ขอบคุณพี่รพินทร์ครับ ทำให้ทราบความประมาทในอีกบริบทหนึ่ง
ขออนุญาตนำพี่ๆตัดเข้าสู่ช่วงโฆษณาเบาๆนะครับ
เช้าของวันวิสาขบูชา ๒๕๕๖ ณ บ้านหลังน้อยอยู่ในซอยลึก ในจำนวน ๓,๐๐๐ กว่าหลัง ใจกลางรังสิตคลองสาม
เช้านี้ช่างสดใส เพราะเป็นวันสำคัญของสมเด็จพ่อและหลวงปู่ดู่ เนื่องด้วยได้หยุดพักแบบยาวๆ สองคนสามี ภรรยา จึงได้จัดการกับบ้านอันเป็นเครื่องอยู่อาศัยชั่วคราว ให้แลดูเจริญตาแก่ตนเองแลผู้พบเห็น
เสร็จสรรพ ฝ่ายสามี เกิดวิตกกังวลในใจว่า "นี่ก็ ๒,๖๐๐ พุทธชยันตีแล้วหนอ อีกทั้งจะครบ ๒ เดือนแล้ว ที่เราได้ปฏิบัติภาวนาไตรสรณคม ทั้งอรรถและพยัชนะเราก็พอรู้บ้าง แต่พระธรรมแท้ๆนั้นยังไม่ปรากฎแจ้งแก่ใจ หากเราสิ้นลมในวันนี้ คงไม่อาจให้อภัยตัวเองอย่างแน่นอน"
ด้วยกลัวการเกิดใหม่ เขาจึงรีบค้นหาหนังสือธรรมะ ที่พอมีตามบ้าน หวังเพียงได้พบพระธรรมแท้ๆเท่านั้น.....หยิบมา วางลง หยิบแล้ว วางไว้ ยังไม่ใช่
ก่อนที่เขาจะถอดใจ พลันสายตาก็พบหนังสือเล่มใหญ่ หน้าปกบอกไว้ว่า "พระธรรมเทศนา โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน" จึงนำไปปัดฝุ่นที่เกรอะกรัง อันแสดงได้ว่าหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ได้มา ไม่เคยพบพานกับการสัมผัสของผู้ใดเลย.....๑๔.๔๑ น. เขาเหลือบมองดูเวลา ฝนฟ้ากระหน่ำอย่างรุนแรง ไม่เกรงใจแม้แต่วันสำคัญเช่นนี้
เขาค่อยๆเปิดดู หวังเพื่อพบสิ่งที่ปรารถนาที่สุด... ณ สารบัญนี้เอง สายตาเขาต้องอิ่มเอมอย่างเต็มตากับหัวข้อเทศน์ที่ว่า"ทางจะให้รู้ธรรม"
ไม่รอช้า เขาค่อยๆบรรจงอ่าน โดยพยายามอ่านอย่างเด็กอนุบาลหัดอ่านตามคุณครูสอน เพื่อใจจะได้พิเคราะห์ข้อธรรม อย่างถึงใจ
จากเต็มตา มาเต็มล้นหัวใจเมื่ออ่านจบ โอหนอ...จริงอย่างที่ท่านว่า"พระธรรมก็คือกุญแจไขทุกข์"
รอยยิ้มมันเสนอหน้า เต็มใบหน้าอย่างมิได้เสแสร้งแกล้งทำ
เย็นแล้ว ฝนหยุดตก สองคนสามีภรรยา ปั่นจักรยานออกจับจ่ายหาของจำเป็นมาบำรุงร่างกาย ฝ่ายสามีก็พร่ำบอกถึงสิ่งที่พึ่งอ่านพบมา ตลอดเส้นทางจึงได้ยินแต่แว่วเสียงสนทนา เรื่องราวของท่านพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์มหาบัว แลอิงปฏิปทาหลวงปู่ดู่ อย่างนอบน้อมสำรวมระวัง |