๑๗ มกราคม ๒๕๕๕
ปีนี้ผมตื่นตั้งตั้งแต่ตีหนึ่ง(แอบงีบมาแล้วหน่อยหนึ่ง)
ตื่นขึ้นมาเพื่อสวดมนต์ และทำงานอย่างที่หลวงปู่ท่านเน้นย้ำ
แต่ก็ยังไม่พบอะไร ต้องค่อยๆทำไปอย่างที่อาเมธาแนะนำ
ตอนนี้ผมดีใจหน่อยหนึ่งว่า ผมนั่งสมาธิได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว
ไม่รู้ว่านี่จะเป็น "มานะ" ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า จนตีสามก็มาอ่าน
หนังสือธรรมะหาความรู้ใส่ตัว (ความจริงกลัวหลับยาว เลยหาอะไรทำแก้ง่วง)
ตี่สี่กว่าๆ ก็อาบน้ำแต่งตัว เอาดอกไม้มาถวายหลวงปู่ก่อนเดินทางไปวัด
หกโมงครึ่งก็ถึงวัด โอโห คนเต็มลานวัดเลยตั้งแต่หน้าพิพิธภัณฑ์ล้นไปไกล
ผมว่าไกลเกือบ ๑ กิโลเมตรเมตรเลย มองไปยังเห็นคนอยู่ลิบๆ
ชักท้อใจเหมือนกัน แต่ก็ตั้งใจมาแล้วนิครับ จะหันหลังกลับก็ใช่ที่
อุตส่าห์นั่งมอไซด์รับจ้างมาทนหนาวมาถึงละ อย่างน้อยขอกราบท่านได้ก็ยังดี
แต่ผิดคาดครับผม กุฏิว่าง เจอแต่หน้าญาติธรรมที่คุ้นเคยกันดี
หลายท่านก็เคยเจอทุกวันพุธตอนเพล เอาเป็นว่าเจอแต่หน้าเดิมๆ
เลยได้คำถามว่า "คนเขามาวัดวันนี้กันเพื่ออะไร แล้วเรามาทำไม"
พอกราบหลวงปู่เสร็จก็ไปหาอะไรรองท้องนิดหน่อย ก็ต้องขออนุโมทนา
กับท่านเจ้าของโรงทานทุกร้านด้วย จากนั้นก็ได้ถวายภัตตาหารเช้าแก่คณะสงฆ์
ทีนี้ละครับท่านผู้อ่านมีโอกาสไปช่วยคณะทำงานแจกแหวน ทำหน้าที่วัดเบอร์แหวน
เจอสารพัดความเป็นคนเลยครับ ทั้งดีและไม่ดี ฝ่ายไหนมากกว่าอย่าว่ากัน
เอาเป็นว่าเราอยากอยู่ฝ่ายไหน ก็ทำตนแบบนั้น เป็นเรื่องที่สามที่ได้จากวันนี้
จากนั้นก็ฟังคณะสงฆ์เจริญพุทธมนต์เป็นมงคลแก่ตัว ได้มีโอกาสกราบหลวงพี่ชาญ
สนทนาธรรมกันพักหนึ่ง ก็กราบลาหลวงปู่กลับออกมา
ที่เล่ามาซะยาวก็อยากให้ท่านๆทั้งหลายได้พอเห็นภาพ ถึงแม้จะไม่ได้ไปด้วยตนเอง
ก็ส่งจิตน้อมคารวะครูอาจารย์อยู่ที่บ้าน ทำงานตามที่หลวงปู่ท่านแนะนำไว้
ก็ขอโมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ |