ขออนุญาตเล่าภาพบรรยากาศโดยรวมให้ทราบ ถึงความเข้มข้นและตื่นเต้นกับการที่ได้ร่วมกับคุณเพียงดินในโครงการบรรเทาทุกข์ชุมชนวัดสะแก ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนชนิด ๓-๔ วันจบ
งานนี้ได้รับน้ำใจจากพี่น้องทั้งที่เป็นชาวเว็บและนอกเว็บ ซึ่งยอดบริจาค คงต้องให้คุณเพียงดินช่วยสรุปอีกครั้ง
บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมกำหนดขนของไปบริจาค จึงเปลี่ยนจากวันที่ ๑๔ มาเป็น ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ สาเหตุก็เพราะผมได้รับการติดต่อจากทางอยุธยาเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ว่าน้ำท่วมรุนแรงขึ้น เกรงว่าหากช้าไปวันเดียวก็อาจนำรถเข้าถึงได้ยากหรือทำไม่ได้ ทำให้คณะทำงานหารือกัน เห็นควรต้องปรับแผนให้เร็วขึ้น (จากที่เร็วมากอยู่แล้ว) ทำให้ไม่อาจรอเงินบริจาค คณะทำงานจึงต้องลงขันกันคนละหลายหมื่นบาทไปก่อน เพื่อเร่งซื้อของ แต่เมื่อพิจารณาว่าอาศัยปฏิบัติการในช่วงหลังเลิกงานคงไม่ทันการณ์ คุณเพียงดินจึงลงทุนลางานเพื่อไปซื้อของมากองรวมกันที่บ้านผม เกิดเป็นอุตสาหกรรมแพคของบรรเทาทุกข์ที่บ้านผมโดยปริยาย
ส่วนรถที่จะใช้ขนของนั้น เดิมทีจะใช้รถออฟโรดของเพื่อนจำนวน ๒-๓ คัน ก็เปลี่ยนมาเป็นรถ ๖ ล้อ ซึ่งก็โชคดีเหลือเกินที่ได้รถ ๖ ล้อขนาดใหญ่กว่ารถ ๖ ล้อทั่วไป เพราะล้อก็ใหญ่เท่ากับรถ ๑๐ ล้อ แถมยังมีความยาวมากเพราะปรกติใช้เป็นรถขนเหล็ก ทีแรกก็ว่าใหญ่เกินความจำเป็นเพราะของไม่ได้มีมากมายนัก แต่พอถึงเวลาจริง รถที่ใหญ่ยาว ก็ถูกบรรจุของบริจาคไว้เต็มที่
ก่อนเดินทางก็ได้ยาทากันน้ำกัดเท้าที่คุณ supa ให้ลูกน้องเที่ยวกว้านซื้อจากร้านยาส่งตรงมาจากเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นของหลักที่ทางวัดสะแกต้องการมาก ซึ่งผมได้แยกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนหนึ่งถวายพระ อีกส่วนหนึ่งก็ให้เป็นกองกลางให้ชาวบ้านเบิกไปใช้ ก็ขออนุโมทนากับคุณ supa อีกครั้ง
พอตกเย็นค่ำก่อนเดินทาง คุณ Art และเพื่อน ๆ อีก ๒ ท่าน (คุณนิศาและคุณปู) ก็ไปซื้อของมามอบให้จำนวนมาก (รายละมากกว่าหมื่นบาท) แล้วก็อยู่ช่วยแพคของจนดึก แต่ถึงของจะมาก ก็ยังขาดปลากระป๋อง พอดีมีลูกศิษย์หลวงปู่ได้ยินว่ามีโครงการนี้ ก็ไปจัดซื้อมาให้กล่องใหญ่ มาส่งถึงบ้านก็ราวเกือบเที่ยงคืน
ตอนเช้าวันเดินทางก่อนรถ ๖ ล้อจะมาถึง ก็รีบเร่งออกไปซื้ออาหารสด จำพวกเนื้อหมู ไข่ ข้าวสาร (๖ กระสอบ) (เพิ่มเติมจากชนิดถุงที่ซื้อไว้แล้วกว่า ๑๐ ถุง) พอตอนสาย เพื่อนอีกคนก็ขับรถนำผักสดจำนวนมากมาสมทบพร้อมกับบะหมี่สำเร็จรูปอีก ๑๕ ลัง ทำเอารถ ๖ ล้อเต็มคัน (นี่ถ้าเป็นรถออฟโรดที่วางแผนไว้เดิม คงไม่พอบรรทุกแน่ ๆ)
แผนกซื้อของแพคของก็เสร็จภารกิจไปแล้ว เหลือแต่แผนกนำของไปส่งทางวัดซึ่งเหลือเพียงคุณเพียงดินกับผม ในที่สุดเหยื่อ เอ๊ยผู้ที่หลวงปู่ส่งมาคือคุณ "อุบล" ก็โทรมาเช็คข่าวคราวพอดี พอทราบสถานกาณ์ก็เลยเบี้ยวงานตามมาสมทบโดยด่วนในเช้านั้นเลย
ตอนขนของ ทางคนขับก็บอกว่าผมขับรถอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับการขนของ แต่พอเห็นพวกเรา (ผม คุณเพียงดิน คุณอุบล พร้อมด้วยคุณแม่ผม น้องสาว และพี่สาว) ช่วยกันขนของใส่รถ (ซึ่งสูงมาก ๆ) ก็ใจอ่อนมาร่วมด้วยช่วยกัน เหงื่อโทรมกายกันถ้วนหน้า
พอถึงใกล้เที่ยงก็ขนของขึ้นรถเสร็จ โดยเตรียมเสบียงไว้รับประทานเองระหว่างทาง ๑ ถุง (แต่เมื่อถึงวัด ก็ขนลงไปแจกหมดเลยอดรับประทาน) ใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัดสะแกโดยสะดวกมาก ๆ เพราะรถทีใช้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับทัศนวิสัยวันนั้นดีมาก ไม่มีฝนมาเป็นอุปสรรค (ทั้ง ๆ ทีได้ข่าวว่าบริเวณอื่นฝนตกหนักมาก)
ก่อนถึงวัดสะแก ไม่ทันเห็นจุดที่อนุญาตให้ขับรถย้อนเลนเข้าวัดสะแก จึงขับเลยไปจนถึงจุดที่เป็นทางตัดขาดบริเวณเลยสะพานข้ามคลองข้าวเม่า พบว่าน้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวทีเดียว จากนั้นก็ย้อนกลับหาทางเข้าวัดสะแก โดยมีคุณ "เด็กข้างวัด" สมทบอยู่ปากทางเข้าวัดพร้อมถุงยังชีพอีกจำนวน ๒๐ ถุง
พอขับรถมุ่งตรงไปวัดสะแกไม่ไกล ก็มีชาวบ้านโบกรถขอติดเข้าไปลงระหว่างทางด้วย (ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบรรเทาทุกข์ ^-^)
ระดับน้ำบนถนน ก็พอที่รถออฟโรดจะเข้าถึงได้ แต่ในวัดสะแกนั้นหมดสิทธิ์ เพราะลึกกว่าถนนหน้าประตูวัดมาก จึงต้องลำเลียงของทั้งหมดไปไว้ที่ศาลาวัดผ่านเรือลำเล็กจำนวนหลายลำ +หลายเที่ยว
พอนั่งเรือไปที่ศาลา ชาวบ้านก็ตั้งแถวรอรับบริจาคถุงบรรเทาทุกข์ ในขณะที่ของส่วนกลางก็แยกไว้ต่างหาก
มีหญิงคนหนึ่ง ท่าทางอมทุกข์มายืนอยู่ใกล้ ๆ ผมซักถามจึงทราบว่าเธอพายเรือมาจากบ้านที่อยู่ลึกเข้าไป เธอมีคนสูงอายุอยู่ที่บ้านอีกหลายคน ผมจึงแบ่งถุงบรรเทาทุกข์ให้หลายถุงหน่อย
คุณต้นแจ้งว่าที่ตำบลถัดลึกเข้าไปต้องการของไปปรุงอาหารเลี้ยงชาวบ้าน ผมจึงแบ่งผักสด น้ำมันพืช ฯลฯ ให้ไป (ถือเป็นการบรรเทาทุกข์พร้อมกันสองตำบล ^-^)
ของที่เหลือ ทางนายก อบต. ขอที่จะแบ่งไปจัดสรรให้บ้านที่อยู่ลึกข้างใน ซึ่งทางเราก็อนุโมทนา
พอแจกของเสร็จ พวกเราก็เดินไปตามบันไดที่เชื่อมศาลากับหอสวดมนต์ พอเข้าไปก็เห็นสภาพน้ำท่วมทั่วไปหมด โดยเฉพาะบริเวณหน้ากุฏิหลวงปู่ (ดังที่ได้นำภาพมาให้ชมกัน)
โอหนอ ใครจะคิดว่าบริเวณหน้ากุฏิหลวงปู่ที่น้อยเหลือเกินที่จะว่างเว้นจากผู้คนมากราบนมัสการท่าน ในยามนี้ดูเงียบเหงาเหลือเกิน คิดแล้วก็เหมือนหลวงปู่จะบอกเป็นลางกลาย ๆ เมื่อ ๒ เดือนก่อนที่อยู่ ๆ กระจกนิรภัยหน้ากุฏิหลวงปู่ก็ระเบิดเสียงดังในเวลากลางวัน ร่องรอยคล้ายถูกฆ้อนทุบอย่างแรง ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตก็ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ นี่หลวงปู่ท่านอาจอยากจะบอกเตือนถึงเภทภัยที่กำลังจะมาถึงที่วัดสะแกในไม่ช้า
คุณเด็กข้างวัดกราบหลวงปู่ได้ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง โดยนั่งคุกเข่าจมลงไปในน้ำ จนกางเกงเปียกน้ำ คนขับรถของเราก็กราบตามในท่าเดียวกัน
ออกจากวัดมา ระหว่างทางก็รับชาวบ้านที่ขออาศัยติดรถมาลงถนนใหญ่ราว ๆ ๑๐ คน ถือเป็นการบรรเทาทุกข์ขากลับ เป็นอันจบโครงการโดยสมบูรณ์
สำหรับเรื่องปัจจัยซึ่งคาดว่าจะมีเหลือบางส่วน (รอสรุปจากคุณเพียงดิน) เพราะมีการโอนเงินตามมาในวันที่เดินทาง (ซึ่งอาจเพราะไม่ทราบว่าโครงการจบเร็วขึ้น ๑ วัน) จึงขอเรียนปรึกษาเพื่อน ๆ สมาชิกที่ร่วมทำบุญ ว่าจะเป็นการดีกว่าไหมว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปสมทบกับคุณศักดิชัย (ร้านทองมาบุญครอง) ซึ่งจะเป็นหลักในการบูรณะกุฏิหลวงปู่และหอสวดมนต์ (ซึ่งคาดว่าคงใช้เงินเป็นหลักแสน)
สุดท้าย ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่าน ทั้งท่านที่ร่วมบริจาคและร่วมเป็นกำลังใจให้โครงการบรรเทาทุกข์ชุมชนวัดสะแกเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ ภายในเวลาเพียงแค่ ๓ วัน |