luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   การดูจิต รักษาจิต  (Read: 23608 times - Reply: 13 comments)   
watchara

Posts: 3 topics
Joined: 6/2/2553

การดูจิต รักษาจิต
« Thread Started on 23/12/2554 18:31:00 IP : 115.87.194.213 »
 

อยากเรียนถามท่านผู้รู้และพี่ๆ เรื่องการดูจิต รักษาจิตนะครับ

จิตอยู่ที่ใด เรารับรู้แล้วจะรักษาจิตนั้นได้อย่างไรครับ

ขอบพระคุณมากครับ

วัชร

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: การดูจิต รักษาจิต
จำนวนข้อความทั้งหมด:  10
1
แสดงความคิดเห็น
พลอยสวย

Posts: 16 topics
Joined: 9/10/2554

ความคิดเห็นที่ 1  « on 23/12/2554 22:01:00 IP : 125.26.94.167 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 

ตามความเข้าใจของผม  การดูจิตดูว่าขณะนั้นเรารู้สึกอย่างไร  ตามความคิดของจิต รักษาจิตน่าจะประคองจิตมิให้เฉไฉ ไถล  ออกไป  รักษาสภาพของเขา  แต่ว่าอย่างนั้นก็อาจไม่ถูกซะทีเดียวเนื่องจากธรรมชาติของจิตเขาจะต้องคิด  นึก  จึงต้องรักษาไว้กับตัว  รบกวนท่านอื่นด้วยนะครับกระผมมีความรู้น้อย  เข้าใจในแบบของตนเช่นนี้  หากผิดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
รณธรรม

Posts: 2 topics
Joined: 7/11/2552

ความคิดเห็นที่ 2  « on 23/12/2554 23:13:00 IP : 223.204.123.75 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 

ผมมีความเห็นว่า

ภาวนากำหนดที่ไหนจิตก็อยู่ที่นั่นครับ

ภาวนามาก ๆ ก็เป็นการรักษาจิตครับ

รู้ว่าตัวเองภาวนาอยู่ก็เป็นการดูจิตครับ

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 3  « on 24/12/2554 7:58:00 IP : 115.87.26.106 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 
รณธรรม Talk:

ผมมีความเห็นว่า

ภาวนากำหนดที่ไหนจิตก็อยู่ที่นั่นครับ

ภาวนามาก ๆ ก็เป็นการรักษาจิตครับ

รู้ว่าตัวเองภาวนาอยู่ก็เป็นการดูจิตครับ

 



สั้น กระชับ และถูกตรงทีเดียวครับ

เดี๋ยวเสร็จธุระ คืนนี้ค่อยเข้ามาเล่าว่าหลวงปู่เคยพูดเกี่ยวกับประเด็นฐานของจิตไว้อย่างไร

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 4  « on 24/12/2554 21:46:00 IP : 124.121.79.105 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 
watchara Talk:

จิตอยู่ที่ใด เรารับรู้แล้วจะรักษาจิตนั้นได้อย่างไรครับ

ขอบพระคุณมากครับ

วัชร



มาเล่าเรื่องฐานหรือที่ตั้งของจิตตามที่รับปากไว้ครับ

ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต หลวงปู่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับที่ตั้งของจิตยิ่งกว่าตัวจิต เท่าที่ระลึกได้ ดูเหมือนจะได้ยินได้ฟังท่านพูดเล่าเกี่ยวกับฐานของจิต (ที่ว่ามี ๙ ฐาน) เพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งท่านก็เล่าไว้พอเป็นเกร็ดความรู้ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากนัก

ต่อมาก็มีศิษย์ที่ไปบวชภาคฤดูร้อนที่สำนักปฏิบัติใหญ่แห่งหนึ่ง มาสงสัยถามหลวงปู่ว่า "จริงไหมครับว่าต้องวางจิตที่ฐานศูนย์กลางกายเท่านั้น จึงจะสำเร็จ (บรรลุธรรม)" หลวงปู่ตอบว่า "เขาสำเร็จกันที่จิต ไม่ได้สำเร็จที่ฐาน คนที่ภาวนาเป็นแล้ว จะตั้งไว้ที่ปลายนิ้วชี้ก็ยังได้"

คุณ watcha ลองนึกภาพตามนะครับ ว่าถ้าจิตของเราเป็นดั่งลิงที่อยู่ในป่ากว้าง เราต้องการจับลิงป่าตัวนี้มาอาบน้ำ ถามว่าเราสนใจที่การจับตัวลิง หรือสนใจที่ต้นไม้ที่ลิงมันจะมาเกาะ  ต้นไม้ตั้งมากมาย มันจะเกาะต้นไหนล่ะ

อย่างที่คุณรณธรรมกล่าวไว้นั่นแหละ รู้ชัดตรงไหน ตรงนั้นแหละคือ (ที่ตั้งของ) จิต ณ ขณะนั้น (ต้นไม้ที่ลิงกำลังมาเกาะ แล้วก็รอจะกระโดดไปเกาะต้นอื่นอีก)

เวลาความโกรธเกิดขึ้น เราจะมาถามหาไหมว่าตัวโกรธอยู่ตรงฐานไหน เราจะได้ไปดับหรือละตัวโกรธที่ฐานนั้น ...เปล่าเลย เรื่องฐานหรือที่ตั้งของจิตนี่ ไม่ต้องใส่ใจเลย มีแต่ว่ารู้สึกว่าไฟมันเผาใจอยู่ (ซึ่งจิตเป็นธาตุรู้ย่อมสัมผัสถึงไฟโทสะนี้ได้ชัดเจน) ก็ดับลงไปตรงดวงใจที่มันร้อนอยู่นั้น

เราใช้อุปกรณ์ในการดูจิตและรักษาจิต ดังนี้

สติและสมาธิคืออุปกรณ์ในการดูจิต อุปมาเหมือนความพยายามในการหยุดรถเพื่อจะมองดูป้ายข้างทางให้ถนัดตา

ปัญญาคืออุปกรณ์ในการรักษาจิต ถ้ายังโง่อยู่ก็จะหลงอารมณ์อยู่อย่างนั้น จนกว่าจะฉลาดต่ออารมณ์ เมื่อจิตฉลาดต่ออารมณ์ จิตก็จะไม่หลงอารมณ์ ดังนั้น จิตก็จะเข้าสู่สภาวะสงบเย็นตามเดิม (เรียกว่ารักษาจิตให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ราบเรียบ ไม่มีโกรธ โลภ หลง มาทำให้เกิดเป็นคลื่นหรือมรสุมทำร้ายใจเจ้าของอีก)

คุณ watchara ลองสังเกตดูนะครับว่าครูบาอาจารย์นักปฏิบัติสมัยก่อนไม่เห็นจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งของจิตเลย นั่นอาจเป็นเพราะท่านตระหนักดีว่าจิตเป็นเรื่องของนามธรรมที่ต้องสัมผัสด้วยใจ แต่คนยุคนี้อดไม่ได้ที่จะเอารูปธรรมที่จับต้องได้มาเทียบเคียง ผลจึงเกิดความลังเลสงสัยและคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งของจิต

ครูบาอาจารย์ท่านไม่สนใจเรื่องต้นไม้ที่ลิงเกาะ เพราะท่านทราบว่าธรรมชาติของลิงมันไม่เคยอยู่กับที่ ท่านจึงใช้คำบริกรรมภาวนาบ้าง ลมหายใจบ้าง การกำหนดอาการ ๓๒ บ้าง มาล่อและตะล่อมจับลิง ให้ลิง (คือจิต) มาเกาะอยู่กับคำภาวนา หรือเกาะอยู่กับลม หรือเกาะอยู่กับอาการ ๓๒ ฯลฯ อย่างนี้จึงจะพอมีทางจับลิงได้ หากจะให้ไปใล่จับลิงในป่ากว้าง มีหวังเหนื่อยตายก่อนเท่านั้น

เน้นอีกครั้งว่าการจะรักษาจิตต้องใช้ "ปัญญา" พิจารณาให้จิตคลายความหลงในสิ่งที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือทางใจ (ความคิด) ...ถ้าจะใช้ปัญญาในชั้นละเอียดกว่านั้น ก็ต้องเข้ามาตรงจุดที่คุณเมธาพูดย้ำบ่อย ๆ ที่ว่า กายไม่มีในเรา เราไม่มีในกาย ฯลฯ เพราะถ้ายอมรับว่าตัวเราก็ยังไม่ใช่ของจริง อารมณ์ต่าง ๆ มันจะจริงได้อย่างไร มันก็มายาและเป็นไปตามกระแสของเหตุปัจจัยด้วยกันทั้งนั้น จะมามัวโกรธ โลภ หลงไปตามมันทำไม พอจิตสลดขึ้นมา มันก็เข้าสู่ภาวะปรกติ เรียกว่า "รักษาจิต (ให้เป็นปรกติที่ปราศจากคลื่นคือโกรธ โลภ หลง)"

พูดเล่าและขยายความชักจะยืดยาว ถ้ายังสงสัยค่อยให้คุณเมธามาชี้แจงให้ฟังนะครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
watchara

Posts: 3 topics
Joined: 6/2/2553

ความคิดเห็นที่ 5  « on 25/12/2554 0:20:00 IP : 58.8.178.153 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 

ขอบพระคุณ คุณพลอยสวย คุณรณธรรม คุณพี่สิทธิ์ มากครับ

ที่ได้ให้ความเห็นอย่างกระจ่างชัดเจน  เน้นการดูที่จิตโดยตรง

ได้ประโยชน์กับผมมากครับ

วัชร

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
รณธรรม

Posts: 2 topics
Joined: 7/11/2552

ความคิดเห็นที่ 6  « on 25/12/2554 0:53:00 IP : 171.4.191.70 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 

เรียนคุณวัชร

อันที่จริง(สำหรับ)ผมก็ไม่ได้เน้นไปที่การดูที่จิตเพียงอย่างเดียวหรอกครับ เพราะหากทำอย่างนั้นปัญญาก็เกิดยาก ผมไม่อยากพูดถึงขนาดว่าปัญญาเกิดไม่ได้ เพราะภูมิของผมก็ไม่ได้สูงส่งถึงขนาดจะกล้าพูดให้เด็ดขาด  แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา และที่อยู่กับครูบาอาจารย์มา มันเป็นอย่างนั้นครับ

หากเราเน้นที่ดูจิตอย่างเดียว เราก็จะไม่ได้ออกพิจารณาอะไรเลย เราจะไม่ใส่ใจกับการเกิดดับของความปรุงแต่ง เราจะไม่ใส่ใจกับการดูกายบ้างในบางคราว เพื่อให้เห็นถึงความแก่ชราที่เกิดขึ้น เห็นถึงความป่วยไข้ที่เริ่มเข้ามาเกาะกินกายนี้

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการดูจิตแต่เพียงอย่างเดียวมีน้อยมากครับ เว้นเสียแต่ผู้หมดภาระแล้ว การดูตรง ๆ ของท่านจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะท่านผ่านการพิจารณามาหมดแล้ว และดูเฉย ๆ ดูไปอย่างนั้น เพียงเพื่อเป็นเครื่องอยู่รอวันเข้าสู่สุญญตาเท่านั้นเอง

อันที่จริงพี่สิทธิ์อธิบายไว้ได้ละเอียดดีมากแล้วนะครับ ในชีวิตผมที่ผ่านครูบาอาจารย์มามาก ทั้งสมณะและฆราวาส จะหาผู้อรรถาธิบายสิ่งยากให้เข้าใจง่ายเหมือนพี่สิทธิ์นี้นับว่าหาได้ยาก

หากผมหลงอยู่ในถ้ำ พี่สิทธิ์ก็คือแลมตั้น 84000 หลอดดีดีนี่เอง

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 7  « on 25/12/2554 18:43:00 IP : 58.8.8.151 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 

เวลาอ่านหนังสือ หรือได้ยินได้ฟังพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านสอน

ท่านมักพูดว่าให้หมั่น "ดูจิต รักษาจิต"

แต่ท่านก็มักไม่อรรถาธิบายโดยนัยละเอียดไว้ให้ดูอย่างไร

ความที่เราความรู้น้อย เบาปัญญาก็เลยทำแบบเดาสุ่มๆเอา

ครั้นนั่งภาวนาก็ไม่ได้ดูอะไรมาก ทุกอย่างมันเป็นของเขาเอง

แต่เรากลับชอบนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ชีวิตปกติๆมากกว่า..ทำบ่อยๆ บางที่ก็สนุกดี

เหมือนการแยกร่างออกจากกัน ฝั่งหนึ่งเป็นกาย อีกฝั่งหนึ่งเป็นจิต

วันๆก็ดูอาการกระเพื่อมต่างๆของจิต จะโยงไปผูกกับความโลภ ความโกรธ ความหลง

ให้คะแนนตนเอง วันนี้รู้เนื้อรู้ตัว รู้ทันสภาวะจิตที่จิตมันเกิดความโลภกี่ครั้ง เกิดความอยากได้ อยากมี อยากเป็นกี่ครั้ง มีอาการไม่ชอบ ไม่พอใจ หงุดหงิดกี่ครั้ง มีโกรธเล็ก โกรธใหญ่กี่ครั้ง แต่ละครั้งที่มีสิ่งเร้า (กิเลส) มากระทบ ให้ผลทางจิตอย่างไร สนุกสนาน ร่าเริง เศร้าหมองอย่างไร สรุปแต่ละวันเราได้คะแนนเท่าไร

โดยส่วนมากคะแนนก็ประมาณราวๆ 3-5 % คือหมายความว่า รู้เนื้อรู้ตัว รู้สภาวะจิตได้ทันจาก 100 เรื่อง ก็ได้สัก 3-5 เรื่องเท่านั้นเอง

ก็หมายมั่นว่าเมื่อไรจะรู้ทันปั๊บทันทีทีมีอารมณ์มากระทบสัก 100 % เต็ม คงจะดีไม่น้อย

แม้แต่วันตั้งแต่ตื่นนอน เหยียดกาย คู้กาย ก้าวเดิน นั่ง ยืน เดิน ก็อยากจะรู้ทันในทุกสภาวะจิตเล่านั้น แต่ก็ทำไม่ได้สักที

โกรธไม่มีใครดับได้ เป็นของที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันก็ดับมันทิ้งไปก็เท่านั้น

กิเลสทั้งมวลเป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ไม่มีใครไปดับได้ มีแต่รู้ทันกิเลสเขา เมื่อรู้แล้วไม่เอามันก็เท่านั้นเอง

คำสอนครูบาอาจารย์ก้องอยู่ในหู แต่ทำยังไง ก็ทำไม่ได้สักที ยากซะจริงๆ

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 8  « on 25/12/2554 18:55:00 IP : 58.8.8.151 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 
ธุลีดิน Talk:

ก็หมายมั่นว่าเมื่อไรจะรู้ทันปั๊บทันทีทีมีอารมณ์มากระทบสัก 100 % เต็ม คงจะดีไม่น้อย

 



แนะ..นี่ก็ตัว "อยาก" อีกแล้ว...กว่าจะรู้เนื้อรู้ตัวก็พิมพ์จบซะแล้ว รู้ช้าไป รู้ช้าไป ไม่ทันกิน สอบตกอีกแระ..

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 9  « on 26/12/2554 14:47:00 IP : 58.11.83.161 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 

เพราะมนุษย์ทุกวันนี้..ศีลธรรม ความดีงามในจิตใจลดต่ำลงทุกวัน

ทุกสิ่งล้วนเป็นไปเพื่อความ ดิ้นรน แสวงหา ทะเยอทะยาน ไคว่คว้าเอามาเป็นของตัว มากด้วยความโลภ

จึงเปิดช่องได้แก่ผู้คิดคด..

เพียงหยิบยื่นชิ้นเนื้อสเต๊กเน่าๆชิ้นหนึ่งเป็นเหยื่ยอล่อ..ผู้อยู่กับความหลง ความโลภ ก็ยื้อแย่งฉุดคร่าช่วงชิง

ในหลวง..ทรงหยิบยื่น "เบ็ด"  ตกปลาไว้ให้ คนบาปก็พากันส่ายหน้า

มันชอบแต่ขอ..ขอ..ขอ..ชอบแต่เป็นผู้รับ

เบ็ดตกปลาเพียงคันเดียวหากินได้ตลอดชีวิต..มันไม่สน

ผู้หยิบยื่น..เสวยสุขบนกองเงิน.(จุดเริ่ม..ได้แต่ใดมา ) ช่างหรูหรา..

ในหลวงกลับมีบ้าน..เป็นสวนเกษตร ปลูกข้าว เลี้ยงวัวควาย ฯลฯ

ผู้หยิบยื่น..กินข้าวมือละเป็นแสน เป็นล้าน

ในหลวงใช้ยาสีฟัน ม้วนบิดจนแห้งติดหลอด

ผู้หยิบยื่น..เพียงใช้คำพูด กับเทคนิคทางการตลาด

ในหลวง ท่านไร้คำพูด มีแต่เพียงการลงมือทำให้ดู ปฏิบัติจริงให้เห็นเป็นตัวอย่าง

เวลาช่างยาวนานนักกว่า 50 ปี ที่จะทำได้แบบเสมอต้นเสมอปลายเช่นนี้

ผู้ฉลาดย่อมเห็นในคุณค่า เป็นไปเพื่อความพอเพียง เพื่อความสุขอย่างยั่งยื่น

คนบาปก็ยังเห็นกงจักร..พลันเป็นดอกบัวซะงั้น..ยากที่จะเปลี่ยนแปลง

อนิจจาหน่อ...แม้องค์พระพุทธองค์ ยังโดนตำหนิติเตียนได้

แล้วองค์ในหลวง พระโพธิสัตว์เจ้ามีหรือจะรอดพ้น..

อนิจจัง..ทุกขัง..อนันตา..

กรรมใครกรรมมัน..บาปใครบาปมันจริงๆ..ไปชดใช้กันเอาเองแล้วกัน

สาธุ...สาธุ..สาธุ

รัก เทิดทูนในหลวงสุดหัวใจ 

 

 

 

 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 10  « on 26/12/2554 14:50:00 IP : 58.11.83.161 »   
Re: การดูจิต รักษาจิต
 
ธุลีดิน Talk:

เพราะมนุษย์ทุกวันนี้..ศีลธรรม ความดีงามในจิตใจลดต่ำลงทุกวัน

ทุกสิ่งล้วนเป็นไปเพื่อความ ดิ้นรน แสวงหา ทะเยอทะยาน ไคว่คว้าเอามาเป็นของตัว มากด้วยความโลภ

จึงเปิดช่องได้แก่ผู้คิดคด..

เพียงหยิบยื่นชิ้นเนื้อสเต๊กเน่าๆชิ้นหนึ่งเป็นเหยื่ยอล่อ..ผู้อยู่กับความหลง ความโลภ ก็ยื้อแย่งฉุดคร่าช่วงชิง

ในหลวง..ทรงหยิบยื่น "เบ็ด"  ตกปลาไว้ให้ คนบาปก็พากันส่ายหน้า

มันชอบแต่ขอ..ขอ..ขอ..ชอบแต่เป็นผู้รับ

เบ็ดตกปลาเพียงคันเดียวหากินได้ตลอดชีวิต..มันไม่สน

ผู้หยิบยื่น..เสวยสุขบนกองเงิน.(จุดเริ่ม..ได้แต่ใดมา ) ช่างหรูหรา..

ในหลวงกลับมีบ้าน..เป็นสวนเกษตร ปลูกข้าว เลี้ยงวัวควาย ฯลฯ

ผู้หยิบยื่น..กินข้าวมือละเป็นแสน เป็นล้าน

ในหลวงใช้ยาสีฟัน ม้วนบิดจนแห้งติดหลอด

ผู้หยิบยื่น..เพียงใช้คำพูด กับเทคนิคทางการตลาด

ในหลวง ท่านไร้คำพูด มีแต่เพียงการลงมือทำให้ดู ปฏิบัติจริงให้เห็นเป็นตัวอย่าง

เวลาช่างยาวนานนักกว่า 50 ปี ที่จะทำได้แบบเสมอต้นเสมอปลายเช่นนี้

ผู้ฉลาดย่อมเห็นในคุณค่า เป็นไปเพื่อความพอเพียง เพื่อความสุขอย่างยั่งยื่น

คนบาปก็ยังเห็นกงจักร..พลันเป็นดอกบัวซะงั้น..ยากที่จะเปลี่ยนแปลง

อนิจจาหน่อ...แม้องค์พระพุทธองค์ ยังโดนตำหนิติเตียนได้

แล้วองค์ในหลวง พระโพธิสัตว์เจ้ามีหรือจะรอดพ้น..

อนิจจัง..ทุกขัง..อนันตา..

กรรมใครกรรมมัน..บาปใครบาปมันจริงๆ..ไปชดใช้กันเอาเองแล้วกัน

สาธุ...สาธุ..สาธุ

รัก เทิดทูนในหลวงสุดหัวใจ 

 

 

 

 

 



โทษครับ..เขียนผิดกระทู้ จะเขียนลงในหน้าคุณสิทธิ์ "รักในหลวง" ขอโทษครับ

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 17 Visits: 16,688,710 Today: 1,939 PageView/Month: 70,257