luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   จากผู้ไม่ยอมกราบพระ กลายมาเป็นศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ดู่  (Read: 80605 times - Reply: 74 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

จากผู้ไม่ยอมกราบพระ กลายมาเป็นศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ดู่
« Thread Started on 26/11/2552 20:23:00 IP : 124.122.225.229 »
 

นายอู๋ หรือเฮียอู๋เป็นชื่อของหนึ่งในโยมอุปัฏฐากของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เฮียอู๋เป็นคนอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้มีบุคลิกภาพเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา พูดเสียงดังฟังชัด มักมีเรื่องต่าง ๆ มาเล่าให้หมู่คณะฟังอย่างสนุกสนาน           

เดิมทีเดียวนั้น เฮียอู๋เป็นผู้มีทิฏฐิมานะค่อนข้างรุนแรง มีอคติกับพระสงฆ์องค์เจ้า เหตุที่มากราบนมัสการหลวงปู่ดู่ได้ก็เพราะไม่อาจทนต่อการคะยั้นคะยอของญาติที่ต้องการให้เฮียอู๋มาถวายสังฆทานกับหลวงปู่เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บุพการีที่จากไป โดยที่เฮียอู่เองจะพยายามพูดเลี่ยงว่าเสียเวลา (ทำมาหากิน)            

เมื่อเฮียอู๋มาถึงวัดแล้ว ก็ยังไม่ยอมกราบหลวงปู่ พอญาติพูดชวนให้กราบหลวงปู่ เฮียอู๋ก็ตอบว่า "ผมเคารพแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ผมไม่เคารพพระสงฆ์"  ซึ่งก็ไม่ทราบได้ว่าเฮียอู๋จะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีอะไรในอดีตที่ผ่านมา จึงมีภาพที่ไม่ดีของพระสงฆ์จึงพูดแบบเหมารวมเช่นนั้น           

เฮียอู๋นับว่าโชคดีอย่างมหาศาลที่ไม่ได้ตายไปพร้อมกับมิจฉาทิฏฐิเช่นนั้น  ด้วยความเมตตาและปัญญาของหลวงปู่  มิช้านาน เฮียอู๋ก็มีจิตใจที่อ่อนโยนลง ค่อย ๆ บังเกิดศรัทธาและยอมลงใจให้กับหลวงปู่ชนิดเต็มร้อย หลวงปู่เคยพูดไว้ประโยคหนึ่งซึ่งทำให้เฮียอู๋และภรรยาไม่เคยลืมเลือน คือประโยคที่ว่า "ตาอู๋ ถ้าข้าไม่ตายซะก่อน ข้าจะเอาแกให้ดีให้ได้"  

เฮียอู๋คอยดูแลรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่ด้วยความเคารพนบนอบ และให้ความยำเกรงในองค์หลวงปู่ กล่าวคือเมื่อท่านให้ความเมตตา เฮียอู๋ก็ไม่เคยแสดงอาการที่เรียกว่า "ลามปาม" ครูอาจารย์ รวมทั้งไม่เคยวางตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหลวงปู่แต่อย่างใด จึงสมเป็นแบบอย่างโยมอุปัฏฐากที่ดีอีกท่านหนึ่ง

เฮียอู๋คนนี้เองที่นำเรื่องที่ไม่เคยมีใครทราบมาเล่าให้ฟัง ขณะที่เล่าไป น้ำตาแกก็ไหลออกมาด้วย แกเล่าให้ฟังว่า จะหาใครที่จะขี้เกรงใจเท่าหลวงปู่เราเป็นไม่มี ครั้งหนึ่งท่านอาพาธ แค่ท่านจะขอให้แกไปซื้อยาจากร้านค้าใกล้ ๆ วัด มาให้ท่าน ท่านยังต้องคอยให้เฮียอู๋เสร็จธุระ แล้วเอ่ยปากขอร้องแกอย่างเกรงใจเป็นที่สุด ...โถ ครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพรักอย่างสูง กับเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ทำไมท่านต้องเกรงใจผมด้วย (เฮียอู๋นึกในใจ)

แต่เรื่องที่สะเทือนใจเฮียอู๋มากที่สุด ก็คือการที่ได้พบความจริงตอนขอโอกาสทายาถวายท่านที่บริเวณก้น เพราะเฮียอู๋เพิ่งได้มาเห็นว่าที่ก้นของหลวงปู่เต็มไปด้วยแผล (ฝี) ที่มีร่อยรอยการอักเสบและแตกซ้ำ ๆ เพราะความที่ท่านต้องนั่งรับแขกทุกวี่ทุกวันบนไม้กระดานแข็ง ๆ เป็นเวลานับสิบ ๆ ปี  เฮียอู๋ทายาไปก็อดที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้

เฮียอู๋ได้ทำหน้าที่รับใช้หลวงปู่อยู่หลายปี โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเสียส่วนมาก มิได้แสดงอาการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครูบาอาจารย์ หรือเป็นนายหน้าแต่อย่างใดเลย อีกทั้งยังระมัดระวังทรัพย์สินของสงฆ์เป็นที่สุด เฮียอู๋ยังได้เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่เป็นผู้ที่มัธยัสถ์มาก ในช่วงบ่าย ๆ ที่ญาติโยมกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่จะเดินไปหยิบหนังยางที่ตกหล่นบนพื้นเอามาแขวนรวมไว้ที่ตะปู เพราะท่านเห็นว่ายังใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งลูกศิษย์ที่มาหยิบเอาไปใช้ก็มักไม่รู้ว่าใครเป็นผู้หยิบมารวมไว้ให้ได้ใช้กัน 

เฮียอู๋เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า "คุณรู้ไหม หลวงปู่รักเอ็นดูพวกคุณขนาดไหน เวลาคณะของพวกคุณจะเดินทางมาสนทนาธรรม หรือพักค้างปฏิบัติธรรมที่วัด หลวงปู่จะทราบล่วงหน้า และสั่งให้ผมเก็บผลไม้ไว้ให้พวกคุณรับประทาน เพราะกลัวพวกคุณจะหิว รวมทั้งให้จัดหามุ้งรอท่าไว้ให้"

เฮียอู๋ไม่เพียงทำหน้าที่โยมอุปัฏฐากที่ดีเยี่ยมเท่านั้น เฮียอู๋ยังทำหน้าที่ศิษย์ที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน

แม้หลวงปู่จะจากไปแล้ว เฮียอู๋ก็ยังคงมาดูแลที่กุฏิหลวงปู่อยู่เสมอ ๆ สลับกับการไปช่วยงานหลวงปู่สังวาลย์ วัดป่าสามัคคีธรรม จ.สุพรรณบุรี ไม่ว่าจะทำหน้าที่ขับรถพาพระไปบิณฑบาตทุกเช้า แล้วก็ซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีคนมาถวายให้วัด เฮียอู๋แสดงอาการแพ้ยูรีเทนให้เห็นก็ตอนทำหน้าที่นี้ (ซึ่งอาจเป็นปัจจัยอันหนึ่งที่เร่งอาการมะเร็งของเฮียอู๋)           

ตอนรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งนั้น เฮียอู๋ก็เร่งการปฏิบัติ และหากมีโอกาสก็จะไปพบหลวงปู่สังวาลย์ ซึ่งท่านจะเมตตาเป่าไล่ตั้งแต่หน้าอกและท้องของเฮียอู๋ หลวงปู่สังวาลย์ท่านเมตตาเฮียอู๋มาก ๆ เฮียอู๋ก็เคยกล่าวกับภรรยาว่าได้อาศัยน้ำมนต์หลวงปู่ดู่กับการเป่าของหลวงปู่สังวาลย์ทำให้ไม่เจ็บปวดทรมานมาก และก็ปรากฏเป็นจริงเช่นนั้น เพราะเฮียอู๋ไม่เคยต้องรับการฉีดมอร์ฟีนเลยกระทั่งเสีย

ชีวิตเฮียอู๋ได้รับการกล่าวขานจากทั้งแพทย์และพยาบาล ในช่วงที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในอยุธยา เพราะจากภาพ X-ray นั้น สภาพอวัยวะภายในของเฮียอู๋ แย่มาก ๆ ลิ้นหัวใจก็เปิด แผลฉีกขาดในช่องท้องก็เต็มไปหมด แพทย์และพยาบาลก็ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไรว่าทำไม่เฮียอู๋จึงยังมีชีวิตรอดและสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้           

เฮียอู๋บอกกับแพทย์พยาบาลที่นั้นว่า "ผมจะไม่ตายที่นี่หรอก ผมเตรียมที่ที่ผมจะตายไว้แล้ว" ใน ๒-๓ วัน สุดท้าย แกบอกคนที่มาเยี่ยมว่าแกขอบใจ แต่ขอเวลาแกปฏิบัติเพื่อเตรียมจิตจะเป็นประโยชน์ที่สุดกับแก ภรรยาของเฮียอู๋เล่าให้ฟังว่า เฮียอู๋พอใจที่แกสามารถปฏิบัติยกจิตขึ้นเหนือเวทนาได้ สุดท้ายเฮียอู่ได้เดินทางไปละสังขารที่วัดป่าสามัคคีธรรม ด้วยการจากไปที่เป็นแบบอย่างของนักปฏิบัติธรรม คือ องอาจกล้าหาญ และมีสติสมบูรณ์ ไม่มีอาการทุรนทุรายใด ๆ เลย ลมหายใจของเฮียอู๋ค่อย ๆ สงบลง ๆ กระทั่งหมดลมหายใจ

หลวงปู่สังวาลย์ท่านพยากรณ์ตั้งแต่ยังไม่เผาเฮียอู๋ว่า "เมื่อเผาแล้ว กระดูกจะเป็นพระธาตุ" ซึ่งเรื่องพระธาตุนี้ หลวงปู่ดู่เคยบอกว่า ตั้งแต่โสดาบันกระดูกก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุได้           

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ภายหลังการฌาปนกิจศพเฮียอู๋ ปรากฏว่ากระดูกของเฮียอู๋มีสีสัน ที่เด่นคือสีออกอมเขียว พระสงฆ์ลูกศิษย์ของหลวงปู่สังวาลย์ก็คว้ามับเอาไปจำนวนหนึ่ง อัฐิที่เหลือนั้น  หลวงปู่สังวาลย์ท่านให้สร้างเจดีย์บรรจุที่หน้าพระอุโบสถวัดป่าสามัคคีธรรม คู่กันกับอัฐิของนายเจริญ มัคคทายกของวัดที่อัฐิเป็นพระธาตุเช่นกัน           

พี่ดาผู้ภรรยาเล่าว่า ภายหลังเฮียอู๋จากไปไม่นาน หลวงปู่สังวาลย์ก็มรณภาพ แต่เธอได้ฝันเห็นหลวงปู่สังวายล์อยู่คราวหนึ่ง ในฝันนั้น เธอเรียนถามหลวงปู่ถึงคติที่ไปของสามีเธอ เพราะเธอยังไม่เข้าใจเรื่องอัฐิธาตุนัก หลวงปู่ตอบว่า "เขาไม่มาเกิดแล้ว เขาจะมาเกิดอีกทีก็พร้อมกับพระพุทธเจ้าองค์ข้างหน้าโน้น"เธอถามว่า "หมายถึงพระศรีอริยเมตไตรย หรือเจ้าคะ"  หลวงปู่ตอบว่า "อือ"           

เรื่องราวของเฮียอู๋นับว่าเป็นแบบอย่างของนักปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง ผู้เตรียมตัวเผชิญต่อพญามัจจุราชอย่างอาจหาญสมเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่ หลวงปู่สังวาลย์ และสมเป็นศิษย์พระตถาคตเจ้าโดยแท้

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: จากผู้ไม่ยอมกราบพระ กลายมาเป็นศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ดู่
จำนวนข้อความทั้งหมด:  31
<
1
2
3
4
แสดงความคิดเห็น
ปุถุชน

Posts: 1 topics
Joined: 8/5/2556

ความคิดเห็นที่ 31  « on 13/8/2556 13:27:00 IP : 202.29.26.248 »   
Re: จากผู้ไม่ยอมกราบพระ กลายมาเป็นศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ดู่
 
สิทธิ์ Talk:
...นึกถึงครั้งที่ลุงสิทธิ์ถามหลวงปู่ว่า "หลวงพ่อครับ เราจำเป็นต้องปฏิบัติให้สว่างด้วยหรือครับ"

หลวงปู่ตอบด้วยการตั้งคำถามกลับว่า "แล้วแกว่าเดินในที่มืด ๆ ดี หรือสว่าง ๆ ดีล่ะ"

...หนทางภายนอก หนทางภายใน

...สว่างภายนอก สว่างภายใน

...หยาบ กลาง ละเอียด

พิจารณา มหาพิจารณา



ขออนุญาตครับผม

เหมือนบังเอิญพี่สิทธิ์รู้ใจ น้องเบญเล่าว่า ปกติเวลานั่งสมาธิเขาจะมีอาการตัวหมุนจนแทบอาเจียน และเป็นเหน็บที่ขามาก แต่วันนั้นไม่ปรากฏอาการเหน็บชา ทั้งๆ ที่ใสกางเกงยีนส์ กลับมีแต่แสงสว่างจากข้างใน (เอ..รึว่าเป็นเพราะเปิดหน้าต่างหนอ ;) ) 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
<
1
2
3
4
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 7 Visits: 16,705,900 Today: 264 PageView/Month: 8,840