ภาพเก่าเล่าเรื่องภาพแรกนี้เป็นภาพที่คนที่เพิ่งมารู้จักหลวงปู่มักสงสัยว่าอะไรนะที่ปิดที่เท้าหลวงปู่ จะสันนิษฐานว่าเป็นแผ่นทองคำเปลวก็ไม่น่าใช่ เพราะหลวงปู่เป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่พระพุทธรูปสักหน่อย

คำตอบก็คือเป็นแผ่นทองคำเปลวจริง ๆ

เพื่อป้องกันมิให้มีใครไปนึกปรามาสหลวงปู่ว่าทำตัวเหมือนพระพุทธเจ้าหรืออย่างไร  จึงขอเล่าที่มาไว้สักเล็กน้อย

เรื่องนี้เป็นเพราะภรรยาของ ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่งในอยุธยา (ภายหลังมาเปิดร้านทอง) เธอบนบานศาลกล่าวเรื่องใดก็ชักจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ที่สำคัญคือเธอบนว่าหากเรื่องนั้นสำเร็จ เธอจะแก้บนด้วยการเอาแผ่นทองคำเปลวมาติดที่เท้าหลวงปู่

แน่นอนที่สุด หลวงปู่ท่านต้องปฏิเสธมิให้ใครมาทำอะไรเช่นนั้น แต่ด้วยการตื้อของเธอ ประกอบกับการขอร้องหลวงปู่ว่าเธอต้องรักษาสัจจะ ในที่สุดหลวงปู่ก็จำต้องใจอ่อนยอมให้เธอปิดทองคำเปลวที่เท้าท่าน

โบราณท่านว่า หากลาภจะเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรให้เสมอหน้ากัน มิเช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเลือกที่รักผลักที่ชัง และเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจกับผู้ที่มิได้ลาภ ดังนั้น บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อเห็นว่าหลวงปู่อนุญาตเธอผู้นั้นแล้ว ก็พากันทะยอยมาขออนุญาตหลวงปู่บ้าง ผลที่สุดจึงมีทองคำเปลวติดเต็มหน้าแข้งหลวงปู่

แต่จะมีใครรู้บ้างว่า หลวงปู่ท่านเมตตาอนุญาตให้ทั้ง ๆ ที่ท่านเองก็รู้ว่าใครก็ตามมาสัมผัสเท้าท่าน เท้าท่านก็จะบวมในไม่ช้า และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ วันรุ่งขึ้นเท้าท่านบวมขนาดว่ามองไม่เห็นตาตุ่ม

อาการเท้าบวมของหลวงปู่นั้นมิใช่เกิดจากแผ่นทองคำเปลว หากแต่ใครก็ตามที่สัมผัสโดนเท้าท่าน เป็นบวมทุกทีไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องคอยระวังบรรดาพวกที่ชอบจู่โจมกราบให้ถึงหน้าตักครูบาอาจารย์

เรื่องที่ใคร ๆ มาสัมผัสถูกเท้าหลวงปู่ไม่ได้นั้น ศิษย์อาวุโสบางคนก็ให้เหตุผลว่าหลวงปู่ท่านบริสุทธิ์มาก บริสุทธิ์เกินกว่าใคร ๆ จะมาสัมผัสถูกตัวท่าน  เรื่องนี้ก็สุดวิสัยที่ใครจะทราบสาเหตุอย่างถ่องแท้

เอาไว้มีโอกาสจะนำภาพเก่ามาเล่าเรื่องให้ฟังอีกครับ

น้องเหลิมครับ 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่ารูปนี้มิใช่รูปต้นฉบับ
หากแต่เป็นรูปที่เกิดจากการถ่ายภาพซ้ำไปที่รูปเก่า

แสงสว่างที่ปรากฏ น่าจะเป็นเพียงเงาสะท้อนขณะถ่าย
(ลองสังเกตเงาสะท้อนที่ส่วนอื่น ๆ ของภาพ)

น้องเหลิมและเพื่อน ๆ ครับ บรรยากาศวันสงกรานต์ที่วัดสะแกในช่วงเช้าเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่ได้ไปที่วัดในช่วงเช้า ลุงสิทธิ์ไปวัดสะแกตอนเย็น เห็นพวงมาลัยที่มาสักการะหลวงปู่มากมายเหลือเกิน

ส่วนบรรยากาศของการปฏิบัติภาวนาถวายหลวงปู่ในช่วงค่ำที่วัดสะแกก็เป็นไปอย่างอบอุ่น มีการสวดมนต์ทำวัตรเย็น (แปล) นำโดยศิษย์ใหม่ ๆ  ผลัดเปลี่ยนหน้าที่กัน (จะได้มีผู้สามารถนำสวดมนต์ได้หลาย ๆ คน)

จากนั้นก็ปฏิบัติภาวนาร่วมกัน ๑ รอบ เป็นระยะเวลา ๔๕ นาที จากนั้นก็มีเสียงมาเรียกให้ไปทานข้าวต้ม (=ข้าวต้มเบรค ไม่ใช่คอฟฟี่เบรค) เสร็จแล้วก็มานั่งสนทนาธรรมชวนกันย้อนยุคไปในสมัยพุทธกาลบ้าง ชวนกันระลึกถึงความแก่ ความเจ็บ และความตายบ้าง ให้กำลังใจและแลกเปลี่ยนอุบายการภาวนากันบ้าง ฯลฯ

จบลงด้วยการปฏิบัติภาวนาส่งท้ายอีก ๑ รอบ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน (ก่อนที่แก๊งปาหินจะออกอาละวาด ^__^)

นี้คือบรรยากาศเท่าที่ได้สัมผัสในวันสงกรานต์ที่วัดสะแกครับ

ป้าน้องทำให้ผมระลึกถึงโอวาทของพระพรหมคุณาภรณ์เกี่ยวกับคุณของการระลึกถึงไตรสรณคมน์ โดยใจความท่านสอนว่า การระลึกถึงไตรสรณคมน์จะเป็นเหตุให้ ๑. ช่วยให้ตระหนักถึงหน้าที่ในการฝึกตน (ทัมมะ) ให้เข้าถึงธรรม (ธัมมะ) ๒. ช่วยให้ได้กำลังใจ ว่าพระพุทธเจ้านี้ไง เป็นคนอย่างเรา ๆ ก็ยังสามารถฝึกตนจนเข้าถึงธรรมะได้ ๓. ช่วยให้ระลึกถึงแบบอย่างของแนวทางการฝึกตนตามที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ เพื่อไปสู่สังฆะ หรือสังคมของผู้ประพฤติธรรม นั่นก็คือการเดินไปสู่ "อนุพุทธะ" ผู้รู้แจ้งธรรมะตามพระพุทธองค์

ป้าน้องครับ การศึกษาและปฏิบัติ ทำให้เราเกิดความรู้ความเข้าใจได้ว่า การระลึกถึงไตรสรณคมน์จะนำเราไปสู่การประพฤติธรรม จนทำให้เรามีตน (ที่ฝึกดีแล้ว) เป็นที่พึ่งแห่งตน

การประพฤติธรรมหรือฝึกตนสูงสุดจะนำเราไปสู่ความหมด "ตัวตน" ไม่ต้องแบกแม้ความดีงามที่บำเพ็ญมา

ชอบภาพฟีลม์มันดูมีเสน่ห์ มนต์ขลัง และมีชีวิต มากกว่า ภาพดิจีตอล

ภาพโบราณ ...คนโบราณ

คนปัจจุบันในยุคอดีตกลายเป็นคนโบราณในยุคนี้

คนปัจจุบันในยุคนี้ก็จะกลายเป็นคนโบราณในยุคหน้า

คนปัจจุบันในยุคหน้าก็จะกลายเป็นคนโบราณในยุคโน้น ฯ

น้ำในแม่น้ำมหาสมุทรยังดูเล็กน้อย เมื่อเทียบกับน้ำตาของสัตว์โลกที่หลั่งออกมาเพราะทุกข์จากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราด ฯลฯ

ภูเขามหึมายังดูเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกองกระดูกของสัตว์โลกที่เกิด-ตาย เกิด-ตาย

มองภาพหลวงปู่ กราบนมัสการหลวงปู่ เหมือนหลวงปู่จะมอบให้ซึ่งพระธรรม รีบนำไปตรองดู

ขออนุญาตพิจารณาตามพี่สิทธิ์ครับผม

พระโบราณ...พระปัจจุบัน...พระแท้

ปัญญาของโลกย่อมเปลี่ยนไปเมื่อปัญญาโลกใหม่ไล่หักล้างทัน

ปัญญาแห่งพระธรรม ค้ำจุนโลก เที่ยงแท้ ท้าคนจริงพิสูจน์อกาลิโก

ปัญญาของโลก ปัญญาหาเงินหาทอง หาอยู่หากินและดำรงชีพ

ปัญญาแห่งพระธรรม ปัญญาเพื่อหลุดพ้น ไปสู่ความสุขแท้และความจริงอันประเสริฐ