หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน
คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป
(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)
|
|
Started by |
|
|
Topic: เรื่องเล่า มีรางวัล (Read: 44199 times - Reply: 39 comments) |
|
|
|
สิทธิ์ |
Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552
|
|
เรื่องเล่า มีรางวัล
|
« Thread Started on 20/1/2554 7:52:00 IP : 203.148.162.151 » |
|
|
|
สืบเนื่องจากมีผู้ mail มาขอหนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ อยู่อย่างต่อเนื่อง
หนังสือตามรอยธรรมฯ นี้เป็นหนังสือปกแข็ง มีความหนาประมาณ ๔๐๐ หน้า ปัจจุบันหนังสือดังกล่าว ทางวัดสะแกเผยแพร่ออกไปจนหมดและยังมิได้จัดพิมพ์เพิ่มในช่วงนี้
ทางคณะผู้บริหารเว็บจึงมีความเห็นพ้องที่จะแจกหนังสือนี้ (ซึ่งยังมีสต๊อคอยู่จำนวนหนึ่ง) ให้เป็นรางวัลผ่านการบอกเล่าเรื่องราว โดยมีเกณฑ์ดังนี้
"เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับพัฒนาการในการฝึกฝนอบรมตนเอง และ/หรือการบำเพ็ญสิ่งที่ดีงามและการดำเนินชิวิตที่ดีขึ้น อันเป็นผลจากการได้แรงบันดาลใจและแง่คิด (ปัญญา) จากคติธรรมคำสอนและปฏิปทาของหลวงปู่มาเป็นแนวทางฝึกฝนอบรมตน"
รางวัล มีจำนวน ๑๐ รางวัล ประกอบด้วย
๑. หนังสือตามรอยธรรมฯ ท่านละ ๑ เล่ม ๒. ข้าวก้นบาตรหลวงปู่ (ที่หลวงปู่ให้ตากแห้งและอธิษฐานจิต) ท่านละ ๓ เม็ด
คณะผู้บริหารเว็บจะพิจารณากลั่นกรองเรื่องที่น่าสนใจที่สุด โดยอาศัยกรอบการพิจารณา คือ
๑. เป็นเรื่องประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเรื่อง บนหลักที่ว่า รู้น้อยแต่ปฏิบัติให้เกิดผล (โกรธ โลภ หลง ลดลง) ย่อมดีกว่ารู้มาก แต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติ ๒. แสดงออกถึงความศรัทธาและความจริงใจในการปฏิบัติเพื่อขัดเกลาตนเอง
หมดเขต ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ส่วนวันประกาศผลจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
สำหรับท่านที่ไม่ต้องการรางวัล แต่มีประสบการณ์ความประทับใจในการดำเนินชีวิตตามธรรมคำสอนของหลวงปู่ ก็เรียนเชิญมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว เพื่อจะได้เป็นคติ เป็นตัวอย่าง (ทั้งสิ่งที่ใช่ และไม่ใช่) และเป็นกำลังใจในการฝึกตนต่อไป เพราะคนเราเกิดมาจะเป็นผู้ประเสริฐเพราะความเป็นมนุษย์ก็หาไม่ หากแต่เพราะการฝึกตนต่างหาก
|
|
|
|
ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: เรื่องเล่า มีรางวัล
แสดงความคิดเห็น |
|
darkmoon |
Posts: 0 topics
Joined: 24/3/2554
|
|
ความคิดเห็นที่ 21 « on 24/3/2554 18:40:00 IP : 125.26.121.56 » |
|
Re: เรื่องเล่า มีรางวัล |
|
|
|
ครั้งแรกที่ผมรู้จักหลวงปู่ดู่ เพราะอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ น่าจะประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้ให้ความสนใจว่าท่านคือใคร เนื่องจากผมเล่น internet เป็นประจำ จึงได้บังเอิญไปอ่านเจอบทความและบทสวดมหาจักรพรรดิ์ และมีการแจกพระ ซึ่งตอนนั้นอ่านแล้วก็สนใจจึงได้ขอพระไป 3 องค์ และผมก็เพิ่มบทสวดพระมหาจักรพรรดิ์ลงในบทสวดที่ผมต้องสวดมนต์ทุกเช้าเย็นทุก วันแต่ก็ไม่ได้อ่านหรือศึกษารายละเอียดอย่างจริงจัง เพราะคิดว่าเราปฏิบัติทางสายหนึ่ง จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปปฏิบัติอีกอย่างจะเริ่มจากศูนย์ใหม่ ซึ่งโดยปกติผมก็สวดมนต์และนั่งสมาธิมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ประถม ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปบทสวดมนต์ก็เริ่มมากขึ้น จนใช้เวลาสวดนานมาก จนทุกวันนี้ต้องเลิกสวดไปหลายบท แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้ทดลองสวดบทพระมหาจักรพรรดิจนจำได้ในเวลาไม่นาน ซึ่งตอนแรกตอนที่ได้รับพระมามี 3 องค์ให้อาจารย์ไปหนึ่งองค์ซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่มหวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จ เจ้าพระยา จะให้พ่อกับแม่อีกหนึ่งองค์แต่ท่านไม่เอาเพราะคิดว่าไม่มีเวลาปฏิบัติ จึงได้อยู่กับผม 2 องค์ องค์หนึ่งมีพระธาตุเกาะที่ด้านหน้าองค์พระพอประมาณไม่หนาแน่น ซึ่งเล็กกว่าอีกองค์หนึ่ง เคยนำมากำและสวดบทพระมหาจักรพรรดิ์ทำเป็นกรรมฐานพักหนึ่งก็รู้สึกว่าตนเอง ควรจะเลือกทำทางสายใดสายหนึ่งให้ดีเป็นสายไปดีกว่าถึงไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของหลวงปู่แต่ก็เก็บพระเอาไว้เป็นอย่างดี และสวดบทมหาจักรพรรดิทุกวันวันละเก้าจบ และก็ใช้ชีวิตตามปกติคือสวดมนต์ก่อนไปมหาลัย มีโอกาสทำบุญได้ก็ทำ ตอนเย็นก็กลับบ้านไม่ไปเที่ยวไหนมหาลัยเลิกก็กลับบ้าน พระตกกลางคืนก็จะสวดมนต์และก็นั่งสมาธิทุกวันมิได้ขาด ถ้าจะถามว่ามีผลในการปฎิบัติอย่างไรบ้างก็พอมีบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายและถี่มากนัก กรรมฐานทางสายหลวงปู่ดู่ก็ทำบ้างเป็นบางครั้ง โดยปกติผมจะแผ่บุญให้กับอาหารที่ผมกินที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกครั้งตามแนวหลวงตาม้า เห็นสัตว์ตายก็แผ่ มีบางครั้งที่ลืม เห็นแมลงตกน้ำแมลงหงายท้องผมก็ช่วย เห็นแมลงติดใยแมงมุมก็ยังช่วย ผมเป็นคนไม่ชอบเดินตลาดเลย เพราะเห็นแล้วช่วยไม่ได้ทั้งหมด จึงเป็นที่รู้กันว่าผมไม่เดินตลาด มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเน้นกินมังสาวิรัต จึงไม่ได้แผ่บุญให้กับอาหารอื่นที่เป็นเนื้อสัตว์ที่ผมไม่ได้กินซึ่งถูกครอบอยู่ในฝาชีบนโต๊ะอาหารที่ผมได้นั่งรับประทานอาหารอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ปรากฎเสียงร้องของหมูดังมาจากฝาชี ผมฟังอยู่ซักพักหนึ่งจึงไดเปิดฝาชีดู ก็เห็นกับข้าวที่ทำจากเนื้อสัตว์ จึงนึกได้ว่าถึงเราจะกินมังสาวิรัตแต่เราก็ควรจะแผ่บุญให้กับอาหารที่เราไม่ได้กินด้วย พอคิดได้ดังนั้นเสียงร้องก็หายไป ผมก็เริ่มแผ่บุญให้ดวงจิตของสัตว์ที่มาเป็นอาหารในจาน แสดงว่าคาถาพระมหาจักพรรดิมีผล จึงเริ่มศึกษาวิธีปฏิบัติแนวทางหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าอีกครั้งแล้วคืนนั้นผมก็เริ่มศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างจริงจัง จนได้ข้อมูลในระดับหนึ่งแต่ยังไม่มากนัก ซึ่งได้พบว่าหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดมีความเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งพระอริยสงฆ์ที่ผมเริ่มรู้จักประวัติเป็นท่านแรกแนะนับถือเป็นองค์แรกก็คือหลวงปู่ทวด ซึ่งตอนอยู่ที่สมุทรปราการ เวลามีฝนตกจนน้ำท่วมเข้าบ้านทีไร ผมก็จะฝันเห็นหลวงปู่ทวดทุกครั้ง เนื่องจากผมเคารพในหลวงปู่ทวดเป็นทุนเดิม จึงเริ่มที่จะลองปฏิบัติตามอย่างจริงจังดู วันแรกจับภาพพระทรงเครื่องจักรพรรดิ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า อยู่กับใจเกือบตลอดวันแต่ไม่ชัดเจนมากนักยังสลัว ๆ อยู่ วันที่ 2 ซึ่งเป็นวันที่ 17 มีนาคม 2011 ทรงภาพได้แจ่มใจและเกือบตลอดทั้งวัน ตกคืนนั้นเอง หลังจากสวดมนต์เสร็จก็นั่งสมาธิด้วยความขี้เกียจของตัวเองจึงไม่ค่อยได้กำพระของหลวงปู่นัก เพราะเวลาสวดมนต์เสร็จแล้วขี้เกียจลุกไปหยิบพระก็คิดว่าจำได้ว่าให้นึกภาพเอาได้อะไรประมาณนี้ เราก็ทรงภาพท่านชัดเจนมาทั้งวันแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ก็นั่งท่องไปจับภาพท่านไปได้ชัดเจนดี ซักพักเดียวจากความรู้สึกเหมือนกับถูกกดสวิตซ์ เหมือนกับถูกกดแล้วสว่างขึ้นตัวโยกรู้สึกว่ามันเป็นไปเองเหมือนตุ๊กตาล้มลุกโดยไม่ได้บังคับอะไรซักพักก็หยุด เราก็นั่งต่อไปภาพที่เราจับก็เปลี่ยนเป็นชัดเจนกว่าเดิมเหมือนอยู่ต่อหน้ากันในหลากหลายอริยาบท รวมไปถึงเห็นภาพเรื่องราวอื่น ๆ พระท่านอื่นซึ่งเราไม่รู้จักได้ชัดเจน ภาพที่เห็นนั้นชัดยิ่งกว่ายืนเห็นกลางวันซะอีก เพราะมันชัดชนิดที่ว่าสว่างแบบเย็นไม่ใช่ร้อนแบบดวงอาทิตย์ พอถอนออกสมาธิก็ยิ่งเริ่มค้นคว้าเรื่องราวของหลวงปู่ดู่และหลวงตาม้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าแค่เพียงลองทำแค่ 2 วันแค่นั้นก็ได้ผลเร็วในระดับนี้ จึงคิดจะปฏิบัติตามแนวทางนี้ต่อไป ก็เริ่มทำความดีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำมากขึ้นอะไรที่คิดว่าเป็นความดี และเป็นกุศลก็พยายามทำซึ่งทุนเดิมก็ได้ทำมาตลอดอยู่แล้วก็ยิ่งทำเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก ล่าสุดเราเห็นที่สุสานทุ่งมนต์หลังจากวัดที่มีพิธีไหว้ครูก็มีโอกาสไปทำบุญหลายอย่าง จากนั้นก็ไปให้อาหารปลาเราก็เห็นขยะเต็มไปหมด เราก็นั่งเก็บของเราอยู่คนเดียว จริง ๆ รู้สึกได้เลยว่าหลวงปู่พาเราไปทำแต่สิ่งที่ดี ๆ ครับ เพราะมีโอกาสได้ทำความดีโดยบังเิอิญบ่อยมากครับ ดังที่ว่า แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้ ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลาน สร้างบุญกุศลมากับข้ามา แม้ในชาตินี้ ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา นผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า คยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า ก็ประมาณนี้ครับสรุปสั้น ๆ |
|
|
|
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ » คลิ๊กที่นี่ |
|
|