หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน
คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป
(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)
|
|
Started by |
|
|
Topic: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๑) (Read: 11986 times - Reply: 4 comments) |
|
|
|
(Admin) |
Posts: 75 topics
Joined: 5/11/2552
|
|
ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๑)
|
« Thread Started on 15/4/2553 9:50:00 IP : 124.121.125.200 » |
|
|
|
๑. ภาวนาจนถูกรถชน! จำมาว่าหลวงปู่สอนให้ภาวนาให้ได้ทั้งวัน ผมก็เลยบริกรรมภาวนาไตรสรณคมณ์ทั้งวัน ไม่ว่าในระหว่างการทำงาน ในขณะขับรถ ในขณะเดินข้ามถนน ฯลฯ
ไม่ถูกต้อง เพราะการปฏิบัติภาวนา (การเจริญสติและปัญญา) ต้องเลือกรูปแบบหรือวิธีการปฏิบัติให้เหมาะกับสถานการณ์และกาละเทศะ เช่น ในยามปลอดภาระ มานั่งหลับตาทำสมาธิ การบริกรรมภาวนา (ท่องบ่นในใจ) ก็เป็นเรื่องที่ควร แต่ขณะลืมตาทำกิจกรรมอื่นอยู่ ก็ควรปฏิบัติภาวนาด้วยการทำความรู้ตัวทั่วพร้อม คือมีสติและพิจารณาในกิจกรรมที่อยู่จำเพาะหน้า มิใช่มามัวบริกรรมภาวนาจนสูญเสียความสามารถในการรับรู้สิ่งภายนอก ซึ่งเรื่องนี้เคยมีตัวอย่างความผิดพลาดให้เห็น เช่น
· คนที่เดินท่องบ่นคำบริกรรมภาวนาขณะเดินกลับบ้านในซอย แล้วไม่ทันระวังก็เลยโดนรถจักรยานยนต์ เฉี่ยวชนเอา
· คนที่โหนรถสองแถว แล้วหลับตาบริกรรมภาวนาจนจิตอยากปล่อยวางกาย ปล่อยวางมือที่โหนรถอยู่ ทำเอาเกือบตกรถ ซึ่งอันตรายอาจถึงชีวิต
· คนที่บริกรรมภาวนาขณะขับรถจนเกือบไปชนท้ายรถคันหน้า
จริง ๆ แล้ว การบริกรรมภาวนานั้น หากกระทำไว้ในใจสัก ๑๐-๒๐ % แล้วให้มีความรับรู้กับสิ่งภายนอกสัก ๘๐-๙๐ % ก็คงไม่เป็นอะไร มิใช่มุ่งบริกรรมในใจเสีย ๘๐-๙๐ % หรือกระทั่ง ๑๐๐% อย่างนี้อันตราย ถือว่าปฏิบัติธรรมไม่เหมาะกับสถานการณ์และกาละเทศะ |
|
|
|
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๑)
แสดงความคิดเห็น |
|
Aimee2500 |
Posts: 44 topics
Joined: 14/12/2552
|
|
ความคิดเห็นที่ 1 « on 16/4/2553 8:47:00 IP : 86.178.157.113 » |
|
Re: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๑) |
|
|
|
สัทธา ทานัง อนุโมทามิ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ |
|
|
|
|
yingka |
Posts: 50 topics
Joined: 9/11/2552
|
|
ความคิดเห็นที่ 2 « on 22/4/2553 8:44:00 IP : 124.120.153.92 » |
|
Re: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๑) |
|
|
|
อนุโมทนาสาธุค่ะ อ่านบทความนี้แล้วตรงใจมากเลย แสดงว่าเรามาถูกทาง..เพราะเคยคุยกับบางท่าน เค้าบอกว่าสามารถภาวนาได้ตลอดเวลาแม้ขณะกำลังทำงานอยู่ เราก็บอกว่า..เราไม่สามารถทำได้ขนาดนั้น เพราะเวลาทำงานสติเราก็อยู่ที่งาน ถ้าสติมาอยู่ที่คำภาวนาก็ทำงานไม่ได้ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับการคำนวณตัวเลข เราไม่มีความสามารถแยกให้สติมาจดจ่ออยู่กับคำภาวนาได้ในขณะนั้น แต่เมื่อเราลุกจากโต๊ะทำงานเพื่อเดินไปทำธุระอื่น เช่น ดื่มน้ำ..เวลาขณะนั้นจิตก็จะภาวนาขึ้นมาได้ค่ะ |
|
|
|
|
manitgr |
Posts: 0 topics
Joined: 3/2/2553
|
|
ความคิดเห็นที่ 3 « on 23/4/2553 11:11:00 IP : 180.180.30.163 » |
|
Re: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๑) |
|
|
|
ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า คือ กำหนดรู้อารมณ์ที่มาสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วมากระทบที่ใจ การกำหนดรู้อารมณ์ดังกล่าว ไม่ใช่ การบริกรรมภาวนาทีท่องในใจ ไม่ใช่การหลับตามกำหนดบริกรรมภาวนาท่องในใจ แต่เป็นการลืมตา กำหนดรู้อารมณ์ที่มาสัมผัส จนกว่าจะเห็นพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของอารมณ์ที่มากระทบ สมาธิที่เกิดขึ้น จะเป็นระดับขนิกสมาธิเท่านั้น ไม่ได้มุ่งให้สงบนิ่งจนเกิดฌาน |
|
|
|
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ » คลิ๊กที่นี่ |
|
|