luangpudu.com / luangpordu.com
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเองจากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชนตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ทั้งหลักศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาความสามารถในการมีความสุขของตนให้ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น กระทั่งถึงภาวะความสุขชนิดที่จะไม่กลับกลายเป็นความทุกข์ได้อีก นั่นก็คือพระนิพพาน

คณะผู้จัดทำฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้มาเยือน Website แห่งนี้ จะได้รับความอิ่มเอิบใจและปีติกับเรื่องราวและธรรมะคำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รวมทั้งเกิดศรัทธาและพลังใจในการขวนขวายปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ใจได้สัมผัสธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่งตลอดไป

(โปรดแลกเปลี่ยน/แสดงทัศนะอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นธรรมะคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของดเว้นบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เป็นไปในเชิงพาณิชย์หรือปาฏิหาริย์ที่มิได้วกเข้าหาธรรม)

   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ภาพเก่าเล่าเรื่อง  (Read: 179517 times - Reply: 108 comments)   
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ภาพเก่าเล่าเรื่อง
« Thread Started on 3/4/2554 22:39:00 IP : 27.145.188.119 »
 

ภาพเก่าเล่าเรื่องภาพแรกนี้เป็นภาพที่คนที่เพิ่งมารู้จักหลวงปู่มักสงสัยว่าอะไรนะที่ปิดที่เท้าหลวงปู่ จะสันนิษฐานว่าเป็นแผ่นทองคำเปลวก็ไม่น่าใช่ เพราะหลวงปู่เป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่พระพุทธรูปสักหน่อย

คำตอบก็คือเป็นแผ่นทองคำเปลวจริง ๆ

เพื่อป้องกันมิให้มีใครไปนึกปรามาสหลวงปู่ว่าทำตัวเหมือนพระพุทธเจ้าหรืออย่างไร  จึงขอเล่าที่มาไว้สักเล็กน้อย

เรื่องนี้เป็นเพราะภรรยาของ ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่งในอยุธยา (ภายหลังมาเปิดร้านทอง) เธอบนบานศาลกล่าวเรื่องใดก็ชักจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ที่สำคัญคือเธอบนว่าหากเรื่องนั้นสำเร็จ เธอจะแก้บนด้วยการเอาแผ่นทองคำเปลวมาติดที่เท้าหลวงปู่

แน่นอนที่สุด หลวงปู่ท่านต้องปฏิเสธมิให้ใครมาทำอะไรเช่นนั้น แต่ด้วยการตื้อของเธอ ประกอบกับการขอร้องหลวงปู่ว่าเธอต้องรักษาสัจจะ ในที่สุดหลวงปู่ก็จำต้องใจอ่อนยอมให้เธอปิดทองคำเปลวที่เท้าท่าน

โบราณท่านว่า หากลาภจะเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรให้เสมอหน้ากัน มิเช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเลือกที่รักผลักที่ชัง และเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจกับผู้ที่มิได้ลาภ ดังนั้น บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อเห็นว่าหลวงปู่อนุญาตเธอผู้นั้นแล้ว ก็พากันทะยอยมาขออนุญาตหลวงปู่บ้าง ผลที่สุดจึงมีทองคำเปลวติดเต็มหน้าแข้งหลวงปู่

แต่จะมีใครรู้บ้างว่า หลวงปู่ท่านเมตตาอนุญาตให้ทั้ง ๆ ที่ท่านเองก็รู้ว่าใครก็ตามมาสัมผัสเท้าท่าน เท้าท่านก็จะบวมในไม่ช้า และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ วันรุ่งขึ้นเท้าท่านบวมขนาดว่ามองไม่เห็นตาตุ่ม

อาการเท้าบวมของหลวงปู่นั้นมิใช่เกิดจากแผ่นทองคำเปลว หากแต่ใครก็ตามที่สัมผัสโดนเท้าท่าน เป็นบวมทุกทีไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องคอยระวังบรรดาพวกที่ชอบจู่โจมกราบให้ถึงหน้าตักครูบาอาจารย์

เรื่องที่ใคร ๆ มาสัมผัสถูกเท้าหลวงปู่ไม่ได้นั้น ศิษย์อาวุโสบางคนก็ให้เหตุผลว่าหลวงปู่ท่านบริสุทธิ์มาก บริสุทธิ์เกินกว่าใคร ๆ จะมาสัมผัสถูกตัวท่าน  เรื่องนี้ก็สุดวิสัยที่ใครจะทราบสาเหตุอย่างถ่องแท้

เอาไว้มีโอกาสจะนำภาพเก่ามาเล่าเรื่องให้ฟังอีกครับ

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
จำนวนข้อความทั้งหมด:  78
<
1
2
3
4
5
6
7
8
>
แสดงความคิดเห็น
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 51  « on 11/4/2555 20:30:00 IP : 110.168.52.156 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 


รูปหลวงปู่รูปนี้ ท่านตั้งใจให้ถ่ายตามที่คุณมาณพกราบขออนุญาตท่านเพื่อจะใช้เป็นแบบสำหรับการสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๔) ซึ่งระยะนั้นหลวงปู่ค่อนข้างผอม

จริง ๆ รูปชุดนี้มีถ่ายเอาไว้ทุกมุมเพื่อให้เพียงพอต่อการแกะรูปลอยองค์ แต่ลงไว้ให้ชมเฉพาะหน้าตรง

จัดว่าเป็นรูปเก่าที่หาชมยากอีกรูปหนึ่ง จึงนำมาฝากกันครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Aimee2500

Posts: 44 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 52  « on 11/4/2555 21:01:00 IP : 86.135.100.197 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 

นะโม พรหมปัญโญ

นะโม พรหมปัญโญ

นะโม พรหมปัญโญ

_/I\_ _/I\_ _/I\_

อยากทราบข้อความใต้ปฏิทินด้านหลังหลวงปู่จังค่ะ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 53  « on 11/4/2555 22:29:00 IP : 110.168.0.92 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 

เอมี่นี่เป็นคนช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะ

ลุงสิทธิ์ไม่ทันสังเกต ที่สังเกตก็แต่ท่านั่งของหลวงปู่ท่าน ดูสิ เวลาท่านนั่งขัดสมาธิ เข่าทั้งสองของท่านราบเรียบลงไป แลดูงดงามมาก (ดูของตัวเอง จะเห็นเข่ามันชี้ขึ้นมา ไม่ราบเรียบสวยงามอย่างท่าน)

อ้อ พระองค์ย่อม ๆ ที่ตั้งอยู่บนชั้นไม้ด้านหลังหลวงปู่ หลานเอมี่ไม่สนใจบ้างเหรอ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ไก่ในสุ่ม

Posts: 2 topics
Joined: 6/11/2552

ความคิดเห็นที่ 54  « on 12/4/2555 0:24:00 IP : 171.7.131.7 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 
สิทธิ์ Talk:

เอมี่นี่เป็นคนช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะ

ลุงสิทธิ์ไม่ทันสังเกต ที่สังเกตก็แต่ท่านั่งของหลวงปู่ท่าน ดูสิ เวลาท่านนั่งขัดสมาธิ เข่าทั้งสองของท่านราบเรียบลงไป แลดูงดงามมาก (ดูของตัวเอง จะเห็นเข่ามันชี้ขึ้นมา ไม่ราบเรียบสวยงามอย่างท่าน)

อ้อ พระองค์ย่อม ๆ ที่ตั้งอยู่บนชั้นไม้ด้านหลังหลวงปู่ หลานเอมี่ไม่สนใจบ้างเหรอ



 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Aimee2500

Posts: 44 topics
Joined: 14/12/2552

ความคิดเห็นที่ 55  « on 12/4/2555 2:08:00 IP : 86.161.179.34 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 
สิทธิ์ Talk:

เอมี่นี่เป็นคนช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะ

ลุงสิทธิ์ไม่ทันสังเกต ที่สังเกตก็แต่ท่านั่งของหลวงปู่ท่าน ดูสิ เวลาท่านนั่งขัดสมาธิ เข่าทั้งสองของท่านราบเรียบลงไป แลดูงดงามมาก (ดูของตัวเอง จะเห็นเข่ามันชี้ขึ้นมา ไม่ราบเรียบสวยงามอย่างท่าน)

อ้อ พระองค์ย่อม ๆ ที่ตั้งอยู่บนชั้นไม้ด้านหลังหลวงปู่ หลานเอมี่ไม่สนใจบ้างเหรอ



สาธุ.....สนใจค่ะ รอให้คุณลุงสิทธิ์ offer ที่จะมอบให้อยู่นี่ไงค่ะ เพราะทราบดีว่าหลวงปู่คงมอบให้คุณลุงสิทธิ์ไว้ครอบครองดูแล เพื่อที่จะมอบต่อให้เอมี่ไงค่ะ ...จริงไม๊ค่ะ คุุณลุงเมธ; ป้าน้อง; อาสุภา ละคุณลุงคนแถวหลัง กด LIKE เลยค่ะ ถ้าเห็นชอบด้วย

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 56  « on 23/4/2555 22:16:00 IP : 124.122.50.154 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 


ภาพข้างต้นเป็นเอกสารเก่าแก่ที่พบในกุฏิหลวงปู่ ดูเหมือนจะเป็นตำรากดจุดตามแบบแพทย์แผนไทย

แม้ตำราดังกล่าวจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่หลวงปู่ก็มิได้นำมาถ่ายทอดหรือใช้มัน คงเพราะเห็นว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคงเพราะเห็นว่าให้วิชชาอะไร ๆ ก็ไม่มีคุณค่าเท่ากับให้ "ธรรม" เพราะชีวิตของเรามันไม่ยาวพอจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง (แม้จะมีประโยชน์) ต้องเลือกเอาที่สำคัญและเร่งด่วนก่อนที่ความเสื่อมแห่งสังขาร คือ ความแก่ ความเจ็บ และความตายจะมาถึง

มันช่างยากและมีคุณค่าเหลือเกินที่จะอบรมสั่งสอนให้ใครสักคนรู้จักว่าสิ่งใดมีสาระแลมิใช่สาระ

นอกจากตำรากดจุดแล้วก็ยังมียันต์ประเภทต่าง ๆ แต่ก็นั่นแหละ ท่านศึกษาแล้วท่านก็วางไปในที่สุด ยิ่งเรื่องสักยันต์ หลวงปู่นอกจากจะไม่สอนแล้ว ยังพูดตำหนิให้ลูกศิษย์ฟังเสมอ ๆ ว่า "แต่ก่อน ข้าโง่มาเยอะ (ท่านพูดพร้อมกับชี้ไปที่รอยสักยันต์ที่ตัวท่าน"

แต่ภายหลังกลับมีลูกศิษย์เอาสิ่งที่ท่านทิ้งมาถ่ายทอดว่าเป็นวิชชาสุดยอดอะไรต่าง ๆ มากมาย ได้ยินได้ฟังแล้วก็ให้รู้สึกสลดสังเวชใจ จึงว่าเป็นการยากและมีคุณค่าเหลือประมาณในการที่ครูอาจารย์จะอบรมสั่งสอนให้ใครสักคนรู้ว่าสิ่งใดมีสาระแลมิใช่สาระ เพราะศิษย์ที่มามักเอาสิ่งที่ตนชอบใจเป็นที่ตั้งยิ่งกว่า "ธรรม" อันหลวงปู่และพระพุทธองค์ให้ความเคารพสูงสุด

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 57  « on 24/4/2555 0:15:00 IP : 58.8.145.15 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 
สิทธิ์ Talk:

ภาพข้างต้นเป็นเอกสารเก่าแก่ที่พบในกุฏิหลวงปู่ ดูเหมือนจะเป็นตำรากดจุดตามแบบแพทย์แผนไทย

แม้ตำราดังกล่าวจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่หลวงปู่ก็มิได้นำมาถ่ายทอดหรือใช้มัน คงเพราะเห็นว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคงเพราะเห็นว่าให้วิชชาอะไร ๆ ก็ไม่มีคุณค่าเท่ากับให้ "ธรรม" เพราะชีวิตของเรามันไม่ยาวพอจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง (แม้จะมีประโยชน์) ต้องเลือกเอาที่สำคัญและเร่งด่วนก่อนที่ความเสื่อมแห่งสังขาร คือ ความแก่ ความเจ็บ และความตายจะมาถึง

มันช่างยากและมีคุณค่าเหลือเกินที่จะอบรมสั่งสอนให้ใครสักคนรู้จักว่าสิ่งใดมีสาระแลมิใช่สาระ

นอกจากตำรากดจุดแล้วก็ยังมียันต์ประเภทต่าง ๆ แต่ก็นั่นแหละ ท่านศึกษาแล้วท่านก็วางไปในที่สุด ยิ่งเรื่องสักยันต์ หลวงปู่นอกจากจะไม่สอนแล้ว ยังพูดตำหนิให้ลูกศิษย์ฟังเสมอ ๆ ว่า "แต่ก่อน ข้าโง่มาเยอะ (ท่านพูดพร้อมกับชี้ไปที่รอยสักยันต์ที่ตัวท่าน"

แต่ภายหลังกลับมีลูกศิษย์เอาสิ่งที่ท่านทิ้งมาถ่ายทอดว่าเป็นวิชชาสุดยอดอะไรต่าง ๆ มากมาย ได้ยินได้ฟังแล้วก็ให้รู้สึกสลดสังเวชใจ จึงว่าเป็นการยากและมีคุณค่าเหลือประมาณในการที่ครูอาจารย์จะอบรมสั่งสอนให้ใครสักคนรู้ว่าสิ่งใดมีสาระแลมิใช่สาระ เพราะศิษย์ที่มามักเอาสิ่งที่ตนชอบใจเป็นที่ตั้งยิ่งกว่า "ธรรม" อันหลวงปู่และพระพุทธองค์ให้ความเคารพสูงสุด



สาธุ..ครับ
ความจริงเรื่องราวเหล่านี้..แม้ผมจะมีอายุทันยุคหลวงปู่ท่าน แต่สมัยนั้นก็มั่วแต่ไปอยู่ด้านอีสาน จนไม่มีโอกาส มีบุญได้กราบท่านเลย..
จนมายุคหลังความที่สนใจในองค์ท่าน จึงพยายามติดตาม ศึกษาประวัติหลวงปู่ท่านจากบุคคลในพื้นที่จริง ทั้งจากคนในวัด คนใกล้ชิดวัด ชาวบ้านบริเวณวัด ที่ยังมีชีวิตอยู่ ณ ปัจจุบัน หลายๆท่านเป็นคนที่อยู่กับหลวงปู่ พูดคุย พบปะ รับใช้กับหลวงปู่ท่านเกือบจะทุกวัน 
จากการสอบถามรายละเอียดด้านต่างๆ ต้องยอมรับครับว่า หลวงปู่ฯท่านมีแนวทางการสอน การสนทนาพูดคุย การเตือนสติที่แตกต่าง หลากหลายมาก
ผมเคยตั้งปุจฉากับตัวเองว่า ทำไมบางคราจึงดูเหมือนหลวงปู่ท่านสอนกันไปคนละแนวเลย เช่น ในกลุ่มผู้สนใจปฏิบัติธรรม ท่านก็จะเน้น สอน พูดคุย ไปในแนวทางธรรมะอย่างเดียว ปฏิบัติอย่าเดียว
แต่ในกลุ่มผู้สนใจแต่ด้านอภินิหาร พระเครื่อง คงกระพันชาตรี คาถาอาคม พิธีกรรมพิธีการ ที่เป็นที่นิยมสมัยนั้น  หลวงปู่ท่านก็พูดคุยได้เช่นกัน แถมอธิบายทีมาที่ไป ย้อนยุคไปในสมัยที่ท่านเรียนอยู่บ้าง ประสบการ์ณบ้าง เล่าความวิเศษของคาถาบทนั้นๆบ้าง จนบางคราผมเองยังรู้สึกสงสัยว่า ที่แท้หลวงปู่ฯเป็นพระเกจิขมังเวทย์ หรือพระปฏิบัติผู้หวังพระวิมุตติหลุดพ้นกันแน่..
ความสงสัยในจิตส่วนลึกดังกล่าว ผมจึงได้พยายามสอบถามรายละเอียดลึกลงไปอีกว่า แล้วที่หลวงปู่ท่านสอน ท่านเล่า ท่านพูดคุยแต่เพียงด้านอภินิหาร ความขลังใดๆอย่างเดียวหรือ? หรือยังมีเรื่องราวอื่นๆที่หลวงปู่ท่านสอนลงที่จุดไหน อย่างไร
เรียกว่าเกือบจะทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าที่เคยได้ยินมา จะตอบตรงกันว่า ก็ให้ลงมือปฏิบัติ ลงมือจริง เห็นผลจริง แล้วจะรู้เอง
ความที่เคยสงสัยเคลือบแคลงก็หมดไป จึงค่อยๆมานั่งเรียบเรียง ประกอบกับดูจากบุคคลิกลักษณะของคนที่ผมได้สอบถามพูดคุยด้วย ก็พอจะอนุมานได้ว่า หลวงปู่ฯท่านไม่ขัดใคร แต่ท่านได้พิจารณาดูแล้วว่า บุคคลใดสมควรแก่ธรรมใด สถานะใด บางคราอาจปล่อยตามใจเขาแต่เพียงเบื้องต้น สนทนาพูดคุยด้วยเรื่องราวแบบลกๆ แต่ที่สุดแล้วองค์ท่านก็หาวิธีโน้มจิตใจเขาลงในธรรมได้เองล่ะ
สิ่งที่กาลต่อมาอาจมีการถ่ายทอดที่ผิดแปลกแหวกแนวออกไปบ้าง ทั้งนี้ก็อยู่ที่ภูมิจิตภูมิธรรมของบุคคลผู้นั้น ว่าจะเลือกจดจำในข้อธรรมคำสอน คำพูด คำกล่าวด้านใดของหลวงปู่ท่านซะมากกว่า
ก็เท่านี้เอง..สำหรับความรู้สึกนึกคิดผม   

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 58  « on 24/4/2555 0:46:00 IP : 58.8.145.15 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 

ต้นไม้ต้นหนึ่ง..พิจารณาดูดีๆย่อมมีธรรม

ราก ลำต้น กิ่งก้าน ใบ ประกอบขึ้นเป็นธรรม

แม้เพียงลำต้น..พิจารณาโดยส่วนลึก

ยังประกอบด้วย เปลือก แก่น กระพี้..

ท่านชอบส่วนใดของต้นไม้ต้นนี้ฤา...

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
สิทธิ์

Posts: 591 topics
Joined: 5/11/2552

ความคิดเห็นที่ 59  « on 24/4/2555 7:08:00 IP : 203.148.162.151 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 
ธุลีดิน Talk:

ต้นไม้ต้นหนึ่ง..พิจารณาดูดีๆย่อมมีธรรม

ราก ลำต้น กิ่งก้าน ใบ ประกอบขึ้นเป็นธรรม

แม้เพียงลำต้น..พิจารณาโดยส่วนลึก

ยังประกอบด้วย เปลือก แก่น กระพี้..

ท่านชอบส่วนใดของต้นไม้ต้นนี้ฤา...



อ้า... วันนี้มีประเด็นให้ได้มีธรรมสากัจฉากับคุณธุลีดินอีกแล้ว

การปฏิบัติธรรมตามความเห็นของผมนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับว่าชอบใจหรือไม่ชอบใจ มันขึ้นอยู่กับว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องมากกว่า

ที่ว่าส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้รวมเป็นธรรม ก็ต้องตระหนักด้วยว่า กระพี้คือกระพี้ กระพี้ไม่ใช่แก่น เปลือกคือเปลือก เปลือกมิใช่แก่น ฯลฯ ปัญหาคืออย่าเผลอคว้าเอาเปลือกมาด้วยความสำคัญมั่นหมายว่ามันเป็นแก่น 

ส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ย่อมมีความสำคัญ เปลือกก็สำคัญอย่างเปลือก เพราะเปลือกช่วยรักษากระพี้ กระพี้ก็สำคัญอย่างกระพี้ เพราะกระพี้ช่วยรักษาแก่น ก็เหมือนศีล สมาธิ และปัญญาที่ห่อหุ้มรักษาตัววิมุติ

อีกประการหนึ่ง ผมเคยหยิบยกอยู่หลายครั้งว่าวัตรภายนอก เช่น พิธีกรรมต่าง ๆ เราจะไปดูถูกไม่ได้ เพราะไม่มีเปลือกหรือกระพี้ ต้นไม้ก็อยู่ไม่ได้

แต่ประเด็นที่อยากจะชี้ ณ ที่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนหรือเข้าใจผิด ก็คือ เราไม่ได้พูดกันถึงเรื่องเปลือกหรือกระพี้ แต่เรากำลังพูดถึง "เถาวัลย์หรือกาฝาก" ที่มันจะมาทำลายตัวต้นไม้

การทำพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์โดยขาดปัญญา หรือการเล่นเดียรัจฉานวิชา ฯลฯ มันจะทำให้ชาวพุทธเสียหลัก หลักอะไร ก็คือหลักเรื่องกรรมและความเพียรที่เน้นย้ำว่าบุคคลจะหลุดพ้นได้ก็ด้วยความเพียร จะอยู่ดีมีสุขก็ต้องประพฤติธรรม มิใช่การอ้อนวอนอาราธนาขออำนาจหรือพลังงานลี้ลับมาดลบันดาล หรือเน้นอาคมยิ่งกว่าการประพฤติธรรม

ผมเข้าใจเจตนาและเชื่อในความปรารถนาดีของคุณธุลีดิน แต่ดูเหมือนคุณธุลีดินกำลังเอา ๒ เรื่องมาปนกัน คือ ๑. เรื่องคนเรามีจริตนิสัยที่ต่างกัน กับ ๒. การปฏิบัติที่ใช่ กับที่ไม่ใช่

ในข้อ ๑ นั้น เป็นเรื่องของหนทางที่ล้วนถูกต้อง ซึ่งผู้ปฏิบัติพึงพิจารณาเลือกหนทางที่ถูกจริตนิสัย (ไม่ควรใช้คำว่าชอบใจหรือไม่ชอบใจ ก็เหมือนเด็ก ๆ หากผู้ใหญ่ให้เขาเลือกเอาหรือเลือกทำแต่ที่ชอบใจ ผลจะเป็นอย่างไร)

แต่ข้อ ๒ เป็นเรื่องหนทางที่ผิดกับที่ถูก ไม่ใช่เรื่องของหนทางที่เหมาะกับจริตนิสัยหรือไม่

อุปมาเหมือนมีทางไต่ลงเขาอยู่ ๓ ทาง ๑. ไต่อ้อมลงไปทางซ้ายซึ่งอาจช้าหน่อยเพราะมีต้นไม้เยอะ  ๒. ไต่อ้อมลงไปทางขวาซึ่งอาจช้าหน่อยเพราะมีโขดหินมาก และ  ๓. ไต่ลงไปตรงๆ เพราะมันใช้เวลาสั้นที่สุด แต่ทว่ามันชันมาก (ต้องใช้ความเพียรแรงกล้า)

ทั้ง ๓ ทางล้วนเป็นทางไปสู่จุดหมายได้ ที่ผู้ปฏิบัติต้องเลือกเอาว่าจะเดินทางไหน แต่อยู่ ๆ ก็มีคนมาเสนอว่า อย่าไปนะ ๓ ทางที่ว่านั้น ให้กระโดดลงไปเลย จะถึงเร็วที่สุด แถมไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยด้วย เพราะเชื่อว่าข้างล่างมีอะไรนุ่ม ๆ รองรับอยู่

ผู้รู้ (คือพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์) ซึ่งท่านทราบอันตรายของหนทางดังกล่าว ท่านจึงเตือนด้วยความเมตตาว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต (พระพุทธเจ้าเคยอุปมาพระองค์เองว่าเป็นเหมือนยามเฝ้าตลิ่ง คอยบอกเตือนผู้ที่ไม่รู้ มิให้ไหลไปตามกระแสน้ำแล้วไปตกเหวข้างหน้า)

สรุปก็คือ ไม่ควรเอาประเด็น หนทาง ๓ หนทาง (ซึ่งถูกทุกทาง) มาปนเปกับหนทางที่ "ไม่ใช่"

ถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าหนทางไหนใช่ หรือไม่ใช่

ก็อาศัยแผนที่และเข็มทิศที่พระพุทธเจ้าประทานให้นั่นเอง

แล้วจะไปหาแผนที่หรือเข็มทิศจากไหน

ตอบว่า ก็อาศัยการศึกษา ไม่ว่าจะศึกษาโดยตรงจากพระไตรปิฎก หรือศึกษาผ่านครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ (กรณีครูอาจารย์สอนไม่ตรงกับไม้บรรทัดที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ เราก็ต้องยึดเอาของพระพุทธเจ้าเป็นหลักไว้ ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นปฏิบัติตามลัทธิของอาจารย์ ไม่ใช่ศาสนาพุทธ)

นี่เขียนจนเมื่อยมืออีกรอบแล้วนะครับคุณธุลีดิน ถ้าไม่เห็นว่าเป็นคุณธุลีดินซึ่งท่องไปทั่วอีสาน เป็นคนรักความจริง และรักในเหตุในผล ก็คตงไม่เสี่ยงแสดงทัศนะข้างต้นเป็นแน่

ด้วยความรักนับถือในฐานะผู้มีความเคารพในหลวงปู่ดุจเดียวกันครับ

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
ธุลีดิน

Posts: 0 topics
Joined: 17/5/2554

ความคิดเห็นที่ 60  « on 24/4/2555 9:00:00 IP : 110.168.215.53 »   
Re: ภาพเก่าเล่าเรื่อง
 

เห็นด้วยกับคุณลุงสิทธิ์ครับ..

อย่างไรเสีย..ลุงสิทธิ์ก็ยังเป็นลุงสิทธิ์

มีผู้มีความละเอียดลออ พิจารณาได้ลึกซึ้งมาก

ประเด็นในกระทู้นี้..ความจริงเพียงแค่

เจตนาในการสื่อให้เห็นถึงหลวงปู่ฯท่าน ในการเป็นพระปฏิบัติ

และเชื่อว่ายังอาจมีคนใหม่ๆอีกหลายๆท่าน เท่าที่ผมเคยได้พูดคุยด้วย

ที่ยังไม่รู้จักหลวงปู่ท่านที่แท้จริง และยังไม่รู้จักหน้าเวบแห่งนี้

บางครั้งการได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน เรื่องบางเรื่องอันเกี่ยวกับหลวงปู่ท่าน ที่ออกไปในแนววิชาคาถาอาคมต่างๆ พระเครื่องต่างๆเป็นต้น

อาจจับเพียงจุดนั้น และพาลนึกไปว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระออกแนวเกจิขมังเวทย์ไปเสียด้านเดียว

จนละเลยเสียซึ่งการปฏิบัติ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์และสิ่งที่หลวงปู่ฯท่านเน้นย้ำที่สุด

ก็จะเป็นไปอย่างน่าเสียดาย..

ขอบคุณคุณลุงครับ..ที่อุตส่าห์พิมพ์จนเมี่อยนิ้ว..ฮา..

 

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
<
1
2
3
4
5
6
7
8
>
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สนทนาเรื่องราวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  



Online: 2 Visits: 16,717,570 Today: 9,485 PageView/Month: 20,592