Web Laungpudu.com / Luangpordu.com ถือกำเนิดมาประมาณ ๖ เดือนแล้ว ยังไม่ได้ให้โอกาสสมาชิกแนะนำตัวเองเลย

คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการชักนำแต่ละท่านให้เข้ามาสนใจศึกษาธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและครูอาจารย์ทั้งหลาย รวมทั้งหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ยินดีด้วยครับ "ลูกไก่เถื่อน" เมื่อจบการศึกษาแล้วเราจะได้เขยิบมาเป็นไก่บ้านมีระดับ ใช้งานใช้การเป็นที่พึ่งแก่ตนเองได้ แต่อย่าลืมการงานภายในที่จะเป็นที่พึ่งแก่เราได้จริงเสียล่ะ

 สวัสดีและยินดีต้อนรับครับคุณนิดษา

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกที่ได้ยินว่ามีใครบริกรรมไตรสรณาคมน์ตั้งแต่ยังไม่ได้รู้จักหลวงปู่ เพราะคำบริกรรมไตรสรณคมน์นั้นค่อนข้างยาวทีเดียว คนส่วนใหญ่จึงชอบบริกรรมสั้น ๆ อย่างพุทโธ ฯลฯ มากกว่า  สงสัยจะมีนิสัยปัจจัยที่เรียกว่า "ปุพเพกตปุญญตา"

แต่เรื่องที่จัดว่าไม่แปลกก็คือ ผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่ดู่ จะเป็นผู้ศรัทธาในหลวงปู่ทวดด้วย

เรื่องฝากดวงให้หลวงปู่นี้ ผมก็ไม่เคยได้ยินหลวงปู่สอนนะ มีแต่อธิษฐานขอบารมีพระมาปกปักรักษาเรา และผมก็ยังเชื่อว่าอย่างหลังน่าจะเป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะควร เพื่อความเป็นตัวของตัวเอง และสอดคล้องกับหลักพัฒนาตัวเองให้พึ่งพาสิ่งภายนอก (ซึ่งรวมถึงครูอาจารย์) ให้น้อยลง ๆ จนเป็นไทแก่ตัวอย่างสมบูรณ์ 

เรื่องการฝากดวงของเราไว้กับหลวงปู่ตามที่คุณนิดษาได้ยินได้ฟังมานั้น

ลองคิดดูนะครับ ว่าหากอนาคตคนที่ฝากดวงไว้นั้นต้องประสบเคราะห์กรรม (ตามกฏแห่งกรรมอันศักดิ์สิทธิ์) เขาจะนึกโทษหรือน้อยใจหลวงปู่ไหมหนอว่าทั้ง ๆ ที่ฝากดวงไว้กับหลวงปู่แล้ว ทำไมหลวงปู่ไม่ช่วย ทำไมหลวงปู่ไม่สงเคราะห์ หลวงปู่ช่างไม่เมตตาเขาเลย ฯลฯ

ดังนั้น แนวทางแห่งการฝึกตน (รวมทั้งรับผิดชอบผลกรรมของตน) จึงควรเป็นเรื่องโอปนยิโก คือน้อมเข้ามาหาตัว คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็น้อมเข้ามา บารมีพระก็น้อมเข้ามา ไม่ใช่ส่งออก ไม่ใช่ฝากเป็นฝากตาย ฝากเคราะห์ฝากกรรมของเราให้คนอื่นรับผิดชอบ ถ้าเรารักเคารพใคร ควรหรือที่เราจะให้ท่านมาแบกรับวิบากกรรมของเรา

เราควรน้อมรับความเมตตาของหลวงปู่ด้วยการตั้งใจประพฤติธรรม เพื่อให้ในที่สุด ธรรมย้อนกลับมารักษาคุ้มครองเรา มิใช่เห็นว่าหลวงปู่มีเมตตาไม่มีประมาณ เลยเอาภาระไปให้ท่านแบก หรือเอาผลกรรมของเราไปให้ท่านเสวยหรือหาทางผ่อนคลาย

ก็ตัวปฏิบัติธรรมที่หลวงปู่แนะนำนั้นแหละ จะเป็นตัวช่วยผ่อนวิบากกรรมที่ไม่ดีอยู่ในตัวแล้ว ดวงดี ดวงไม่ดี เราต้องเป็นทายาท เพราะเราเป็นผู้สร้างเหตุ

คุณนิดษาไม่รู้สึกหรือว่าด้วยวิธีการฝากดวง จะเป็นเหตุให้เราไม่หนักแน่นในหลักเรื่องกรรม และเป็นการหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกยิ่งกว่าการกระทำของตนเอง  

บารมีพระเป็นสิ่งที่มีจริง แต่ท่าทีของเราต่อบารมีพระคือการน้อมเข้ามาเป็นพลังใจในการฝึกฝนอบรมตน ไม่ใช่เอาตัวเราไปขึ้นกับสิ่งนั้นจนเสียหลักในเรื่องความเพียรชอบ และสั่นคลอนต่อหลักกรรม

คำว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือกรรม" (ที่ผมเขียนไว้ในหนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจ) วัตถุประสงค์ก็เพื่อจะบอกว่าทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ถ้าไม่ประสงค์จะเสวยวิบากกรรมชั่ว ก็ต้องไม่ทำกรรมชั่ว ถ้าเราหาทางหลีกการเสวยวิบากกรรมที่ไม่ดีด้วยการฝากดวง ก็เท่ากับว่าเรา "เชื่อไม่จริง" ในเรื่องหลักกรรม และเรากลับมีทัศนะที่ผิดว่าอำนาจของหลวงปู่จะอยู่เหนืออำนาจแห่งกรรม

ขออนุโมทนากับคุณนิดษาด้วยครับ ดีใจที่คุณนิดษาได้ศรัทธาในพระสงฆ์ผู้ตรงต่อธรรมและตรงต่อทางอย่างหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ชื่อเสียงไม่สำคัญเท่าศรัทธา

ศรัทธาไม่สำคัญเท่าลงมือทำ

ทั้งพี่สิทธิ์และพี่หลิมล้วนเป็นศิษย์ในหลวงปู่ดู่ที่ตรงธรรมและตรงทางไม่ต่างกับผู้เป็นครู ผมจึงอยากสนับสนุนให้คุณนิดษาได้ตั้งใจศึกษาคำสอนหลวงปู่ควบคู่ไปกับการลงมือทำ ติดขัดอย่างไรจะได้รีบแก้ไขในขณะที่ยังอยู่ ปลดภาระภายในให้เบาบางลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะครับ

ศิษย์หลวงปู่ดู่มีมากมาย แต่ที่จะตรงต่อธรรมและตรงต่อทางเดินที่เป็นสัมมานั้นมีไม่มาก ผมไม่อยากยกย่องบุคคลทั้งสองว่าดีวิเศษกว่าผู้ร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกัน  เอาเพียงว่าที่ผ่านมาหลายสิบปี หลวงปู่ดู่หากท่านยังอยู่ก็จะไม่เสียดายเวลาที่ได้ท่านทั้งสองนี้มาเป็นศิษย์ก็แล้วกัน

อยากตามหลวงปู่ดู่ให้ทัน ก็ต้องตามทั้งสองท่านนี่แหละครับ

ปรารถนาดีจากใจจริง

รณธรรม ธาราพันธุ์

คุณรณธรรมก็ยกกันเกินไป เอาแค่คุณมธาคนเดียวก็พอ เพราะหลวงปู่พูดชมไว้จริง ๆ ลุงสิทธิ์เป็นแค่พนักงานเก็บกวาดประจำเว็บเท่านั้น

จริง ๆ ที่ทำกันอยู่นี่ไม่มีอะไรมาก ก็บอกเล่ากันไปตามที่ได้ศึกษาจากหลวงปู่ ทีนี้ ปัญหาก็อาจเกิดตรงที่ไปขัดกับที่บางแห่งเผยแพร่อยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาศึกษากันมาอย่างไร บางคนไม่ทันหลวงปู่ แต่บัญญัติวิชชาพิสดารออกมา เช่น วิชาเปิดโลก วิชาปรับภพภูมิอะไรนี่

ทางผมกับเพื่อน ๆ ที่เคยศึกษากันมากับหลวงปู่ก็เลยไปสอบถามจากศิษย์เก่าแก่ท่านอื่น ๆ ว่าวิชชาเหล่านี้มีด้วยหรือ (เผื่อหลวงปู่สอนคนอื่นหรือกลุ่มอื่น แล้วเราไม่ได้ยินได้ฟัง) ก็ไม่พบ และได้รับคำยืนยันว่าถึงไม่ได้ยินทั้งหมด (เพราะเราก็ไม่ได้อยู่กับหลวงปู่ตลอดเวลา) แต่คำสอนของพระแท้อย่างหลวงปู่ย่อมต้องไม่ขัดกันเอง

ก็ในเมื่อหลักกรรมเป็นเรื่องใหญ่ เราจะไปมีวิชชาปรับภพภูมิที่ฝืนกฎแห่งกรรมได้อย่างไร ที่หลวงปู่พาทำก็เพียงแผ่เมตตาตามปรกติ เขารับแล้วจะถึงขั้นเปลี่ยนภพภูมิหรือไม่ก็เป็นเรื่องบุญกรรมของเขา ขนาดเปรตปากซอยวัดสะแก หลวงปู่ยังแผ่เมตตาให้เป็นปี กว่าเราจะไม่ได้ยินคำพูดจากหลวงปู่ว่าให้ช่วยกันแผ่เมตตาให้เปรตนั้นอีก แล้วอย่างเรา ๆ จะมีบารมีพอจะเที่ยวปรับภพภูมิหรือแม้จะขอบารมีพระเพื่อปรับภพภูมิสัมภเวสีทั้งหลายได้ง่าย ๆ เชียวหรือ วิชชานี้มันขัดกับหลักกรรมอย่างยิ่ง  เมื่อได้พูดคุยกับศิษย์ผู้ใหญ่หลาย ๆ คน เราจึงมั่นใจว่าไม่ใช่แน่ ถ้าไม่สร้างเว็บนี้มาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง คำสอนและปฏิปทาของหลวงปู่ต้องคลาดเคลื่อนหรือถูกเบี่ยงเบนไป เพราะระยะหลังเริ่มมีคำพูดหลวงปู่แปลก ๆ ออกมาเผยแพร่ สืบค้นไป จึงทราบว่าน้องที่เพิ่งมาศรัทธาหลวงปู่ภายหลัง นั่งสมาธิแล้วเหมือนมีหลวงปู่มาสอน แต่เวลาเขาเผยแพร่ ก็มิได้บอกตรง ๆ ว่าเป็นคำที่แว่วมาในขณะนั่งสมาธิ หากแต่บอกว่าเป็นคำสอนหลวงปู่โดยตรง

การทำเช่นนี้ถือว่าไม่เคารพหลวงปู่เอาเสียเลย (แม้จะทำด้วยความศรัทธาต่อหลวงปู่ รวมทั้งทำด้วยความปรารถนาดีต่อผู้อื่นก็ตาม)

อีกฝั่งหนึ่งก็นำศิษย์ใหม่ ๆ ทำพิธีกรรมไม่รู้จักจบจักสิ้น จนลืมคำสอนหลวงปู่ที่เน้นการปฏิบัติภาวนา ทานภายนอกจะให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนมันก็แค่ทาน ไม่เหมือนศีล สมาธิ และปัญญา

ที่สำคัญการยุ่งกับพิธีกรรมก็คือการยุ่งกับเงินทำบุญ ข้องกับเรื่องลาภสักการะอันเป็นข้าศึกต่อการฝึกฝนอบรมตน ดูหลวงปู่สิ ท่านไม่เห็นมีพิธีกรรมอะไรกันมากมายเลย ใครสบตาท่าน เป็นต้องได้ยินว่า "ไปทำงาน" คือให้ไปหามุมนั่งสมาธิ ไม่เห็นได้ยินว่าให้เตรียมของทำพิธีอย่างนั้นพิธีอย่างนี้เลย

อีกกลุ่มหนึ่งก็เอาแต่หาเงินทำบุญ อยากจะถามจริง ๆ ว่าสมัยหลวงปู่มีชีวิตอยู่ ท่านเน้นให้คนมาปฏิบัติ หรือเน้นหาเงินเข้าวัด ถ้าเราอยู่กับท่านจริง เราต้องตอบได้ว่าท่านไม่เคยบอกบุญใคร ตรงกันข้าม ท่านรังเกียจการเรี่ยไรหรือบอกบุญถึงขนาดให้ลุงยวงหลานท่านช่วยติดประกาศห้ามเรี่ยไรไว้ที่บริเวณหน้ากุฏิท่าน

แต่สมัยนี้ กลับได้ยินเรื่องที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง ที่คนมาใหม่กราบหลวงปู่ยังไม่ทันครบ ๓ หน ก็มีลูกศิษย์หลวงปู่มายื่นซองพร้อมเชิญชวนให้ทำบุญ!

...มาหาหลวงปู่ มาศึกษากับหลวงปู่ สุดท้ายจะเอาอะไรกัน จะเอาลาภสักการะ จะเอาชื่อเสียง จะเอาอะไร ก็ในเมื่อหลวงปู่บอกสอนมาตลอดว่า "เวลาเหลืออีกไม่มาก ให้รีบพากันปฏิบัติ" ทำไมจึงจะพากันติดกับดักที่พญามารดักเอาไว้ จนพระพุทธเจ้าเคยกล่าวด้วยความสลดใจว่า "ลาภสักการะย่อมฆ่าลูกตถาคต"

สาธุ (ที่จริงอยากอุทานสามครั้งให้สมอยาก ติดที่หลวงตามหาบัวขนาบไว้ว่า จะสาธุอะไรกันมากนัก ครั้งเดียวก็พอแล้ว)

ของจริงคงต้องอย่างนี้แหละครับ ไม่เอาใจใคร ไม่เทิดทูนอะไรที่ผิดไปจากธรรม พี่สิทธิ์เคยบอกว่าบางครั้งพูดแรงก็เห็นใจคนอื่นท่านอื่น แต่สำหรับต่อแล้ว ไม่มีตรงไหนที่แรงเลยครับ ค่อนไปทางนุ่มนวลเสียด้วยซ้ำ หากหมู่คณะต่อได้ยินอย่างนี้ คงภาวนากันสิบนาทีก็คุยฟุ้งว่าหยุดภพภูมิตัวเองได้แล้ว

เพราะฉะนั้นต้องขนาบกันบ้างแหละจึงดี

ขอให้เมตตาพี่ ๆ น้อง ๆ ผู้มาใหม่ต่อไปด้วยเทอญ

พี่สิทธิ์ครับ วันนี้เราได้รู้ที่มาของเคล็ดวิชาภาวนาที่อาจารย์ต่อ
เคยบอกว่า ให้ "กระหน่ำ" แล้ว

สาธุ

สวัสดีค่ะ  เป็นสมาชิกใหม่ขอรายงานตัวค่ะ

ก่อนน้ำจะท่วมใหญ่ เป็นคนไม่ค่อยสวดมนต์ก่อนนอน (ทำบ้างเวลาอยากจะทำเท่านั้น)

เรื่องนั่งสมาธินั้นไม่ต้องพูดถึงใช้คำว่าไม่รู้เรื่องเลยดีกว่า

พอเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ครอบครัวเหมือนมีการพัดพราก(แยกกันอยู่ช่วงนั้น)

ลูกไปเป็นจิตอาสาชวยเหลือผู้ประสบภัยที่มหาลัยของเขา

ส่วนพ่อบ้านเขาต้องดูแล น้องหมาที่เราให้ข้าวเขากิน(เป็นมาจรจัดแถวบ้าน) 8 ตัว

ตัวเราเองตัวคนเดียวที่จริงที่ทำงานเขาให้เข้ามาอยู่ที่ออฟฟิตได้

แต่ดันต้องไปรับผิดชอบคนข้างบ้านที่เขามีรถยนต์สองคันเขาไม่มีที่จอด

เขาขอร้องให้เราหาที่ให้เขาอยู่ด้วย ความที่เราสงสารเขาเพราะครอบครัวเขามี ตั้ง 9 คน

เราหาที่อยู่ให้เขาได้ค่ะ คือไปอยู่ ราชบุรีเป็นบ้านคนที่ทำงานเนี่ยแระเขาเกษียณแล้ว บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่เป็นบ้านหลังใหญ่ พี่เขาทีฐานะร่ำรวยค่ะบ้านเขาหลังนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง เราพาเขาไปพักกันที่นั่น 2 เดือนกว่าๆตัวเราเองไม่ได้พักกับเขาหรอกนะคะเข้ามาอยู่ที่ทำงาน

ช่วงนั้นเริ่มสวดมนต์ไหว้พระทุกวันและฝึกนั่งสมาธิก็หาดูในเวปต่างๆเนี่ยแระ

และมาเจอคำสอนหลวงปู่ดู่ก็เลยเอามาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ

ที่จะหนักที่สุดก็คงหลังจากน้ำท่วมเนี่ยละมั้ง คนที่เราพาเขาไปอยู่ที่ราชบุรี เขากลับมาบอกคนแถวบ้านว่าเขาไปพักบ้านญาติเขาที่ราชบุรี(เห็นเขารวยแล้วเหมาเอามาเป็นญาติเลย) แต่กลับมาเรามาพูดให้ชาวบ้านแถวนั้นฟังว่าเรานั้นไปได้ไปพักกับเขาหรอกนะ ไปอยู่กับชายชู้ที่ไหนก็ไม่รู้(ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เผอิญพ่อบ้านเขารู้ว่าเราอยู่ที่ไหนช่วงนั้นเขายังมาหาเราที่ทำงานเลย) มีการส่งคนให้มาเล่าให้พ่อบ้านฟังอีกแนะตรงนี้พ่อบ้านไม่เชื่ออยู่แล้ว พ่อบ้านก็มาค่อยๆมาเล่าให้เราฟังอีกทีและก็คอยย้ำว่าฟังแล้วอย่าโกรธเขาให้อภัยเขานะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่แน่สงสัยต้องขึ้นโรงขึ้นศาลไปแล้วค่ะ ดีนะที่มาฝึกนั่งสมาธิและอ่านคำสอนของหลวงปู่ ก็คิดว่าเนี่ยคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขากำลังมาทวงหนี้กรรมกับเราแล้วหล่ะชาติก่อนเราคงไปนินทาว่าร้ายเขาไว้เยอะเขาเลยมากระทำกับเราแบบนี้ ก็ขอโหสิกรรมกับเขาหลังจากออกจากสมาธิแล้ว(ไม่ได้ไปขออโหสิกรรมกับเจ้าตัวเขาหรอกนะ)ตอนนี้ทำตัวเฉยๆตัวพวกเขาเองก็ไม่กล้าแม้จะมองหน้าเราพอเห็นเราไกลๆเขาก็จะหลบ

การทำสมาธิทำให้เรานิ่งมากไม่ใจร้อน ตอนนี้จะสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิก่อนนอนทุกวันได้ 30 นาทีบ้าง 1 ชั่วโมงบ้างแล้วแต่วันนั้นจะมีอะไรมากระทบมากน้อยขนาดไหน

ขอกราบแทบเท้าหลวงปู่ดู่ค่ะ

ยินดีต้อนรับคุณณีสู่เว็บหลวงปู่อมยิ้มครับ