนว่าส่วนนี้เป็นความเห็นเพิ่มเติมของผู้เขียน จึงจะเหมาะควร
เขียนไปเขียนมาชักจะยาว ยังไงก็ยินดีที่มีสมาชิกใหม่เข้ามาในเรือนธรรมแห่งนี้ และหวังให้ได้ประโยชน์ตนกันทุก ๆ คน
ขอบารมีหลวงปู่จงนำทางให้พวกเราทุกคนตั้งอยู่ในสัมมาทิฏฐิ และสัมมาปฏิบัติตลอดทุกภพทุกชาติตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน |