หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน
คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป
(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)
|
|
Started by |
|
|
Topic: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๒) (Read: 12965 times - Reply: 5 comments) |
|
|
|
(Admin) |
Posts: 75 topics
Joined: 5/11/2552
|
|
ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๒)
|
« Thread Started on 15/4/2553 10:03:00 IP : 124.121.125.200 » |
|
|
|
๒. เริ่มภาวนานับหนึ่งทุกครั้ง
ครูบาอาจารย์สอนว่าการปฏิบัติภาวนาแต่ละครั้ง ห้ามติดของเก่า ผมก็เลยเริ่มต้นลำดับไปตามขั้นตอนคือนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง
ไม่ถูกต้อง เพราะสำหรับผู้ที่เคยทำภาวนามาบ้างแล้ว หลวงปู่สอนให้จำอารมณ์เดิมที่เป็นจริตนิสัยหรือการสั่งสมของเรามาใช้ได้ เพื่อให้เกิดความสงบได้เร็ว เช่น บางคนแค่นึกถึงภาพและบรรยากาศขณะที่ตนกำลังนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมในป่า ใจก็สงบระงับในทันที บางคนทำความรู้สึกว่าตนกำลังนั่งปฏิบัติอยู่บนยอดเขาบ้าง ริมสระน้ำบ้าง จิตก็สงบ
การปรุงแต่งจิตในเบื้องต้นแห่งการภาวนา ท่านถือเป็นสิ่งที่ดี ไม่ขัดอะไร เพราะเรายังไม่ถึงขึ้นเหนือการปรุงแต่ง หากแต่อยู่ในขั้นของการปรุงแต่งในทางกุศล
หลวงปู่มุ่งหวังให้เราสร้างความชำนาญในการเข้าสู่ความสงบ จนแทบจะให้เป็นอัตโนมัติ เช่น กำหนดองค์พระปุ๊บ จิตก็สงบตั้งมั่นทรงตัวทันที เพราะเวลาจวนตัว ก็มีแต่การทำงานของจิตใต้สำนักเท่านั้น ที่จะพาให้เราเอาตัวรอดได้
นอกจากนี้ หากมีอะไรมาแทรกคั่นหรือขัดจังหวะการปฏิบัติของเรา เราก็ไม่ต้องรออุ่นเครื่องนาน สามารถวางจิตเข้าสู่ความสงบหรือการพิจารณาได้ต่อเนื่องดังเดิมภายในเวลาที่สั้นที่สุดได้
การที่สอนว่าไม่ให้ยึดติดกับของเก่านั้น หมายถึงส่วนผลต่างหาก มิใช่ส่วนเหตุ กล่าวคือ อย่าไปยึดติดว่าปฏิบัติครั้งนี้ว่าต้องสงบเหมือนคราวก่อน
อย่างไรก็ดี การหาอุบายทำความสงบใจสำหรับกรณีของผู้ใหม่ หากจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งก็ไม่แปลกอะไร เพราะถือเป็นการสร้างความชำนาญในช่วงต้น
แต่ถ้าว่าถึงอุบายการพิจารณาแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องตระหนักว่า ถ้าใช้อุบายเดิม ๆ เชื้อโรคมันจะดื้อยา จึงจำต้องหาอุบายสด ๆ ร้อน ๆ มาใช้แก้กิเลสจึงจะได้ผล |
|
|
|
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ความเข้าใจผิดในการภาวนา (ตอนที่ ๒)
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ » คลิ๊กที่นี่ |
|
|