ในบรรดาวัตถุมงคลทั้งหลาย ก็มักจะมีบรรดาเซียนยกสิ่งนั้นสิ่งนี้มาเป็น "จักรพรรดิ" เหนือวัตถุมงคลอื่น ๆ

แต่สำหรับวัตถุมงคลของหลวงปู่เราแล้ว ก็เห็นจะเป็นวัตถุมงคลชิ้นนี้แหละ - พระพรหมพิมพ์ใหญ่ ที่หลวงน้าดำท่านทูลเกล้าถวายในหลวง ท่านว่าแค่ตั้งใจจะถวายเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่มีพระหลวงปู่เป็นสิบ ๆ ปี๊บ แต่พอจะเริ่มคัดเลือกพระพรหมถวายในหลวง เปิดมาปี๊บแรก ก็เจอพระพรหมที่มีพระธาตุขึ้นงดงามมาก ๆ อยู่ตอนบนสุดของปี๊บ จากนั้นลองค้นดูพระที่เหลือ ก็ไม่เห็นมีสวยงามอย่างนี้อีก

หลวงน้าดำจึงอุทานว่า บารมีในหลวงท่านมากจริง ๆ

ร้านที่รับบุญทำกล่องบรรจุพระพรหมหรือพระจักรพรรดิองค์นี้ (ดีเหมือนกันที่เรียกพระองค์นี้ว่าพระจักรพรรดิ เพราะจะเอาไปถวายพระจักรพรรดิ คือกษัตริย์ผู้ทรงธรรม) ก็คือร้านทองแถวสามแยกไฟฉาย ซึ่งเป็นร้านที่ขายทองเอามาทำเหรียญเปิดโลกเนื้อทองคำ (เจ้าของร้านเองก็ได้จองเหรียญเปิดโลกเนื้อทองคำไว้ด้วยถึง ๑๐ เหรียญ แต่ใคร ๆ อย่าไปถามถึงทีเดียว เขาแจกพี่ ๆ น้อง ๆ และหวงกันสุดชีวิต) เจ้าของร้านสนิทกันดีกับลุงเมธา

จริง ๆ ก็เคยเล่าไว้บ้างในกระทู้วัตถุมงคลที่ทูลเกล้าถวายในหลวง

เล่าครั้งนี้อีกหน่อยพอให้เป็นสิ่งชุ่มชื่นหัวใจของคนชอบวัตถุมงคล (มีลุงสิทธิ์เป็นต้น) ประกอบกับจะลงรูปที่ปรับ contrast ให้เห็นเกร็ดพระธาตุเท่าที่อุปกรณ์จะเอื้ออำนวย

ขออนุโมทนากับคุณธุลีดินด้วย
และต้องขอให้พี่สิทธิ์รับเป็นธุระไว้
เพื่อมอบให้เพื่อนๆ ในโอกาสอันควร

เมื่อเช้าสวดมนต์ไหว้พระอยู่
นึกขึ้นได้ว่ายังมีภาพหลวงปู่ทวดและหลวงปู่
ที่ขอให้ท่านเสกไว้ เพื่อมอบเป็นกำลังใจให้กัน
เสียงจิ้งจกร้องทักเบาๆ ทันที

ตกลงสำหรับรางวัลเสริม
จะเป็นภาพหลวงปู่ทวดและหลวงปู่
สำหรับหมู่คณะ รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ที่จะมอบให้ต่อไป...

คุณเมธาครับ กรุณาเล่าเรื่องที่หลวงปู่ดู่ท่านทำให้คุณเมธาดูว่า การนึกและเห็นต่างกันอย่างไรด้วยครับ และจะนำไปเป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อแยกสิ่งที่เรานึกหรือคิดไปเองกับสิ่งที่เราเห็นจริงจริงอย่างไรครับ ขอบคุณครับ

ขอรับคำถามคุณสมชายด้วยความยินดี
คืนนี้จะมาเล่าให้ฟังนะครับ

เอ...แล้วองค์นี้พอชดเชยได้ไหมเนี่ย

มีเพื่อนสมาชิกบางคนสนใจกระทู้นี้ ถามต่อว่า
การเห็นภาพพระพุทธเจ้าในขณะภาวนาหรือนั่งสมาธิ
ถือว่าเห็น "พระแท้" แล้วหรือยัง

ตอบว่า "นิมิต" ภาพพระพุทธเจ้า ที่ไม่ใช่ "พระแท้"
ในความหมายที่หลวงปู่ท่านสอนก็มี เนื่องจากผู้ที่ฝึกสมาธิ
ภาวนาจนชำนาญสามารถกำหนดนิมิตจากบริกรรมนิมิต
เป็นอุคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต ที่เป็นพระพุทธรูป หรือ
รูปพระพุทธเจ้าได้ หากผู้ปฏิบัติมีความเห็นถูกเห็นตรง
เพียรทำเรื่อยไป ก็จะพบ"พระแท้"ของหลวงปู่ได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากศึกษาพุทธประวัติจะพบว่าพระพุทธเจ้า
ท่านแสดงนิมิตท่านให้ปรากฏและแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัท
จนได้บรรลุธรรม ลักษณะเช่นนี้ก็มีให้ได้ศึกษากันครับ

หลักปฏิบัติคือ หลวงปู่สอนให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เป็นอารมณ์ โดยใช้คำบริกรรมไตรสรณคมน์
และระลึกถึงองค์พระ (พระพุทธเจ้า) ด้วยความเคารพเลื่อมใส 
การระลึกแบบนี้ เรียกว่า "นึก" นั่นเอง

ให้นึกภาวนาเรื่อยไป พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ... กำหนดเป็นความรู้สึกที่แน่วแน่ในใจไว้ดังนี้
เมื่อจิตมีความสงบ หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่าจะเห็นแสงสว่าง
ถ้าทำแล้วมืดไม่ใช่แบบที่ท่านสอน ให้สำรวจดูว่าวางอารมณ์ไว้อย่างไร
เช่น ทำด้วยความอยากดี อยากเด่นหรือไม่ ฯลฯ ให้วางอารมณ์ใหม่

เมื่อจิตมีความสงบขึ้นอีก จะปรากฏนิมิตเป็นองค์พระ ผู้ปฏิบัติที่เพิ่ง
ทำได้ถึงตรงนี้หลายคนมักจะดีใจและองค์พระก็ "หายไป" ทันที
เมื่อกำหนดอารมณ์กรรมฐานขึ้นใหม่ วางความ "อยาก" เสียได้
องค์พระที่หายไป ก็จะกลับมาให้เห็นอีก ทำจนชำนาญโดยองค์พระ
อยู่ได้นานขึ้นๆ การนึกกับการเห็น สำหรับผู้ภาวนามาถึงจุดนี้
จะไม่สงสัยเลยว่าต่างกันอย่างไร

สำหรับเรื่องที่คุณสมชายอยากให้เล่านั้น ได้เคยเล่าไว้อย่างละเอียด
ในเรื่อง "บทเรียน บทแรก" ในหนังสือหลวงปู่ ลองอ่านดูนะครับ

คุณเมธาครับ ช่วยอธิบายเรื่องพุทธนิมิตรเรื่องวิมานแก้วและเรื่องกองบุญที่หลวงปู่ท่านทำไว้แล้วมีผู้กล่าวว่าเห็นทางสมาธิด้วยครับ มีความเป็นมาอย่างไร สามารถนำไปใช้ในเรื่องการปฎิบัติได้อย่างไรครับ หนังสือหลวงปู่ชื่อหนังสืออะไรครับ ขอบคุณครับ 

อนุโมทนาครับ ผมเองพยายามภาวนาอยู่ ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ แต่ก็จะภาวนาต่อไป คงมีสักวัน

คุณสมชายครับ

เรื่องพุทธนิมิต และกองบุญ ในเว็บนี้ มีกระทู้ที่เขียนไว้มากพอสมควร
ส่วนเรื่องวิมานแก้ว ผมเองความรู้น้อยต้องรบกวนท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ
หากสงสัยหรือสนใจศึกษา ขอให้อ่านเพิ่มเติมจากหน้าเว็บนี้: -
"สรุปหนังสือคำสอนหลวงปู่" และตามที่พี่พรสิทธิ์แนะนำครับ

คุณลุงสิทธิ์ครับพระของหลวงปู่ชิ้นนี้ใช่พระพุทธบาทสี่รอยหรือเปล่าครับ