luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ  (Read: 33189 times - Reply: 21 comments)   
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
« Thread Started on 20/1/2557 16:52:00 IP : 180.183.68.18 »
 

 

                                                        ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ .....หลวงปู่พาดำเนิน()

 

                                                                          ชีวิตในวัฏวน
                นักบวชนี่ต้องเป็นคนใจดี ต้องอดทน ต้องอดทนต่อการกระทบกระทั่ง ต่างๆ เช่นนั้น จึงเรียกว่า นักบวช ต้องเป็นคนใจหนักแน่นนะ ไม่ใช่เป็นคนใจเบา เราฝึกฝนตนไปนี่ เป็นนักบวชนี่ หากว่าอยู่ไม่ได้สึกออกไปอย่างนี้ มันก็ยังได้ใช้นิสัยอันนี้ มันก็ติดไป มันก็ยังได้เอาไปใช้ในสังคมโลกเขา ก็ได้รับยกย่องจากเพื่อนฝูง
              คนอดทนอดกลั้น เมื่อได้รับความกระทบกระทั่งและไม่โกรธ ไม่ฉุนเฉียว อดได้ทนได้อย่างนี้นะ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย นี่ถ้าใครใจเหลาะแหละ ได้รับความกระทบกระเทือนอะไรหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ย่อมไม่เป็นที่รักของคนทั้งหลายเลย ตลอดจนถึงเทวดาก็ไม่อนุโมทนานะ ถ้าใครอดได้ทนได้ เทวดาก็รักก็อนุโมทนา มันเป็นอย่างนั้นนะ ขอให้เข้าใจ เราเป็นนักบวช เราต้องรู้ธรรมของนักบวช นักบวชเป็นนักเสียสละนะ เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างนะ

                  (จากหนังสือ ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๕)



 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
จำนวนข้อความทั้งหมด:  13
<
1
2
แสดงความคิดเห็น
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 11  « on 26/4/2557 16:07:00 IP : 180.183.238.34 »   
Re: ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
 


                                                                  ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ .....หลวงปู่พาดำเนิน(๑๐)  

                                      อุบายฝึกจิตให้เข้มแข็ง

        นักบวชนี่กว่าจะได้รับความสุขกายสบายใจ มันต้องมีความพากเพียรพยายามฝึกจิตใจของตนไป ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพียรพยายามเจริญสมถวิปัสสนาไปไม่ท้อไม่ถอยแล้ว กิเลสมันก็เบาบางออกไปจากจิตใจนั้น เมื่อกิเลสมันเบาบางไปเท่าใด จิตใจก็ได้รับความสบายไปเท่านั้น การบวชอยู่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ผู้เดือดร้อนก็เพราะขาดความเพียรพยายาม

        ดังนั้น การเป็นนักบวชนี่กว่าจะได้รับความสุขความสบายอย่างพอสมควร มันก็ต้องผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชน ไม่ตายก็จึงได้เสวยผลแห่งความดีที่ตนทำนั้น ในปัจจุบันนี่แหละ แต่ว่าผลอันนั้นเป็นผลเกิดจากทางใจ ได้รับความสบายใจ ใจเป็นอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับกิเลส ขึ้นอยู่กับธรรมะของจริง ธรรมะของจริงแล้วมีอันเดียว เพราะฉะนั้นแล้วมันจึงเป็นอิสระไม่มีสิ่งใดไปผูกมัดรัดรึงได้ จิตที่รู้จริงนะมันมีอิสระอยู่โดยลำพัง จิตที่ไม่รู้จริงมันก็มีกิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดอยู่ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีอิสระเลย กิเลสมันมั่นใจให้อยากได้อะไรต่ออะไรสารพัด ไม่มีสิ้นสุดนั่นแหละ

        เมื่อระงับความคิดนั้นไม่ได้ มันก็ต้องไปแสวงหาตามที่ต้องการปรารถนานั้นๆ การแสวงหานั้นแหละมันเป็นทุกข์หรือเป็นสุขนั้น ผู้ภาวนาทั้งหลายต้องใคร่ครวญพิจารณาดู ขึ้นชื่อว่าการแสวงหาแล้ว จะให้มันสุขได้ไม่มีทางหรอก มันต้องเอาทุกข์เป็นทุนทั้งนั้นเลย

      (จากหนังสือ ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๕)

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 12  « on 26/4/2557 16:37:00 IP : 180.183.22.234 »   
Re: ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
 


                                                                        ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ .....หลวงปู่พาดำเนิน(๑๑ 

                                           มนุษย์ผู้ฝึกตน เป็นผู้ประเสริฐ

       ผู้ประเสริฐในโลกนี้ หมายเอาผู้ที่ละความชั่วออกจากตัวได้แล้ว ก็เป็นผู้ทำความดีให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปในตน จนปรากฏแก่ชนทั้งหลาย ชนทั้งหลายจึงมองเห็นว่าคนผู้นี้เป็นคนดี เป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้ละความชั่วได้หมด ทำแต่ความดี ท่านผู้นี้เป็นผู้ละอาสวกิเลสได้ด้วยความพากเพียรพยายามของตน ไม่ท้อไม่ถอย จึงสามารถละอาสวกิเลสได้ คำว่า ผู้ประเสริฐ นั่น หมายเอาผู้ละกิเลสได้นั้นแหละ ไม่ใช่ว่าไปปราบข้าศึกได้ ฆ่าคนตายเป็นพัน เป็นหมื่นไป อย่างนี้จึงถือว่าเป็นผู้ประเสริฐในพระพุทธศาสนา ไม่ยกย่องเช่นนั้น เพราะว่ามันเป็นบาปเป็นกรรม ใครจะทำก็เป็นเรื่องของใครของมันไป

       แต่การมาปราบกิเลสให้ราบคาบออกจากใจนี่ อันนี้นับว่าเป็นชัยชนะอันประเสริฐจริงๆ เพราะว่าเมื่อกิเลสออกจากสันดานได้แล้ว มันไม่กลับคืนมารบกวนจิตอีกต่อไป ส่วนการชนะข้าศึกภายนอกนั้น เมื่อชนะไปแล้ว มันก็ไม่แล้ว สักหน่อยมันก็ก่อตัว กลับคืนมา ย้อนมารบกวนอีก อยู่อย่างนั้นแหละ ดังนั้น จึงชื่อว่าเป็นชัยชนะอันไม่ประเสริฐ ไม่เด็ดขาด

       ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้สอนให้ชนะข้าศึกคือ กิเลส อันมีอยู่ในหัวใจอันนี้ให้เบาบางไป ให้หมดไป สิ้นไป เพราะข้าศึกภายในนี่มันมีอิทธิพล สามารถทำทุกข์ให้แก่บุคคลไปในภพในชาติต่อๆไป ไม่มีสิ้นสุด ส่วนข้าศึกภายนอกนั้น มันมีเพียงแต่ว่าทำลายล้างผลาญชีวิตกันลงในชาติเดียวเท่านั้นเอง

        (จากหนังสือ ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๕)

 

 

 

 

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
คนแอบอ่าน

Posts: 3 topics
Joined: 21/7/2555

ความคิดเห็นที่ 13  « on 26/4/2557 16:36:00 IP : 180.183.22.234 »   
Re: ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
 


                                  ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ .....หลวงปู่พาดำเนิน(๑๒ 

                                      ทาสตัณหา

 

      ที่บุคคลประพฤติพรหมจรรย์ไม่ได้ก็เพราะมันบรรเทาตัณหาในหัวใจไม่ได้  มันปล่อยให้ตัณหาครอบงำจิตใจอยู่อย่างนั้นแหละ  โอ้อนาคตต่อไปเราจะเป็นอย่างไรหนอ  เราจะไปหาเงินทองได้อย่างไรหนอ  เราจะมีความสุข ความทุกข์อย่างไรหนอ  วิตกวิจารณ์ไป  ก็เดือดร้อนไป  นั้นล่ะคนที่จะประพฤติพรหมจรรย์ไปไม่ได้  เพราะมันเพ่งไปอดีต  เพ่งไปอนาคต  ในอดีตตนเคยสนุกสนานมาแล้วอย่างนี้  เมื่อนึกถึงความสนุกสนานในอดีตอันล่วงมาแล้ว  มาดูปัจจุบันตนทำไม่ได้  เพราะมีวินัยเป็นเครื่องบังคับไว้อยู่ ก็เดือดร้อน นั่นแหละ

      ผู้ที่จะประพฤติพรหมจรรย์ไปไม่ได้  เพราะมันส่งใจไปในอารมณ์ที่เป็นอดีต ส่งใจไปในอารมณ์ที่เป็นอนาคต มันไม่ได้กำหนดอยู่ในปัจุบัน  ถ้าผู้ใดมากำหนดเอาปัจจุบันนี้เป็นหลักแล้วทิ้งอดีตอนาคตไปเลย อย่างนี้น่ะมันก็อยู่สบาย การปฏิบัติธรรมไม่ว่านักบวช ไม่ว่าคฤหัสถ์

      อันคฤหัสถ์นี่ก็อย่างว่าล่ะ มันไม่ไหว ไม่ให้เพ่งไปก็ไม่ได้ แต่ผู้มีสติสัมปชัญญะ  เมื่อคิดอ่านอะไรไป  มันก็รู้เท่าทันไป  รู้เท่าว่าคิดไปแล้ว  ได้สมหวังก็เอา  ไม่ได้ก็แล้วไป  นี่เรียกว่า รู้เท่าทันความคิด  ความต้องการของตัวเอง ถ้าไม่ทำความรู้เท่าไปอย่างนี้แล้ว  เมื่อตนคิดอะไรไป  อยากได้อะไร  ไปแสวงหา ไปทำไป  ไม่ได้อย่างใจหวังก็เดือดร้อน แล้วก็เป็นทุกข์  มันเป็นอย่างนั้น  ผู้ตกเป็นทาสของตัณหานั่นนะ

          (จากหนังสือ ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๕)

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
<
1
2
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   ธรรมะทั่วไป
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 1 Visits: 16,615,460 Today: 971 PageView/Month: 86,968