อาจมีผู้สงสัยว่าเมื่อครูบาอาจารย์ท่านรู้แจ้งธรรมและหมดปัญหากับการจะอยู่หรือจะไปแล้ว ทำไมท่านยังต้องรักษาข้อวัตรต่าง ๆ ด้วยเล่า
คำตอบก็คือ "การเป็นแบบอย่าง"
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ก็เคยตรัสขอร้องให้พระมหากัสสปะออกจากป่ามาอยู่ในอาวาสเพื่อจะได้ลดความลำบากกายบ้าง แต่พระมหากัสสปะกลับยืนยันที่จะเป็นแบบอย่างของการรักษาธุดงควัตร ซึ่งในที่สุดพระพุทธองค์ก็ตรัสสาธุการ
วกมาที่หลวงปู่ดู่ ถ้าพิจารณาให้ดี ก็จะพบว่าท่านประพฤติเป็นแบบอย่าง อย่างที่เรียกว่า "สอนด้วยการทำให้ดู" ในหลายสิ่งหลายอย่าง ที่พอจะแจกแจงให้เพื่อน ๆ โดยเฉพาะผู้มาใหม่ได้สังเกต ดังนี้ครับ
๑. แบบอย่างการกินให้เป็น
ผมไม่เคยได้ยินหลวงปู่กล่าวกับโยมว่านั่นอร่อย นี่อร่อย ทำมาให้ฉันบ่อย ๆ นะ อะไรทำนองนี้ ไม่เคยมี หลวงปู่ตักอาหารทุกอย่างมาคลุกเคล้าในกะละมังของท่าน ท่านใช้ช้อนคนและคลุกเคล้าอาหารเข้าด้วยกัน เพื่อจะสอนว่าอย่าทานอาหารเพื่อความเอร็ดอร่อย หรือเพื่อบำรุงบำเรอร่างกายนี้ หากแต่ทานอาหารเพื่อบรรเทาความหิวและรักษาธาตุขันธ์เพื่อการประพฤติธรรม ให้ทานอาหารด้วยปัญญา มิใช่ด้วยตัณหา
๒. แบบอย่างการใช้สอยให้เป็น
กับจีวรและเครื่องใช้ของหลวงปู่ ท่านจะใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด ท่านไม่เปลี่ยนจีวรหรือของใช้ถ้ามันยังใช้งานได้ โยมจะถวายก็ถวายไป เป็นบุญของโยม แต่การพิจารณาใช้สอยนั้นเป็นเรื่องของท่าน ส่วนเกิน ท่านก็เอาไปทำบุญต่อให้โยมโดยการบริจาคต่อ
เทียบกับโยมทั้งหลาย ที่สะสมไปหมด ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ สะสมจนไม่มีที่จัดเก็บ นาน ๆ มาเปิดดู อ้าว ยังอยู่ในกล่อง เรียกว่าซื้อจนลืมก็มี อย่างนี้จึงสวนทางกับคำว่า "ใช้สอยให้เป็น" หรือ "ใช้สอยด้วยปัญญา"
ไม่เพียงแต่ของที่มีผู้มาถวายซึ่งท่านต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด สิ่งที่เป็นของเหลือใช้หรือที่โยมทิ้งขว้างอย่างหนังยาง ท่านยังไปเก็บรวบรวมแขวนไว้ให้โยมใช้ต่อได้อีก
เรื่องของยา ท่านก็พึ่งมันน้อยที่สุดจริง ๆ เรื่องการจะนิมนต์ท่านไปพบแพทย์จึงไม่ต้องพูดถึง อย่างมากที่สุด แพทย์เองนั้นแหละต้องเป็นฝ่ายขวนขวายมาถวายการรักษา (กรณีที่หลวงปู่ยอมให้รักษา)
เรื่องเสนาสนะ หลวงปู่ก็ใช้สอยตามที่ทางวัดจัดให้ ท่านไม่เคยเรียกร้องที่จะอยู่กุฏิใหญ่โต และก็ไม่เคยเห็นว่าท่านแสดงความขวนขวายที่จะให้พัฒนาหรือปรับปรุงกุฏิเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย อย่างห้องน้ำ ก็อยู่นอกกุฏิ เรียกว่าหลวงปู่ใช้สอยเสนาสนะตามวัตถุประสงค์ของมันจริง ๆ คือ เพื่อป้องกันเหลือบยุงลิ้นไร ป้องกันอากาศร้อนหนาว ท่านจึงเป็นแบบอย่างของการใช้สอยเสนาสนะด้วยปัญญา มิใช่ด้วยตัณหา
๓. แบบอย่างของการรักษาข้อวัตรส่วนตัว
หลวงปู่ท่านทำวัตรเช้าเย็นสม่ำเสมอ แม้คืนไหนจะรับแขกจนดึกจนดื่น ท่านก็ต้องสวดมนต์ทำวัตรเย็นก่อนจำวัตร และสวดมนต์ทำวัตรเช้าก่อนออกมาสงเคราะห์โยมที่หน้ากุฏิในช่วงเช้าเสมอ
๔. แบบอย่างของความอ่อนน้อมถ่อมตน
หลวงปู่ชอบพูดถ่อมตนว่า ท่านยังมืดอยู่ ท่านเทศน์ไม่เป็น ฯลฯ เวลาพระเถระมากราบหลวงปู่ หลวงปู่ก็ต้องกราบตอบและวางตัวด้วยความนอบน้อม ท่านไม่เคยแสดงตนในทางเป็นผู้วิเศษหรือผู้ทรงคุณธรรม หากแต่วางตัวอย่างที่ท่านเรียกว่า "พระบ้านนอก"
บันทึกและเล่าไว้พอเป็นตัวอย่าง ซึ่งบางเรื่องพวกเราอาจได้ยินได้ฟังมาบ้าง แต่อาจมองข้ามสาระที่หลวงปู่ท่านต้องการที่จะถ่ายทอดนั่นก็คือ "การสอนด้วยการปฏิบัติให้ดู"
ต่อแต่นี้ จะได้พิจารณาให้หนักในเรื่องการใช้ปัจจัย ๔ ด้วยปัญญา (ใช้ให้ถูกตรงกับวัตถุประสงค์ของปัจจัย ๔) ลดการใช้ปัจจัย ๔ ด้วยตัณหา มีความสันโดษเป็นที่ตั้ง มีความเพียรเป็นทางดำเนิน ซึ่งรวมถึงการรักษาข้อวัตรหรือข้อปฏิบัติที่ดีงามที่จะช่วยส่งเสริมการดัดกาย ดัดวาจา และดัดใจให้งดงาม |