หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน
คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป
(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)
|
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: หลวงปู่กับศิษย์รุ่นเตาะแตะ
แสดงความคิดเห็น |
|
สักกะ |
Posts: 21 topics
Joined: 11/5/2553
|
|
ความคิดเห็นที่ 11 « on 30/10/2557 14:35:00 IP : 58.136.119.48 » |
|
Re: หลวงปู่กับศิษย์รุ่นเตาะแตะ |
|
|
|
รพินทร์ Talk: |
แม้ผมจะไม่ทันหลวงปู่ แต่ผมรู้สึกอบอุ่นเสมอเมื่อคิดถึงท่าน อบอุ่นเมื่อได้ยินเสียงจิ้งจกทัก อบอุ่นเมื่อได้ประสบพบเรื่องราว เหมือนมีหลวงปู่อยู่ใกล้ๆ ...
ถ้ายังจำได้เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว พี่เมธาได้ริเริ่มจัดกิจกรรมทำงาน (นั่งสมาธิ) เพื่อถวายหลวงปู่ โดยนัดเวลานั่งพร้อมกันทุกวันพระช่วง 2 ทุ่ม โดยต่างคนต่างนั่งกันเองที่บ้านใครบ้านมัน ผมจำได้ดีในวันแรกที่เริ่มนัดกันนั่ง ได้เวลา 2 ทุ่มตามนัดแล้วแต่ผมยังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพราะยังสะสางงานไม่เสร็จ จะให้อาบน้ำแล้วไปนั่งในห้องพระคงไม่ทันหมู่เพื่อนแน่ๆ อีกอย่างเป็นการนัดกันนั่งวันแรกด้วยจึงไม่อยากพลาดโอกาส จึงตัดสินใจหลับตาและรวมจิตให้เป็นสมาธิที่หน้าคอมฯนั่นเอง...นั่งไปสักพักพอจิตเริ่มเป็นสมาธิก็ปรากฏเหมือนภาพฝัน ภาพนั้นเหมือนกับผมได้ไปนั่งต่อหน้าหลวงปู่ที่กุฏิของท่าน แต่เหมือนผมจะไปถึงช้าจึงได้นั่งหลังสุด โดยด้านหน้าหลวงปู่มีลูกศิษย์นั่งอยู่ก่อนแล้วหลายคน สักพักหลวงปู่มองมาที่ผม ท่านยิ้มให้และท่านก็กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาท่าน เหมือนโกหกผมแวบเข้าไปนั่งหน้าท่านทันทีเหมือนหายตัวได้ ในฝันเหมือนท่านจะมอบของอะไรบางอย่างให้ผมโดยบอกให้ผมแบมือมา ท่านวางสิ่งๆหนึ่งลงบนฝ่ามือของผม ผมมองดูสิ่งที่ท่านมอบให้ ขนลุกด้วยความปลื้มปีติ "เหรียญเปิดโลก"...ทันใดนั้นหลวงปู่ก็ยิ้มแล้วท่านก็พูดกับผมว่า ... "เหรียญๆนี้คุ้มครองได้แต่กายสังขารของแก ส่วนใจของแกสิ่งที่จะคุ้มครองได้ก็คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์"... พลันสิ้นเสียงหลวงปู่ ก็เป็นการสิ้นสุดของภาพฝัน และสิ้นสุดของสมาธิ พอเลิกนั่งมาคิดทบทวนถึงภาพฝันหรือผมจะฟุ้งซ่านมากไป เหรียญเปิดโลกก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีวาสนาได้ครอบครอง ... ประมาณหนึ่งปีผ่านไป สัญญาไม่เที่ยงหนอ เพราะผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท จนวันหนึ่งวันที่เราจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต วันนั้นรู้สึกจะเป็นวันสิ้นปีของปี 55 ผมขออนุญาตไปกราบขอพรปีใหม่ครู หลังจากสนทนาธรรมกันได้สักพัก ก่อนกลับครูบอกว่ามีสิ่งหนึ่งจะมอบให้ ผมรับสิ่งที่ครูมอบให้ ปีติจนขนลุกไปหมด "เหรียญเปิดโลก"
... กลับมาบ้าน ภาพฝันวันที่นั่งสมาธิก็ยังไม่ผ่านเข้ามาในความทรงจำ จนเวลาผ่านไปสักพักความทรงจำนั้นจึงหวลกลับมา ปีติจนน้ำตารื้น หลวงปู่เมตตาให้เหรียญเปิดโลกสิ่งอันเป็นมหามงคลของท่านจริงๆ แต่สิ่งที่เป็นมงคลยิ่งกว่านั้นคือท่านเมตตาให้ธรรมะมงคล ธรรมะมงคลที่ท่านให้เราตามหาพระเก่าพระแท้ที่จะติดใจเราไปทุกภพทุกชาติ ธรรมะมงคลของหลวงปู่
... "เหรียญๆ นี้คุ้มครองได้แต่กายสังขารของแก ส่วนใจของแกสิ่งที่จะคุ้มครองได้ก็คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" ...
"แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็ยังคิดถึงแก"... หลวงปู่ยังเมตตาคิดถึงผมจริงครับ...
|
|
สาาาาธุ
|
|
|
|
|
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ » คลิ๊กที่นี่ |
|
|