ในบรรดาคำถามต่าง ๆ นั้น หากพิจารณาให้ดี ส่วนใหญ่มักเป็นคำถามที่ไม่รู้จบ
แต่ก็มีคำถามบางคำถามที่พลิกชีวิตคนเราได้ และเป็นคำถามที่นำไปสู่การจบคำถามทั้งมวลได้ นั่นได้แก่คำถามที่ว่า เกิดมาทำไม? ชีวิตคืออะไร? ความสุขที่แท้จริงคืออะไร อยู่ที่ไหน? ฯลฯ ...มันเป็นคำถามที่ใคร ๆ จะให้คำตอบสำเร็จรูปมิได้ และไม่มีวันที่จะ "ถึงใจ" เจ้าของ จนกว่าผู้ถามจะได้คำตอบให้กับตัวเอง ซึ่งอาจกินเวลาทั้งชาติหรือหลายชาติ
มีพระสุปฏิปันโนจำนวนมากต่อมากที่ท่านหันเหเข้าหาร่มกาสาวพัสตร์ก็เพราะคำถามที่เกิดในใจท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามที่ว่า "เกิดมาทำไม?"
พิจารณาชีวิตหลวงปู่สิครับ ท่านกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ท่านชอบนั่งใต้ต้นไม้ทอดสายตาไปในท้องทุ่ง ผมเชื่อเหลือเกินว่าคำถามที่เกิดขึ้นในใจท่านที่ว่าเกิดมาทำไม ๆ ๆ นั้น จะดังกังวาลในใจหลวงปู่ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง
ผมเคยนั่งสนทนาและรับทราบเรื่องราวของพระต่างชาติที่อยู่ที่วัดป่านานาชาติ เป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ แปลกจนปรกติ นั่นก็คือ พระทุกรูปที่ผมคุยด้วยต่างบอกว่าท่านมาบวชเป็นพระได้ก็เพราะท่านเกิดคำถามในใจขึ้นว่า "เกิดมาทำไม?" ตรงกันหมดทุกรูป จึงว่าแปลกจนปรกติ
ในขณะที่ธรรมะผลักดันให้เราถามตัวเองเนือง ๆ ว่า "เกิดมาทำไม ๆ ๆ" แต่อธรรมเพราะความเสพคุ้นในวัฏสงสาร มันก็คอยผลักดันให้เราลืมคำถามที่ว่านั้น โดยชวนเราให้เผลอเพลินไปกับเรื่องโลก ๆ อย่างที่หลวงปู่ท่านอุปมาว่า "โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม" ท่านให้กลับมาไล่ที่ตนเอง แก้ไขปรับปรุงตนเอง ทำอย่างนี้แล้วมีที่จบ
วิชาการทางโลก ศึกษาอย่างไร ก็ไม่สิ้นสุด เป็น ดร. แล้วก็ยังไม่จบ เรียนจนหมดอายุขัยก็เรียนไม่จบ
แต่วิชาธรรมนั้น มีที่สิ้นสุด ...โกรธ โลภ หลง หมดเมื่อไหร่ก็สิ้นสุดเมื่อนั้น เรียกว่า "อเสขะ" คือจบการศึกษาโดยบริบูรณ์
(ศึกษามาจากคำว่าสิกขา ความหมายเดิมของสิกขานั้นประกอบด้วยทั้งภาคความรู้หรือทฤษฎี และภาคปฏิบัติ)
ในบรรดาคำถามทั้งมวลนั้น จึงน่าพิจารณาในคำถามที่เกิดในใจครูบาอาจารย์ที่ว่า "เกิดมาทำไม" ไว้เป็นหนึ่งในคำถามที่ไม่ควรลืมเลือน
|