ขออนุญาตออกความเห็นดังนี้ครับ..
คงต้องมาตั้งตนว่า ความหดหู่ ซึมเศร้า มาจากสาเหตุใด ?..
ถ้ามาจากสิ่งรอบกายเมื่อบวช ได้เห็น ได้สัมผัสกับชีวิตผ้าเหลืองของจริง
ถ้าบวชและใช้ชีวิตกับวัดป่า (เน้น..วัดป่าที่เรียกว่าเป็นวัดป่าจริงๆ... สืบสานปฏิปทาตามแนวทางอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่นจริงๆ ไม่ใช่แบบแปลงๆ เหมือนหลายแห่งทุกวันนี้ )
หากได้มีโอกาสบวชในสถานที่แบบนั้น แล้วภาวะจิตเป็นเช่นนั้นคงไม่มีความเห็น
แต่ถ้าบวชวัดเมือง และสภาพจิตกลับกลายเป็นเช่นนี้
คิดว่า..คุณสุเทพ คงไม่ใช่คนแรก..และคนสุดท้าย
..ซึมซับกับ..อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..
วางจิตพยายามให้เข้าถึง อุเบกขาธรรม..
ดีใจกับตนเอง..ที่รู้เห็นว่าสิ่งนั้นมันไม่ถูกไม่ต้องอย่างไร
นั้นเพราะเราเห็น เราจึงไม่ทำเหมือนเขา
แต่เพราะเขาไม่เห็น เขาจึงยังคงทำ
ที่สุดก็คือ กรรม..
หลวงตาบัวเคยว่าไว้..เพราะมันไม่เชื่อกรรมหนอ..ไม่เชื่อกรรมหนอ...
และเพราะเห็นแล้ว เชื่อแล้ว จึงต้องตั้งหน้าปฏิบัติต่อไป
เรื่องเช่นนี้ใครทำใครได้ ใครเห็นใครได้
ไม่ได้แข่งกับใคร..แข่งกับตนเอง..
หลวงปู่ดูลย์ว่าไว้.."มนุษย์ทุกวันนี้ ทุกข์เพราะความคิด"
มัวแต่ไปคิดเรื่องภายนอก..ไม่คิดเรื่องภายใน คือ จิตของเรา |