ในขณะทางราชการรณรงค์ให้ชาวพุทธทั่วไปเลิกเหล้าช่วงเข้าพรรษา

แต่เพื่อน ๆ สมาชิกโดยมากก็เป็นผู้อยู่ในศีล ๕ เป็นปรกติอยู่แล้ว จึงสมควรอธิษฐานอะไรที่ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้พึงตระหนักว่า "ความดีที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่อีก มิใช่มีเพียงเท่านี้"

ผมก็มีตัวอย่างคำอธิษฐานของบรรดาเพื่อน ๆ หมู่คณะที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มานำเสนอ (ไม่สงวนลิขสิทธิ์) เช่น

๑. ตลอดพรรษานี้ ข้าพเจ้าจะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และนั่งสมาธิอย่างน้อย.....นาที/ชั่วโมง มิให้ขาด

๒. ตลอดพรรษานี้ ข้าพเจ้าจะพยายามละความโกรธ ข้าพเจ้าจะหมั่นเตือนตนว่าไม่มีแรงกระทบอันใดที่คู่ควรแก่โทสะของข้าพเจ้า (คือไม่ว่าจะมีเหตุการณ์หรือสิ่งกระทบที่ชวนให้เราขุ่นเคืองหรือโกรธ เราก็จะไม่โกรธ เพราะจะคอยสอนตัวเองว่า เหตุแค่นี้เอง ไม่คู่ควรหรือมีนัยะพอที่จะทำให้เราโกรธได้หรอก)

๓. ตลอดพรรษานี้ ข้าพเจ้าจะรักษาศีล ๘ ในทุกวันพระ (หรือทุกวัน.....ที่กำหนด)

๔. ตลอดพรรษานี้ ข้าพเจ้าจะไม่ละเลยการเจริญเมตตาอยู่เป็นนิตย์ทั้งในยามหลับตาและลืมตา

ทีนี้ สำหรับผู้ที่ชอบสะสม ก็อาจอธิษฐานแก้โรคขี้สะสม เช่น

๕. ตลอดพรรษานี้ หากหนังสือเล่มเก่าที่ซื้อมา ข้าพเจ้ายังอ่านไม่จบ ข้าพเจ้าก็จะไม่ขวนขวายหาซื้อหนังสือเล่มใหม่เข้ามาอีก ...เข้มกว่านั้นก็ว่า หากของใช้ (เช่น รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ) ที่มีอยู่ยังไม่ชำรุด ข้าพเจ้าก็จะไม่ขวนขวายซื้อหามาสะสมอีก

ฯลฯ

แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ มีใครจะเสนอคำอธิษฐานเพื่อแก้กิเลส เอาที่มีผลชงัด ๆ ก็จะดี

(ไม่ถือเป็นคำอธิษฐานสำหรับตัวเอง เอาเป็นว่าเอาเป็นตัวอย่างที่เพื่อน ๆ สมาชิกอาจเห็นดีเห็นงามเอาไปปรับใช้กันได้ครับ)

แล้วถ้าตลอดพรรษา เราทำได้สำเร็จตามคำอธิษฐาน ก็อาจขยายผลไปถึงช่วงออกพรรษา (ซึ่งยาวนานกว่าช่วงเข้าพรรษาถึง ๓ เท่า)

อนุโมทนาบุญซึ่งกันและกันในเจตนาและความตั้งใจที่จะบำเพ็ญคุณงามความดี หรืออีกนัยหนึ่งคือการลดกิเลสตนเองให้เบาบางลงครับ

ผมยังไม่ได้อธิษฐานจริงๆจังๆเลยครับพี่สิทธิ์ แต่ก็ตั้งใจว่า ตอนนั่งสมาธิ จะบริกรรมไตรสรณคมณ์ จะพยายามทำให้ได้ทุกคืน และระหว่างวัน ก็จะดูลมหายใจเข้าออก โดยบริกรรม "พุท" "โธ" พร้อมกับระลึกถึงพระพุทธเจ้าไปด้วย เพื่อปฏิบัติเป็นพุทธบูชาครับ

เผื่อมีประโยชน์ในการตั้งคำอธิษฐานจิตในช่วงพรรษาครับ

ขอบคุณครับท่านอ.เมธา

ต่อไปจะระวังให้มากขึ้นครับ

ถ้าระบุแหล่งที่มาแน่นอนไม่ได้ก็ไม่ควรลง

ขอบพระคุณครับ

คุณ supa ครับ

อย่างนี้ไงที่เขาเรียกว่า "ผู้รู้ธรรมชอบเอาชนะผู้อื่น แต่ผู้มีธรรมมุ่งเอาชนะตนเอง"

แม้สังคมในเว็บนี้จะเป็นสังคมเล็ก ๆ แต่ผม (และเชื่อว่ารวมถึงอีกหลาย ๆ ท่าน) คงพอใจและยินดีกับสังคมนี้

ผมเคยโฉบเข้าไปดูในสังคม (เว็บธรรมะ) อื่น ๆ บางแห่งเขามีผู้รู้มากจริง ๆ ถกกันถึงขนาดอาการของการบรรลุมรรคผล แต่ก็เต็มไปด้วยคำเสียดสีเหน็บแนม มุ่งเอาชนะด้วยความรู้ทางธรรมที่มีอยู่ ...เห็นแล้วรู้สึกไม่ปลอดโปร่ง

จริง ๆ พื้นฐานที่สำคัญที่สังคมธรรมะจะขาดเสียมิได้ก็คือการตั้งจิตไว้ด้วยเมตตาต่อกัน และการมุ่งเอาชนะกิเลสตนเองยิ่งกว่าจะแสดงความอวดรู้ในภูมิธรรมหรือภูมิความจำให้ผู้อื่นยอมรับ

สิ่งที่ปรากฏกับกรณีของคุณสาละ คุณสักกะ และคุณ meenoi ที่ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์จากคุณเมธา น้อง ๆ เหล่านั้นล้วนน้อมรับอย่างผู้มีทิฏฐิเบาบาง (แสดงว่ามุ่งเอาประโยชน์เป็นสำคัญ ยิ่งกว่าการปกป้องอัตตาของตน) ในขณะเดียวกันคุณเมธาก็ยืนยันไม่ยอมรับในคำยกย่องให้เป็นครูเป็นอาจารย์ เพราะพวกเราทุกคนล้วนตระหนักว่ายังเป็นผู้ที่ต้องฝึกฝนอบรมตนให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยกันทุกคน

หากพวกเราร่วมกันรักษาบรรยากาศเช่นนี้ไว้ ก็เท่ากับได้ช่วยกันสร้างและรักษาเหตุปัจจัยให้เกิดสังคมแห่งธรรม ซึ่งย่อมต้องมีแต่ความเจริญ และจะไม่เสื่อม จนกว่าเหตุปัจจัยนี้จะแปรปรวนไปเพราะความเป็นพาลแทรกเข้ามา

ชอบค่ะ.....ขอบคุณค่ะ....

จาก google university เป็นภาษิตโบราณอ้างไว้ในหนังสือ "ความลับ 5ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย" ของ ดร จอห์น ไอโซ  อาจารย์ที่ปรึกษาชาวต่างชาติ จะพูดภาษิตนี้ กับลูกศิษย์บ่อยมาก เพราะต้องการให้เด็กๆมีนิสัยถาวรที่ดี เป็นการ help shape their behavior and pave the ways to their utmost ได้จำมาใช้กับที่บ้านด้วยทั้งที่เขาถูกสอนจากที่โรงเรียนแล้ว

อนุโมทนากับคุณสาละ และคุณเมธาค่ะ

มีใครทำรายการ 10สิ่งที่อยากทำก่อนตาย และ 5สิ่งที่ติองทำก่อนตายไหมคะ

ตั้งแต่พรรษานี้เป็นต้นไป จะเป็นผู้ฟังที่ดี

จะเป็นผู้ฟังที่แสน ล้านดี และได้ยิน

พรรษานี้เป็นปีแรกที่ทำให้ไม่ยินดีกับการเกิด วันเกิด พรรษานี้ทำให้รักทุกนาทีที่มีลมหายใจ(เพราะที่ผ่านมารู้แต่ศีล5ข้อ)เพื่อจะได้เรียนรู้ ปฎิบัติธรรม เวลาเหลือน้อย ในทุกพรรษาที่เพิ่มขึ้น เข้าพรรษาปีนี้มีแต่สิ่งดีที่เข้าพรรษาได้จัดให้  ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

ชอบประโยคนี้จังครับ ที่สุดเลย